วันที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา 16:56 น.
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. บูรณาการความร่วมมือกับ ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย, ชปส.บก.ตชด.ภาค 4, กองบังคับการตำรวจทางหลวง และ สภ.รัตภูมิ จับกุม นายสอ (นามสมมุติ) พร้อมไอซ์ 264 กก. ซุกซ่อนในรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ในข้อกล่าวหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน หรือเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ” เหตุเกิดที่ สถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ทองรูปพรรณ อายัดเงินในบัญชีธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สืบสวนติดตามพฤติการณ์ขบวนการลำเลียงยาเสพติดที่ใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อซุกซ่อนยาเสพติด จากพื้นที่ภาคกลาง ก่อนจะลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ภาคใต้
กระทั่งวันที่ 11 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์ทราบรถบรรทุกสิบล้อที่คาดว่าใช้ลำเลียงยาเสพติด ขับอยู่ในพื้นที่ ต.ท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง มุ่งหน้าเข้าพื้นที่ จ.สงขลา ต่อเนื่องวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 22.00 น. พบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ในสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นรถบรรทุกสิบล้อต้องสงสัย พบนายสอ (นามสมมุติ) เป็นผู้ขับขี่ จากการตรวจค้น พบไอซ์ 294 กก. (บรรจุอยู่ในกระสอบ 12 ใบ) ซุกซ่อนอยู่ในรถบรรทุกสิบล้อ จึงทำการจับกุมนายสอ จากนั้นเจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหารวม 2 จุด (จ.พัทลุง, จ.นครศรีธรรมราช) ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ทองรูปพรรณ อายัดบัญชีธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายการค้ายาเสพติด และรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ให้ถึงระดับนายทุนผู้สั่งการ รวมทั้งใช้มาตรการขยายผลการสืบสวนเพื่อติดตามหาทรัพย์สิน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดทั้งหมดมาดำเนินคดีไปควบคู่กัน โดยมีเป้าหมายเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดอย่างเป็นระบบต่อไป

