24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2568
>> ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา บุกค้นบ้านหรูชาวจีนขี้อวด โพสต์รูปคู่ปืน เครื่องพบกระสุน
06.36 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. ถือหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา ไปตรวจค้นบ้าน ภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ซอยเทพประสิทธิ์ ม.12 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวสัญชาติจีน เป็นผู้ชาย อายุ 47 ปี พร้อมของกลางเครื่องกระสุนขนาด 9 ม.ม.จำนวน 16 นัด
สืบเนื่องมาจากได้รับการแจ้งเบาะแสจากสายลับว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีน ใช้รูปโปรไฟล์ ถ่ายคู่กับอาวุธปืนหลายกระบอก จึงได้รวบรวมหลักฐานแล้วขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดพัทยา แล้ววางแผนนำกำลังบุกเข้าไปตรวจค้น เมื่อไปถึงพบเป็นบ้านหรู 2 ชั้น หลังละกว่า 10 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 200 ตรว. โดยเจ้าหน้าที่พยายามส่งสัญญาณเรียก แต่ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดออกมาแสดงตัว
เมื่อเปิดประตูรั้วหน้าบ้านพบว่าไม่ได้ล็อค ก่อนจะใช้ยุทธวิธี เดินสแกนตรวจสอบที่ละห้อง ด้วยความระมัดระวัง พบว่ามีพนักงานขับรถเป็นคนไทย 1 คนและผู้ชายชาวจีน 1 คน และแม่บ้าน เดินออกมาแสดงตัว ก่อนจะนำกำลังขึ้นไปตรวจค้นที่ห้องพักชั้นสอง ยังพบชาวจีนทั้งผู้ชาย และผู้หญิงอาศัยอยู่อีก 5 ราย เจ้าหน้าที่จึงขอควบคุมตัวไว้ก่อน เนื่องจากยังไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องการตัว
เมื่อสอบถามจนทราบว่า บุคคลเป้าหมายพักอยู่กับลูกชายอีกห้องจึงพยายามเรียก จนเจ้าตัวเปิดประตูออกมาในชุดกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ก็ต้องตกใจเมื่อเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมเต็มบ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้น ก่อนเข้าทำการตรวจค้น จนพบปืนบีบีกัน แบบพกพา 1 กระบอกวางอยู่บนตู้ และบีบีกันยาว 1 กระบอกอยู่ภายในตู้เสื้อผ้า เมื่อตรวจสอบภายในตู้เซฟนิรภัย พบเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.จำนวน 16 นัด แต่ไม่พบอาวุธปืนแต่อย่างใด
จากการสอบสวนเจ้าตัวให้การว่า ตนเองมีครอบครองไง้เพียบปืนบีบีกันเท่านั้น ส่วนปืนที่ปรากฎในคลิปวีดีโอและภาพนิ่งนั้น เป็นของเพื่อนบางกระบอกเป็นของสนามยิงปืน ตนเองแค่ขอยืมมาพกถ่ายรูปเล่นโชว์ลงโซเชียลเท่านั้น ส่วนเครื่องกระสุนก็เป็นของเพื่อนที่ฝากเอาไว้
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ควบคุมตัวพร้อมของกลาง เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 16 นัด ทำการบันทึกจับกุม ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
>> ตร.ไซเบอร์ปูพรม 19 จุด ยึดรถหรู-เงินสด 27 ล้าน เปิดยุทธการ “ปิดตึกบัญชีม้า” ล่าเจ้าพ่อก๊กอาน นายทุนเขมร
09.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) สั่งการเปิดยุทธการครั้งใหญ่ "ปิดตึกบัญชีม้า" บุกตรวจค้นพร้อมกัน 19 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และชลบุรี โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการขยายผลจับกุมเครือข่าย “ก๊กอาน” หรือ Mr. Kok An มหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวกัมพูชา ผู้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และเป็นเจ้าของเครือ Crown Casino Resort ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา
หนึ่งในจุดที่น่าสนใจคือการเข้าตรวจค้นบ้านพักหรูในหมู่บ้านย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งใช้เป็นสถานที่ซ่อนตัวหรือปฏิบัติการของขบวนการ โดยการปฏิบัติการครั้งนี้มีการนำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าตรวจสอบเพื่อหาพยานหลักฐานและจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568
ทั้งนี้ ยุทธการ “ปิดตึกบัญชีม้า” มีเป้าหมายเพื่อล้มเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีฐานปฏิบัติการในอาคารสูงหลายแห่งในปอยเปต ได้แก่ ตึก 25 ชั้น, ตึก 18 ชั้น, อาคาร HISO และ Crown Casino โดยเครือข่ายนี้มีพฤติกรรมหลอกลวงคนไทยผ่านรูปแบบออนไลน์ เช่น Hybrid Scam , Call Center และการฟอกเงินผ่านบัญชีม้าและสกุลเงินดิจิทัล
กลุ่มอาชญากรรมดังกล่าวใช้แรงงานคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศในลักษณะบัญชีม้า และบังคับให้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันธุรกรรมทางการเงิน พร้อมมีการกักขังหน่วงเหนี่ยวแรงงานในต่างแดน จากการสืบสวนพบว่า นายก๊กอาน มีบทบาทสำคัญในการให้ที่พักพิง สนับสนุน และอำนวยความสะดวกแก่ขบวนการอาชญากรรมเหล่านี้ โดยรู้เห็นถึงวัตถุประสงค์ของการกระทำความผิดร้ายแรง
เบื้องต้นจากการตรวจค้นทั้ง 19 จุด เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดรถยนต์หรูหลายคัน และยึดอายัดเงินสดได้จำนวน 27 ล้านบาท
>> พบร่างชาย อายุ 42 ปี เป็นศพลอยน้ำ ในพื้นที่ชะอำ
09.57 น. ได้รับแจ้งมีศพลอยน้ำ อยู่บริเวณปากร่อง เขื่อนหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ มอบให้อาสากู้ภัยสว่างสรรเพชญ นำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นฝั่ง มาตรวจสอบ พบว่าผู้เสียชีวิต คือ นายภคพล อายุ 42 ปี
ทางเจ้าพนักงานร้อยเวร สภ.ชะอำ และแพทย์เวร ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนมอบให้อาสาสมัครนำร่างส่งชันสูตรที่ รพ.ต่อไป
>> ชุดปฏิบัติการพิเศษปกครองจังหวัดปราจีนบุรี สนธิกำลัง ตรวจสอบกรณีพระมั่วสุ่มกับลูกศิษย์เสพยาในวัด
10.00 น. นายอภิรักษ์ ไชยมังกร ป้องกันจังหวัดปราจีนบุรี ร่วมบูรณาการกำลังกับสมาชิก อส. สังกัด ร้อย.อส.จ.ปราจีนบุรี 1 ฝ่ายปกครองอำเภอกบินทร์บุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจกบินทร์บุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เข้าตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดกับพระภิกษุ จำนวน 7 รูป และลูกศิษย์วัด 5 คน หลังได้รับเรื่องร้องเรียน กรณีพระสงฆ์และลูกศิษย์ วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มีพฤติกรรมขโมยของวัดและได้การมีการตัดเศียรพระพุทธรูป และเสพสารเสพติด
โดยทั้งหมดยินยอมบริสุทธิ์ใจให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจหาสารเสพติด พบสารเสพติดในปัสสาวะ พระภิกษุจำนวน 3 รูป ลูกศิษย์วัด จำนวน 4 คน และขอตรวจค้นผู้ที่พบสารเสพติดในร่างกาย โดยก่อนและหลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงทำการตรวจค้น
ผลการตรวจค้น พบลูกศิษย์วัด 1 คน พร้อมด้วยของกลาง - ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ด สีส้ม-แดง ลักษณะกลมแบน ประทับตรา WY จำนวน 1 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกล่องพลาสติก เจ้าหน้าที่ จึงแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิให้ทราบกับผู้ที่มีสารเสพติดในร่างกายและมียาเสพติดครอบครอง
ต่อมาผู้นำท้องที่ ได้ประสานให้เจ้าคณะตำบลเมืองเก่า จัดทำพิธีการลาสิกขาบทพระทั้ง 3 รูป เป็นที่เรียบร้อย ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้กระทำผิด และนำส่งสถานีตำรวจภูธรกบินทร์บุรีเพื่อดำเนินคดีต่อไป
>> อินฟลูฯ สาวเขมร ขึ้นไปถ่ายคอนเทนต์ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ทหารไทยรีบเข้าห้ามพร้อมชี้แจงกฎ
11.00 น. ผู้สื่อข่าว มีรายงานว่า เกิดความวุ่นวายที่ปราสาทตาเมือนธม บ.หนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังอินฟลูฯ สาวชื่อดังของกัมพูชา ซึ่งเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์และเปิดร้านอาหารที่พนมเปญ เดินขึ้นมาที่ปราสาทตาเมือนธมพร้อมคณะใหญ่ ก่อนจะพากันไปถ่ายภาพและคลิปวิดีโอในพื้นที่ปราสาทตาฯ คล้ายถ่ายทำรายการ หรือทำคอนเทนต์ ทำให้ทหารไทยเข้าไปห้ามถ่ายคลิปในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากผิดกฎข้อห้ามในการถ่ายคลิป พากย์เสียง หรือไลฟ์สดก็ตาม ท่ามกลางวงล้อมของชาวกัมพูชาจำนวนมาก ที่มายืนมุงดูและฟังทหารไทยอธิบาย โดยทหารไทยยังคงทำความเข้าใจให้ชาวกัมพูชาทราบ ให้เคารพกฎกติการ่วมกัน
ระหว่างนั้นพบหญิงกัมพูชารายหนึ่งกำลังแจกเงินทหารกัมพูชาบนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ทหารไทยจึงเข้าไปห้ามปรามอีกครั้ง และเชิญให้ไปแจกเงินที่ด้านล่าง นอกตัวปราสาทในพื้นที่ของกัมพูชา ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันถ่ายภาพและเดินทางกลับไป
นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา จากพนมเปญ มาขอถ่ายรูปร่วมกับทหารไทยและกัมพูชา พร้อมกับพูดคุยกับทหารไทยว่า มีอะไรเราอยู่ในพื้นที่ก็ค่อยๆ คุยกัน ทางผู้ใหญ่ระดับสูงเขาก็คุยกันอยู่แล้ว ซึ่งทหารไทยตอบว่าเราอยู่ในพื้นที่ก็คุยกันอยู่แล้ว
>> กทม. เตรียมเชื่อมสัญญาณกล้อง CCTV และระบบ AI กับตำรวจสันติบาล เพิ่มประสิทธิภาพติดตามจับคนร้าย
13.00 น. พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร
ที่ประชุมหารือการกำหนดแนวทางการนำเทคโนโลยีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและระบบ Al รวมถึงการปรับปรุงกายภาพของถนน ทางเท้า และความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมกันปฏิบัติในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจท่องเที่ยว พื้นที่เปราะบาง และพื้นที่ด้านความมั่นคง โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ได้รายงานสภาพย่านเศรษฐกิจท่องเที่ยว พื้นที่เปราะบาง พื้นที่ด้านความมั่นคง พื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ล่อแหลมต่อการเกิดปัญหาต่าง ๆ ได้แก่ รถรับจ้าง แท็กซี่ สามล้อ จักรยานยนต์รับจ้าง ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย การก่ออาชญากรรมเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน เช่น การลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ การโจรกรรมสายไฟ เป็นต้น รวมทั้งเหตุด้านความมั่นคง เช่น พื้นที่ที่นำมาใช้ในการชุมนุม
พร้อมกันนี้ได้หารือแนวทางการนำเทคโนโลยีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และระบบ AI ของกทม. เชื่อมโยงกับระบบของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล เพื่อเป็นฐานข้อมูลเดียวกันในการดูแลรักษาความปลอดภัย การติดตามตรวจสอบผู้กระทำความผิด และดูแลด้านความมั่นคง รวมทั้งการปรับปรุงกายภาพของถนน ทางเท้า และความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่อไป
>> รวบอีก 1 ราย คนร้ายลักตัดสายไฟ บน Skywalk แยกบางกะปิ
