วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 14:46 น.
"บิ๊กเต่า" ลงพื้นที่ปฏิบัติการ นำกำลังบุกจับ ปลัด อบจ. รีดเงินผู้รับเหมา แลกเซ็นอนุมัติ เบิกจ่ายงบสร้างถนน เจ้าตัวให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (ผกก.3 บก.ปปป.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
ร่วมกันสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา อายุ 66 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ที่ 21/2568 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2568 โดยแจ้งข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขื่นใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, และ 157 โดยบุกเข้าจับกุมถึงที่ทำงาน ที่ อบจ.แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ภาคอีสาน
สืบเนื่องจาก ผู้กล่าวหาซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างของเอกชน ได้ทำสัญญารับจ้างโครงการปรับปรุงถนนลาดยางผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ จำนวน 1 โครงการ วงเงินงบประมาณ 9,780,000 บาท และโครงการเสริมผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ จำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ 2,993,000 บาท รวมทั้งสิ้น 7 โครงการ วงเงินงบประมาณรวม 12,773,000 บาทกับทาง อบจ.แห่งหนึ่งในภาคอีสาน โดยมี ปลัด อบจ. ดังกล่าว เป็นผู้ลงนามว่าจ้าง ปรากฏตามสัญญา
ต่อมาเมื่อผู้กล่าวหาทำงานเสร็จสิ้นแล้ว ตามสัญญา ได้ส่งมอบงานและเบิกเงินค่าก่อสร้างแล้ว 2 โครงการ แต่เมื่อผู้กล่าวหาต้องการขอเบิกเงินค่าดำเนินงานตามโครงการเหลืออีก 5 โครงการ ผู้ต้องหากลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้เบิกเงินค่าจ้าง โดยแจ้งว่างานไม่เรียบร้อยตามสัญญาจ้าง
และเมื่อผู้กล่าวหาได้เข้าไปพบผู้ต้องหา ผู้ต้องหาได้เขียนข้อความลงในแผ่นกระดาษให้แก่ผู้กล่าวหาโดยมีข้อความเรียกรับเงิน ร้อยละ 10% ของวงเงินตามโครงการ รวมเป็นเงินประมาณ 700,000 บาทเศษ เพื่อตอบแทนในการตรวจรับงานแทนการพูด ซึ่งความจริงแล้วผู้กล่าวหาได้ทำงานครบถ้วนถูกต้องตรงตามสัญญาแล้ว และได้ตรวจงานรับงานถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้เบิกเงินค่าดำเนินงานตามโครงการ ผู้กล่าวหาจึงต้องจำยอมมอบเงินให้แก่ผู้ต้องหา โดยก่อนนำเงินไปส่งมอบเงินผู้กล่าวหาได้เข้าร้องเรียนต่อ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน
ต่อมาผู้กล่าวหาได้นำเงินไปมอบให้กับผู้ต้องหาที่ห้องทำงาน จำนวน 500,000 บาท ผู้ต้องหาได้เขียนข้อความลงในแผ่นกระดาษแทนการพูด มีข้อความว่าให้นำเงินไปวางไว้ยังจุดที่ผู้ต้องหาสั่ง ภายหลังเลิกงาน ผู้ต้องหา จึงเข้าไปหยิบเงินแล้วเดินทางกลับที่พัก หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้โทรศัพท์ติดต่อทวงถามเงินส่วนที่เหลือ อีก 200,000 บาท กับผู้กล่าวหาอีก ผู้กล่าวหาจึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อให้ดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปปป. จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย
กระทั่งวันนี้ (22 ส.ค.68) บก.ปปป.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหา ในห้องทำงาน พร้อมของกลาง เงินสด 200,0000 บาท มาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา


