หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 11 สิงหาคม 2568

วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลา 05:47 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 11 สิงหาคม 2568


>> ศบ.ทก. รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา หลายพื้นที่ปลอดภัย ปชช.ทยอยกลับบ้าน หน่วยงานเร่งเก็บกู้วัตถุระเบิดตกค้าง

07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม 2568 จนถึงเช้าวันนี้ (วันจันทร์ ที่ 11สิงหาคม 2568) เหตุการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา 7 จังหวัด ไม่มีเหตุปะทะหรือความรุนแรงเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา หลังการประชุม GBC มีแนวโน้มคลี่คลายลงอย่างต่อเนื่อง และหลายพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาภายใต้การดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานความมั่นคง

อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่ยังพบวัตถุระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัยตกค้าง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบและเก็บกู้เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ หากประชาชนพบพื้นที่ที่ยังไม่ปลอดภัยหรือพบวัตถุต้องสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ หมายเลข 191 เพื่อประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าดำเนินการ

รัฐบาลให้ความสำคัญทั้งการรักษาความสงบและการฟื้นฟูพื้นที่ชายแดนให้ปลอดภัยจากวัตถุระเบิดตกค้าง เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับบ้านและดำเนินชีวิตได้ตามปกติ


>> เณร 16 ปี ชักปืนยิงพระ เหตุเพราะมีปากเสียงขณะกวาดลานวัด

09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกโพธิ์ รับแจ้งว่า มีเหตุพระภิกษุถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ภายในวัดแห่งหนึ่ง ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

ที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บเป็นพระภิกษุ 1 รูป อายุ 32 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์อย่างเร่งด่วน โดยอาการล่าสุดยังรู้สึกตัวดี ส่วนผู้ก่อเหตุคือ สามเณร อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นสามเณรภายในวัดเดียวกัน หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้าไปในบ้านพักใกล้เคียง

จากการติดตามของเจ้าหน้าที่ทั้งชุดปฏิบัติการจุดตรวจช้างให้ตกและชุดสืบสวน สภ.โคกโพธิ์ สามารถติดตามควบคุมสามเณรผู้ก่อเหตุได้สำเร็จ พร้อมยึดอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอกที่สามเณรทิ้งไว้ลานวัดที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พระที่อยู่ในเหตุการณ์เผยว่า ก่อนเกิดเหตุ สามเณรผู้ก่อเหตุบอกว่ามีเงินหาย แต่ความจริงเงินยังอยู่ในกระเป๋า พระที่ถูกยิงจึงพูดว่า ถ้าวันนั้นโทษกู มึงโดนแน่ จากนั้นสามเณรถามว่า จะเอาลูกปืนไหม แบ่งกันคนละเม็ดไหม พระที่ถูกยิงตอบกลับว่า ถ้ากล้าก็ยิงเลย ก่อนที่สามเณรจะชักปืนยิงทันทีต่อหน้าพระลูกวัดคนอื่นๆ หลังจากนั้นได้วิ่งหลบหนีกลับบ้าน

พระลูกวัดเปิดตอนท้ายว่า รู้สึกเสียใจมากที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับพระด้วยกัน ทั้งที่อยู่ร่วมกันมา 3–4 เดือน ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงแบบนี้ และไม่เคยรู้มาก่อนว่าสามเณรมีปืน หากรู้ตั้งแต่แรกคงไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้น ส่วนอาการของพระที่ถูกยิง ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน รู้สึกตัวและตอบสนองได้ดี


>> รวบสาวหลอกขายต้นไม้ ผู้เสียหายสูญเงินกว่า 3.4 ล้านบาท ตรวจประวัติโกงเพียบ

10.16 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม น.ส.ออ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามตามหมายจับ ฐานฉ้อโกง ถึง 8 หมาย โดยตำรวจตามจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่งใน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

