วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 เวลา 11:48 น.
วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 จากกรณี นางเฟือง สกุนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชา ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การยูเนสโก (UNESCO)ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ครั้งที่ 47 ประเทศฝรั่งเศส อย่างเป็นทางการ ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส
โดยแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการก่อสร้างวัดภูม่านฟ้า จ.บุรีรัมย์ โดยกล่าวหาว่าเป็น "นครวัดจำลองขนาดใหญ่" ที่ดำเนินการโดยขาดการหารือ และเป็นการบั่นทอนคุณค่า ความแท้จริง และความเป็นหนึ่งเดียวของนครวัดซึ่งเป็นมรดกโลก ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้เรียกร้องให้ยูเนสโกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างจริงจังและเร่งด่วน
ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้กล่าวถ้อยแถลงโต้ตอบว่า "วัดภูม่านฟ้า" จ.บุรีรัมย์ ไม่ได้ลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด โดยไทยเชื่อมั่นว่ามรดกทางวัฒนธรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนไม่ใช่แบ่งแยก
ในเบื้องต้นไม่ประสงค์ที่จะโต้ตอบ แต่จำเป็นที่ต้องชี้แจงทำความเข้าใจต่อที่ประชุมในประเด็นเรื่องวัดภูม่านฟ้าที่ฝ่ายกัมพูชาหยิบยก ว่า ราชอาณาจักรไทยเชื่อมั่นว่ามรดกทางวัฒนธรรมควรเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน มิใช่นำมาซึ่งความแบ่งแยก ฝ่ายไทยรู้สึกประหลาดใจและผิดหวังต่อคำกล่าวของหัวหน้าคณะผู้แทนกัมพูชาว่าการก่อสร้างวัดภูม่านฟ้าเป็นการลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด และเห็นว่าเวทีมรดกโลกเป็นเวทีที่ไม่เหมาะสมที่จะหยิบยกประเด็นดังกล่าว
อีกทั้งยังมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองที่แอบแฝง โดยวัดภูม่านฟ้าเป็นวัดในพุทธศาสนาที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนาที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากศิลปะและสถาปัตยกรรมจากแหล่งโบราณสถานต่าง ๆ ในประเทศไทย
ดังนั้น จึงไม่ใช่การลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด แต่อย่างไรก็ตาม ไทยพร้อมที่จะปรึกษาหารือร่วมกับกัมพูชาในประเด็นดังกล่าว รวมถึงประเด็นอื่น ๆ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะเมื่อผู้นำของไทยและกัมพูชาได้ตกลงที่จะจัดคณะทำงานร่วมในประเด็นนี้
หลังจากนั้น หัวหน้าคณะผู้แทนกัมพูชา ได้พยายามขอกล่าวถ้อยแถลงอีกครั้ง แต่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะไม่เป็นไปต่อที่เคยหารือไว้กับคณะกรรมการมรดกโลก และศูนย์มรดกโลกก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ยังรู้มาอีกว่าคณะผู้แทนกัมพูชามีความพยายามล็อบบี้คณะผู้แทนประเทศอื่นๆ ให้ช่วยสนับสนุนในประเด็นนี้ แต่ไม่เป็นผล เพราะฝ่ายต่าง ๆ เห็นว่าตรงกันว่า ควรมีการหารือในระดับทวิภาคีมากกว่าที่จะมาหยิบยกในเวทีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็ได้มีการโพสต์ข่าวโซเชียลมีเดียในทันที
"วัดภูม่านฟ้า" หรือ "วัดพระพุทธบาทศิลา" ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2562 ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2564 ปัจจุบันมีพระอธิการสมศักดิ์ สังวรจิตโต เป็นเจ้าอาวาส มีเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ตั้งอยู่ใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
สิ่งก่อสร้างภายในวัดสร้างขึ้นจากหินทราย โดยมีรูปแบบคล้ายคลึงกับสิ่งก่อสร้างในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้งหินซ้อนเป็นชั้นๆ หรือการแกะสลักหินทรายเป็นรูปทรงต่างๆ อาจมองดูคล้ายกับศิลปะจากทางประเทศอินเดีย หรืออาณาจักรขอมโบราณ ซึ่งเจตนาของวัดนั้นมุ่งก่อสร้างเป็นพุทธสถาน แต่สร้างให้มีความสวยงามคล้ายกับสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาทำบุญที่วัด
สิ่งก่อสร้างสำคัญๆ ภายในวัด อาทิ “หลวงปู่หิน” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ศิลปะอินเดีย “พระมหาเจดีย์” สร้างขึ้นจากหินทราย แกะสลักอย่างงดงามด้วยมือ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และยังมีสิ่งก่อสร้างที่ดูคล้ายปราสาทหิน อันเป็นที่มาของดราม่าครั้งล่าสุด
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