13.38 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการจับกุมผู้ลักลอบตัดสายไฟบน Skywalk บริเวณสามแยกบางกะปิ ว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 68 เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดี ว่ามีคนร้ายกำลังลักลอบตัดสายไฟบน Skywalk บริเวณสามแยกบางกะปิ จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ พบ นายดวง (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาอยู่บริเวณจุดที่ได้รับแจ้ง เป็นบุคคลต้องสงสัยตามที่รับแจ้ง จึงได้ทำการตรวจค้น พบโคมไฟแบบกลมสีดำ, ฉนวนเปลือกนอกหุ้มสายไฟต่างๆ จำนวนหลายเส้น ซุกซ่อนอยู่ในถุงขยะสีดำ
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาแจ้งว่าได้ลักสายไฟบริเวณดังกล่าวจริง เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทราบว่า “ลักทรัพย์” และได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมมายัง สน.ลาดพร้าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 ชี้กรณีหญิงหย่าสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิม "ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ"
13.39 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ชื่อบุคคล 2505 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้หญิงที่จดทะเบียนสมรสกับชายแล้วได้รับอนุญาตให้ใช้นามสกุลของสามี เมื่อหย่าจากสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิมของตน ไม่เข้าข่ายเป็นการจำกัดเสรีภาพของฝ่ายหญิง ขัดหรือแย้งต่อหลักความเสมอภาคของบุคคล
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคสอง และ มติเสียงข้างมาก 8 ต่อ1 วินิจฉัยว่ามาตรา13 วรรคหนึ่งดังกล่าว ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 1 คน คือ นายอุดม รัฐอมฤต ที่เห็นว่า มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม
ทั้งนี้กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากศาลจังหวัดธัญบุรี ส่งคำโต้แย้งของ นางแสงศรี จิยะจันทน์ จำเลยในคดีหมายเลขดำ ที่โต้แย้งว่า พ.ร.บ.ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้หญิง ที่จดทะเบียนสมรสกับชายแล้วได้รับอนุญาตให้ใช้นามสกุลของสามี เมื่อหย่าจากสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิมของตน เป็นการจำกัดเสรีภาพของฝ่ายหญิง ขัดหรือแย้งต่อหลักความเสมอภาคของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา27 หรือไม่
>> แผ่นดินไหว ขนาด 3.0 จ.ลำปาง รู้สึกได้ในบางพื้นที่ ด้านกรมธรณีเผยเกิดจาก "กลุ่มรอยเลื่อนเถิน"
14.25 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหว ความขนาด 3.0 ลึก 1 กม. ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหาย และแรงสั่นสะเทือนอาจรู้สึกได้เล็กน้อยในบางพื้นที่
ด้านกรมทรัพยากรธรณี รายงานระบุ กรณีเกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.0 ที่ระดับความลึก 1 กิโลเมตร จัดเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก (Minor) บริเวณตำบลน้ำโจ้ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง สาเหตุเกิดจากการเลื่อนตัวของกลุ่มรอยเลื่อนเถิน ที่มีการวางตัวในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีการเลื่อนตัวตามแนวระนาบเหลื่อมซ้าย (Left lateral strike slip fault) เบื้องต้นประชาชนในพื้นที่ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน ไม่มีรายงานความเสียหาย
>> ตร.กองปราบฯ เรียก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" เข้าพบ เปลี่ยนข้อหาจากพยายามกรรโชก เป็นพยายามฉ้อโกง
16.00 น. นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" อดีตนักร้องชื่อดัง พร้อมด้วย นายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความส่วนตัว เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ทั้งในฐานะผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา
โดยนายประมาณ และ ฟิล์ม รัฐภูมิ เปิดเผยว่า ภายหลังการเข้าพบพนักงานสอบสวน ไม่มีรายละเอียดคดีใหม่เพิ่มเติม แต่มีการเปลี่ยนแปลงในข้อหาที่ "ฟิล์ม" ถูกกล่าวหา จากเดิมเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 ที่ ฟิล์ม พร้อมทนายความได้เข้าพบตำรวจกองปราบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์และหมิ่นประมาท สืบเนื่องจากกรณีคลิปเสียงที่ถูกระบุว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่างฟิล์ม รัฐภูมิ และนางสาวกฤษณ์อนงค์ หรือ "เจ๊พัท" เพื่อเรียกรับเงินจำนวน 20 ล้านบาท จาก "บอสพอล ดิไอคอนฯ" รวมถึงข้อหาหมิ่นประมาทนักจัดรายการชื่อดัง แต่ในการเข้าพบพนักงานสอบสวนครั้งนี้ ข้อหาได้ถูกเปลี่ยนแปลงจาก "พยายามกรรโชกทรัพย์" เป็น "พยายามฉ้อโกง" แทน
โดยนายประมาณ ได้ตั้งคำถามถึงการเปลี่ยนแปลงข้อหานี้ โดยให้เหตุผลว่า ข้อหากรรโชกทรัพย์ คือ การทำให้เกิดความกลัวเพื่อหวังทรัพย์สิน แต่ข้อหาฉ้อโกงหมายถึงการหลอกลวงให้หลงเชื่อและส่งมอบทรัพย์สินโดยทุจริต ซึ่งหากกระทำไม่สำเร็จจะเรียกว่าพยายามฉ้อโกง
นายประมาณ ยังกล่าวเสริมว่า แม้เจ๊พัทจะถูกศาลตัดสินจำคุกอยู่ในเรือนจำแล้ว แต่กรณีของเจ๊พัทไม่เกี่ยวข้องกับฟิล์ม รัฐภูมิ และพยายามโยงเรื่องให้เกี่ยวข้องกัน ซึ่งดูแล้วไม่เข้าองค์ประกอบความผิดใดๆ เลย และยังได้ย้ำข้อสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนข้อหาเป็นพยายามฉ้อโกงว่า “ฉ้อโกงตรงไหน?” โดยระบุว่าการฉ้อโกงจะต้องมีการหลอกลวง ทำให้หลงเชื่อ ส่งมอบทรัพย์สิน และมีการได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยทุจริต ซึ่งหากทำไม่สำเร็จจึงจะเป็นการพยายามฉ้อโกง
>> โครงเหล็กอาคารระหว่างก่อสร้างพังถล่ม เสียชีวิต 1 คน ที่เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
16.00 น. เกิดเหตุโครงสร้างเหล็กของอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มลงมาในพื้นที่บ้านเกาะ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย โดยโครงสร้างที่ถล่มเป็นส่วนหลังคาเหล็กของอาคาร มีความสูงประมาณ 2 ชั้น ซึ่งอาคารดังกล่าวเป็นโครงการก่อสร้างของบริษัทชาชื่อดังแห่งหนึ่ง
เบื้องต้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ล่าสุด นายพงศ์ศักดิ์ เพชรคงแก้ว นายอำเภอเวียงป่าเป้า พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทีมกู้ชีพ กู้ภัย และมูลนิธิ ได้ลงพื้นที่อำนวยการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ จะรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมเมื่อได้รับข้อมูลที่ชัดเจนต่อไป
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ พบแม่-ลูกเสียชีวิตกลางถนนชยากูร จ.บึงกาฬ
17.30 น. รับแจ้งจาก สมาคมกู้ภัยร่วมใจบึงกาฬ มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ชนกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และมีผู้เสียชีวิต บนถนนชยางกูร ใกล้เคียงปั๊มคาลเท็กซ์ ต.ชัยพร อ.เมือง จ.บึงกาฬ
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล มาสด้า 3 สีดำ ป้ายทะเบียน สิงห์บุรี ชนกับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีเขียว ป้ายทะเบียน บึงกาฬ สภาพรถเสียหายชาด 2 ท่อน ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายเป็นคนขับรถเก๋ง ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ใกล้เคียง ส่วนในที่เกิดเหตุ พบว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบต่อมาว่า เป็นแม่และลูกชาย ภูมิลำเนาเป็นชาวบ้านภูสวาท อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบึงกาฬ
>> รถทัวร์เสียหลักพลิกตะแคงลงข้างทาง ริมถนนเพชรเกษม มีทั้งคนไทย-ต่างชาติบาดเจ็บกว่า 20 ราย
20.30 น. สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารประจำทางเสียหลักพลิกตะแคงลงข้างทาง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ กม.ที่ 151-560 ตำบลหัวสะพาน อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถโดยสารประจำทาง ปรับอากาศ สีฟ้า-ขาว สาย กรุงเทพ-ภูเก็ต หมายเลขทะเบียน (ป้ายเหลือง) 1057 ภูเก็ต สภาพพลิกตะแคงอยู่ริมถนน ใกล้กันพบผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวม 28 คน และผู้ขับขี่อีก 2 ราย กำลังทุบกระจกตะเกียกตะกายออกมาจากตัวรถ โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ และพลเมืองดีที่อยู่ในเหตุการณ์ เร่งให้ความช่วยเหลือนำตัวออกมาจากตัวรถ พร้อมทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งทำการรักษายังโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี และโรงพยาบาลกรุงเทพเพชรบุรี รวม 10 ราย
ส่วนผู้โดยสารที่ไม่ได้รับบาดเจ็บได้ถูกนำตัวมาไว้ที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี เพื่อพักคอยรถทัวร์ของบริษัทดังกล่าว มาเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารในส่วนที่เหลือ เพื่อเดินทางต่อไปยัง จ.ภูเก็ต ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
>> รถ 18 ล้อ ขับออกจากปั้ม หนุ่มสุรินทร์ขับขี่รถจักรยานยนต์ พุ่งเข้ากลางคัน เสียชีวิตสภาพเดิม
20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งชนรถบรรทุก 18 ล้อ และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณหน้าปั้มน้ำมัน NGV หมู่ 10 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก 18 ล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ระหว่างช่องทางกลับรถ ที่บริเวณกลางรถ พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีแดง - ขาว ป้ายทะเบียน ชลบุรี อยู่ในสภาพพังเสียหาย โดยพบผู้เสียชีวิต เป็นชายไทย อายุ 31 ปี ชาว จ.สุรินทร์ เสียชีวิตอยู่ใน ลักษณะนั่งคร่อมรถ พบบาดแผลที่บริเวณศีรษะ รวมถึงบริเวณเท้าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งคาดว่าผู้เสียชีวิตใช้เท้าลากไปกับพื้น เพื่อช่วยเบรกความเร็ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตลงจากซากรถ ในขณะเดียวกัน ผู้ขับขี่รถบรรทุก ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เพื่อนผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ปรากฏว่าขณะขับขี่มาตามถนนด้วยความเร็ว ก่อนที่จะเจอรถบรรทุก 18 ล้อคันดังกล่าวออกมาจากปั๊มเพื่อยูเทิร์นกลับรถ ส่งผลให้เบรกไม่ทัน จึงได้พุ่งชนดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมสอบปากคำพยานอยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงควบคุมตัวผู้ขับขี่รถบรรทุกไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ.แหลมฉบัง เพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ กลางถนนสายลพบุรี - วังม่วง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จ.ลพบุรี
22.00 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู จ.ลพบุรี มีอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนเส้นทางลพบุรี - วังม่วง บริเวณระหว่างซอย 9 - 10 สายตรี ในพื้นที่ ตำบลโคกตูม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีลาโน่ สีฟ้า - เขียว ป้ายทะเบียน ลพบุรี ลักษณะชนกับ รถกระบะ โตโยต้า สีเทา ป้ายทะเบียน ลพบุรี ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้ชาย นั่งซ้อนท้ายรถ จยย. อาสาสมัครนำส่ง รพ.พัฒนานิคม และพบว่าผู้ขับขี่รถ จยย. ได้เสียชีวิตแล้ว ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 22 ปี สภาพนอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน ไม่สวมใส่หมวกกันน๊อคที่บริเวณกะโหลกศีรษะแตก
เบื้องต้น สอบถามคนขับรถยนต์กระบะเล่าว่า กำลังขับรถไปทางแยกไฟแดงซอย 12 อยู่ๆ รถจักรยานยนต์เลี้ยวตัดหน้าทำให้เบรกไม่ทันจึงชนเข้าอย่างแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิต1รายและผู้ได้รับบาดเจ็บ1รายในที่เกิดเหตุ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวนของ สภ.โคกตูม และแพทย์เวรของโรงพยาบาลอานันทมหิดล ลพบุรีได้ร่วมกันชันสูตรพลิกร่างผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพและเก็บหลักฐาน และจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณแถวที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุการอุบัติเหตุครั้งนี้ ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตมอบให้อาสาสมัครนำส่งไปชันสูตรเพิ่มเติมต่อโรงพยาบาลอานันทมหิดล ลพบุรี
>> รถสิบล้อชนท้ายรถเทรลเลอร์ มีผู้เสียชีวิตร่างติดภายในยานพาหนะ บริเวณแยกท่าแซะ จ.ชุมพร
22.35 น. รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกู้ภัยสายชลชุมพร มีอุบัติเหตุ รถบรรทุกสิบล้อชนกับรถเทรลเลอร์ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ไม่รู้สึกตัว ไม่มีชีพจรติดค้างภายในยานพาหนะ บนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ บริเวณก่อนถึงแยกท่าแซะ ม. 16 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก 10 ล้อ ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนท้าย รถเทรลเลอร์ อีซูซุ สีขาว ป้ายทะเบียน สุราษฎร์ธานี ตรวจสอบพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 3 ราย โดยมี 1 รายสภาพร่างติดค้างในรถ 10 ล้อ ทางอาสาสมัครกู้ชีพ - กู้ภัยต้องใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถ และนำร่างออกมาตรวจสอบและทางกู้ชีพยืนยันว่า ได้เสียชีวิตแล้ว เป็นชายไทย อายุ 55 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นนำส่ง รพ.ท่าแซะ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ พร้อมแพทย์เวรร่วมตรวจสอบ ก่อนมอบให้อาสาสมัครนำส่งชันสูตรที่ รพ.ท่าแซะ
>> หนุ่มขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักพลิกคว่ำ กลางถนนบรมราชชนนี เชิงขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟตลิ่งชัน บาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
03.15 น. รับแจ้งจาก ม.ป่อเต็กตึ๊ง เบื้องต้น บริเวณปากซอยบรมราชชนนี 55 รถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ร.ต.ต.พัฒนา ตุกพริก รองสารวัตรจราจร สน.ตลิ่งชัน เพิ่มเติม ที่เกิดเหตุถนนบรมราชชนนี ฝั่งขาออก ช่วงหน้าซอยบรม 55 ก่อนถึงสะพานข้ามทางรถไฟตลิ่งชัน เล็กน้อย ในช่องทางหลัก
พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะล้มคว่ำอยู่กลางถนน ห่างไปเล็กน้อยที่เลนขวา พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 29 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเวียดนาม
04.14 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 3.4 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเวียดนาม ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ประมาณ 343 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