พฤติการณ์ ผู้เสียหายจาก 3 จังหวัด (จ.จันทบุรี จ.นครนายก และ จ.ชลบุรี) ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดจันทบุรี ศาลจังหวัดนครนายก และศาลจังหวัดพัทยา กรณี น.ส.ออ มีการตกลงขายต้นไม้ให้ผู้เสียหาย แต่เมื่อถึงเวลาตามกำหนดนัด ไม่สามารถส่งต้นไม้ให้กับลูกค้าตามที่ตกลงซื้อขายกันได้และหลบหนีไป มีมูลค่าความเสียหายรวม 3.4 ล้านบาท แบ่งเป็น ผู้เสียหาย จ.จันทบุรี 2 ล้านบาท จ.นครนายก 1 ล้านบาท และ จ.ชลบุรี 4 แสนบาท 
สำหรับกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมในครั้งนี้ เนื่องจากได้ข้อมูลว่า ผู้ต้องหามาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดชุมพร เลยมีการสืบสวนและบุกเข้าไปจับกุม โดยทางเจ้าที่ทำทีเป็นคนมาขอซื้อต้นไม้ (ต้นไทรเกาหลี) โดยจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า นอกจากขายหน้าบ้าน แล้วยังมีการเปิดขายออนไลน์ด้วย

จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า น.ส.ออ มีหมายจับอื่นอีก 7 หมาย ในข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” รวมทั้งสิ้น 8 หมายจับ จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ทุกข้อกล่าวหา


>> รถอเนกประสงค์พลิกคว่ำลงข้างทาง ริมถนนเพชรเกษม พบบาดเจ็บ 3 และเสียชีวิต 2 ราย

12.07 น. ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคลพลิกคว่ำลงข้างทาง และมีผู้บาดเจ็บติดค้างในยานพาหนะ ริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ ช่วงโค้งอ่างทอง ในพื้นที่ ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์

ที่เกิดเหตุ พบรถอเนกประสงค์ มิตซูบิชิ สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะพลิกหงายท้องอยู่ริมป่าหญ้าข้างทาง ตรวจสอบพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดค้างภายในรถ จำนวน 5 ราย เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือออกมาและปฐมพยาบาลเบื้องต้น จำนวน 3 ราย เป็นชาย, หญิง และเด็กหญิง เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาลทับสะแก

และพบว่าอีก 2 รายนั้นได้เสียชีวิตแล้ว เป็นผู้หญิง อายุ 45 - 50 ปี และเด็กชาย อายุประมาณ 10 - 15 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทับสะแก


>> ขนส่งฯ ตรวจเข้ม รถโดยสารสาธารณะ เดินทางหยุดยาว "วันแม่"

12.10 น. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการตามมาตรการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย ช่วงวันหยุดต่อเนื่องวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ โดยมีมาตรการตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร จุดจอด Rest Area และจุดตรวจรถโดยสารสาธารณะ Check Point ทั่วประเทศระหว่างวันที่ 9 – 12 สิงหาคม 2568 เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน

โดยเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดทุกแห่ง ตรวจความพร้อมของรถและความพร้อมของผู้ขับรถก่อนออกเดินทาง ตามแบบ Checklist เช่น การมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง ตามประเภทใบอนุญาตขับรถและไม่หมดอายุ ตรวจความพร้อมด้านร่างกาย และการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจต้องเป็นศูนย์มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ชั่วโมงการขับรถไม่เกินที่กฎหมายกำหนด รถโดยสารสาธารณะทุกคันต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรงทั้งสภาพตัวรถภายนอกและภายใน รวมทั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยต่างๆ เช่น ประตูฉุกเฉิน ค้อนทุบกระจก เข็มขัดนิรภัย ถังดับเพลิง ต้องพร้อมใช้งานอยู่เสมอ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและให้ความรู้แก่ผู้โดยสารกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และขอให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ

สำหรับผลดำเนินการตรวจความพร้อม ในวันที่ 10 สิงหาคม 2568 ตรวจรถโดยสารสาธารณะแล้ว จำนวน 10,581 คัน พบรถบกพร่อง จำนวน 10 คัน โดยได้ดำเนินการออกคำสั่งผู้ตรวจการ ส่วนการตรวจความพร้อมพนักงานขับรถ จำนวน 10,581 ราย ไม่พบพนักงานขับรถบกพร่องและไม่พบว่ามีอุณหภูมิเกิน


>> มอบบ้านน็อคดาวน์ให้กับประชาชนที่เดือดร้อนจากชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 หลัง

13.00 น. นายภูมิธรรม เวชชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก

โดย พ.ต.อ.ทวี ได้มอบหมายให้กรมราชทัณฑ์นำผู้ต้องขังชั้นดีจากเรือนจำกลางอุบลราชธานี ออกช่วยเหลือซ่อมแซมและรื้อถอนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้มีโอกาสทำประโยชน์เพื่อสังคม

