วันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 11:20 น.
วันนี้ (4กย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เป็นประธานการแถลงข่าว ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จับกุม ผู้ต้องหา 3 ราย แจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้รับประกันภัยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สืบเนื่องจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 มีผู้เสียหายร้องเรียนมาที่ คปภ. หลังจากซื้อรถยนต์จากเต็นท์รถมือสองย่านบางแคและนนทบุรี
โดยมีการเสนอแพคเกจที่เรียกว่า “ประกันสุขภาพรถยนต์/รับประกันคุณภาพรถยนต์มือสอง” ของบริษัทแห่งหนึ่ง เพื่อรับประกันอะไหล่รถยนต์มือสองของลูกค้า เรียกเก็บค่าเบี้ยประกัน 28,000 บาท หลังจากผู้เสียหายบางรายซื้อรถไปแล้วไม่นาน ปรากฏว่ารถเกิดอาการผิดปกติ เช่น เครื่องยนต์สะดุด ระบบเกียร์มีปัญหา ระบบหัวฉีดขัดข้อง จึงได้นำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่ในเครือ ปรากฎว่าบริษัทปฏิเสธความรับผิดชอบ ไม่รับเคลมโดยอ้างว่าราคาสูงเกินมาตรฐานและอยู่นอกเงื่อนไขความคุ้มครอง กลุ่มผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องเรียนต่อคปภ.
หลังจากตำรวจลงพื้นที่สืบสวนกรณีดังกล่าว พบว่า บริษัทแห่งนี้จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2565 มีพฤติกรรม เสนอขายแพคเกจในลักษณะดังกล่าวจริง ซึ่งลักษณะการกระทำเช่นนี้ เป็นการเรียกเก็บผลตอบแทน เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อันมีลักษณะเป็นการ “รับประกันภัย” ซึ่งจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่พบว่าบริษัทมีใบอนุญาต รวมถึงบริษัทมีการเผยแพร่คลิปโฆษณาผ่านเพจ
โดยใช้รถของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีข้อมูลแอบอ้างอีกหลายอย่าง เมื่อตรวจสอบข้อมูลทางการเงิน พบเงินหมุนเวียนที่น่าเชื่อว่ามาจากการการเรียกเก็บเบี้ยประกันจากผู้เอาประกัน 259 ราย และกลุ่มเต็นท์รถคู่สัญญา จำนวน 52 ราย รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดยมีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัวของกรรมการทั้ง 3 รายไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
พนักงานสอบสวน ปอศ. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย และเข้าตรวจค้นเป้าหมาย2จุดในพื้นทีเขตหนองแขม และกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร แจ้งข้อหาความผิดตาม พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหายังคงให้การภาคเสธ ซึ่งตำรวจได้ควบคุมตัวกรรมการบริษัททั้ง 3 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