ขณะที่ นางสาวธีรรัตน์ ได้ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านน็อคดาวน์ให้แก่ประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยในระยะแรก ในวันนี้ ได้มีการดำเนินการก่อสร้างบ้านเพื่อคนไทยแบบน็อคดาวน์ สำเร็จรูป จำนวน 11 หลัง ส่งมอบให้กับประชาชนที่บ้านพักได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิด จำนวน 4 ครอบครัว

จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่ามีบ้านเรือนในพื้นที่อำเภอน้ำยืนได้รับความเสียหายกว่า 80 หลังคาเรือน แบ่งเป็นความเสียหายเล็กน้อย ปานกลาง และเสียหายทั้งหลัง โดยรัฐบาลได้มอบให้กระทรวง มหาดไทยและกระทรวงยุติธรรม ร่วมมือกันเร่งรัดดำเนินงานซ่อมแซมบ้านพักที่ชำรุดเสียหายหรือก่อสร้างบ้านน็อคดาวน์แบบสำเร็จรูปให้กับประชาชนที่บ้านเสียหายทั้งหลัง เพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยในระหว่างการลงพื้นที่ พ.ต.อ.ทวี และนางสาวธีรรัตน์ ยังได้พบปะประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่ในการบรรเทาความเดือนร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนด้วย


>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดเชียงใหม่

14.17 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.1 ความลึก 1 กม. ภายในพื้นที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไม่มีรายงานการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน


>> รวบคนขับรถทัวร์ขนต่างด้าว 16 ราย ซุกใต้ท้องรถ-เบาะผู้โดยสาร

15.02 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาชายไทย อายุ 44 ปี จำนวน 1 ราย พร้อมด้วยผู้ต้องหาต่างด้าว สัญชาติเมียนมาและจีน รวม 16 ราย โดยแจ้งข้อหา “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้น พ้นจากการจับกุม” และ“เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุมได้ บริเวณถนน ทล.1 (ถนนพหลโยธิน) ต.ถนนงาม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร

หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้โดยสารรถทัวร์ว่า รถบัสประจำทางคันหนึ่งได้จอดรับผู้โดยสารนอกจุดที่กำหนดถึง 2 ครั้ง คือ บริเวณถนนพหลโยธิน เขต อ.เถิน จ.ลำปาง และหน้าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก อ.เมือง จ.ตาก อาจมีการลักลอบขนคนต่างด้าว 
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงตาก จึงตรวจสอบจนกระทั่งพบรถโดยสาร สีฟ้า-ขาว ขับผ่านมาบนถนนพหลโยธิน เขต อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร จึงเรียกหยุดเพื่อตรวจสอบ เบื้องต้นพบคนขับ 1 ราย ตรวจสอบในรถบริเวณพื้นที่พักพนักงานประจำรถชั้นล่างและที่นั่งเก้าอี้ผู้โดยสารพบต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 11 คน และคนจีนอีก 5 คน รวมทั้งหมด 16 คน ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง มีเพียง 5 คน ที่มีหนังสือเดินทางแต่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด

จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ขับขี่รถทัวร์ยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างจากบุคคล 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นชายคนหนึ่ง ให้ไปรับชาวเมียนมา 11 คนจากป่าข้างทางใน อ.เถิน จ.ลำปาง และกลุ่มที่สอง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงาน ให้ไปรับชาวจีน 5 คนจากหน้าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก โดยได้ตกลงค่าจ้างทั้งหมด 22,000 บาท เมื่อนำไปส่งถึงสถานีขนส่งหมอชิตสำเร็จ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองขลุง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> ยิงดับ 2 ศพ พี่คว้าปืนยิงน้องเจ็บสาหัส หลานชายดับ ก่อนกลับบ้านจบชีวิตตัวเอง เผยมีปัญหากันมาหลายปี

16.30 น. สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย เหตุเกิดที่บ้านพัก ในพื้นที่หมู่ 5 ถนนไผ่เตยใต้ ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพัก 2 ชั้น อยู่ในเนื้อที่กว่า 1 ไร่ บริเวณดังกล่าวยังมีห้องเช่าอยู่อีกหลายหลัง จากการตรวจสอบภายในบ้านพบศพ นายสอ (นามสมมุติ) อายุ 70 ปี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวา 1 นัด ใกล้กันพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นอกจากนี้ที่บริเวณหน้าบ้าน ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายชอ (นามสมมุติ) อายุ 63 ปี อาการสาหัส นอนหายใจรวยริน และ นายยอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส หายใจรวยริน เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลนครปฐม ก่อนที่ นายสมยศ จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากการสอบสวนทราบว่า นายสอ ผู้ก่อเหตุ กับ นายชอ เป็นพี่น้องกัน ส่วน นายยอ เป็นลูกของ นายชอ ซึ่งได้มีปัญหากันเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจห้องเช่า ที่ผ่านมาทั้งผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บนั้นมีปากเสียงกันมาอย่างยาวนานหลายปีแล้ว ในทั้งเรื่องของธุรกิจทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเงินกงสีเกี่ยวกับธุรกิจห้องเช่าของครอบครัว

ก่อนเกิดเหตุได้มีปากเสียงและเคยพูดท้าทายข่มขู่กันมาตลอดว่าจะยิงกัน ซึ่งระหว่างนั้น นายสอ ได้นำปืนอาวุธปืนใส่ถุงแล้วเดินหิ้วมา เมื่อเจอ นายชอ และ นายยอ นั่งรออยู่หน้าบ้าน จึงเกิดมีปากเสียงกัน ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงทั้ง 2 คนจนล้มลง แล้วกลับบ้านพร้อมกับใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองจนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่จริง ก่อนดำเนินการต่อไป


>> รถเทรลเลอร์ชนและเหยียบซ้ำ มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ใต้ซากรถกระบะ จ.พะเยา

19.30 น. รับแจ้งจาก กู้ชีพ-กู้ภัยตำรวจทางหลวงพะเยา มีอุบัติเหตุรถเทรลเลอร์ชนกับรถกระบะ และมีผู้บาดเจ็บหลายรายติดค้างภายในยานพาหนะ บริเวณแยกอุบาลี ในพื้นที่ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา

ที่เกิดเหตุ พบรถเทรลเลอร์ ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน เพชรบูรณ์ ลักษณะชนและเหยียบทับ รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีเทา ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในรถกระบะ ทางอาสาสมัคร ดำเนินการใช้เครื่องมีอตัดถ่างงัดรถและนำผู้บาดเจ็บออกมา จำนวน 4 ราย ก่อนนำส่ง รพ.ใกล้เคียง และพบว่า มีผู้เสียชีวิต เป็นผู้ชาย 1 รายในซากรถ

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอกคำใต้ คุมตัวคนขับรถเทรลเลอร์ไปสอบสวน และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


>> กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ เรื่อง การบิดเบือนคำกล่าวของแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย

20.03 น. ตามที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับคำสัมภาษณ์ของพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องปราสาทตาควาย เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 และปรากฏการนำเสนอข่าวผ่านบุคคล และสื่อต่าง ๆ ของกัมพูชา นั้น

กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนว่า กองทัพบก ได้ยืนยันแล้วว่า ฝ่ายไทยไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลเพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชาตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยได้รักษาสถานะการวางกำลังในปัจจุบัน ภายหลังมาตรการหยุดยิงมีผลเท่านั้น ทั้งนี้ ฝ่ายไทยพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ร่วมกับฝ่ายกัมพูชา ตามเงื่อนไขเวลาสองสัปดาห์หลังจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย - กัมพูชา สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ตามที่ตกลงกันไว้ เพื่อให้กองกำลังในพื้นที่ได้หารือเกี่ยวกับมาตรการหยุดยิงในแต่ละพื้นที่ต่อไป

ฝ่ายไทยยังคงยึดมั่นในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในการประชุม GBC อย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ ไทยขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชา ร่วมกันปฏิบัติตามมาตรการหยุดยิงอย่างเคร่งครัดเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การงดเว้นการนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายเกิดความเข้าใจผิด และร่วมกันสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพูดคุยอย่างสันติต่อไป


>> แผ่นดินไหว ประเทศเมียนมา

22.14 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.9 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 296 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย 

 

>> หนุ่มนิรนาม ขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักชนเสาไฟฟ้า เสียชีวิตริมถนน

22.50 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ ชนเสาไฟฟ้า และมีผู้เสียชีวิต บริเวณซอยประชาอุทิศ 90 ในพื้นที่ ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

อาสา ม.ป่อเต็กต๊ง จุดบ้านคลองสวน คืบหน้าว่า ที่เกิดเหตุถนนประชาอุทิศ 90 ช่วงฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านเนเชอร่า พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีขาว ไม่พบป้ายทะเบียน ลักษณะชนกับเสาไฟฟ้าข้างทาง ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 40 ปี ไม่พบเอกสารติดตัว มีบาดแผลที่หน้าผาก ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านคลองสวน 
 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม