24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
>> ไฟไหม้รถยนต์ ซอยฉลองกรุง 1 อาสาสมัครใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนจะลุกลาม
08.35 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ สถานที่เกิดเหตุ ซอยฉลองกรุง 1 ถนนฉลองกรุง แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ชนิดเก๋ง สีทอง ป้ายทะเบียน ระยอง รถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียหายห้องเครื่องยนต์และห้องโดยสาร อาสาสมัครใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายความร้อน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก ไฟฟ้าลัดวงจรภายในห้องเครื่องยนต์ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดกระบัง
>> ศาล รธน. สั่ง แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ รับพิจารณาถอดถอนปมคลิปเสียง
09.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ประชุมพิจารณากรณี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ยื่นคำร้องของ 36 สว. ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 รวมถึงมีพฤติกรรมบ่งบอกเป็นคนทรยศขายชาติ ทำให้กระทบอธิปไตยไทย กองทัพ ประชาชน
พร้อมขอให้ศาลรัฐธรรมนูญโปรดมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 71 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 ข้อ 40 (8)
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9-0 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และมติ 7-2 สั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมา
ทั้งนี้ แม้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ยังทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม ต่อไปได้
>> ผลพิสูจน์เหยื่อตึก สตง. ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว ส่งคืนญาติ 93 ราย อีก 2 ราย ยืนยันบุคคลไม่ได้
10.00น. พล.ต.อ. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สส1) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการปฏิบัติงานศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล กรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว โดยศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ , กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ , กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และกลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ มีภารกิจเป็นศูนย์อำนวยการและสั่งการในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การชันสูตรพลิกศพ การตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล การจัดการศพ การติดตามผู้สูญหายและการส่งกลับ รวมทั้งประสานการปฏิบัติกับส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถส่งกลับคืนศพให้กับญาติผู้เสียชีวิตได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
ทั้งนี้ ในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลตามมาตรฐานสากล สามารถกระทำได้หลัก ๆ 3 วิธี คือ การตรวจ DNA , การตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และการตรวจข้อมูลทันตกรรม เพื่อตรวจเปรียบเทียบกับศพหรือชิ้นส่วนศพ โดยที่ญาติไม่ต้องเดินทางมาที่สถาบันนิติเวชวิทยาด้วยตัวเอง และจากระยะเวลาการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 68 จนถึงวันที่ 10 มิ.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลการปฏิบัติงาน มีดังนี้ 1. รายงานศพและชิ้นส่วนศพที่รับเข้าระบบนิติเวชวิทยาเพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล แบ่งเป็น ศพ จำนวน 80 ราย และชิ้นส่วนศพ จำนวน 316 ชิ้น 2. DNA ที่เก็บจากญาติของผู้เสียชีวิต/ผู้สูญหายเพื่อตรวจเปรียบเทียบ จำนวน 95 ราย และ 3. ผลการยืนยันตัวบุคคลจากการตรวจเปรียบเทียบ DNA และลายนิ้วมือ สามารถยืนยันตัวบุคคลและส่งให้ญาติแล้ว จำนวน 93 ราย เหลือไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ จำนวน 2 ราย ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอขอบคุณทุกท่านที่ประสานความร่วมมือกัน
>> จร.วิภาวดี กวดขันวินัยจราจร รถจักรยานยนต์วิ่งช่องทางหลัก เช้านี้พบผู้กระทำผิด 34 ราย
10.40 น. พ.ต.ท.ดามพวร ทองอิ่ม, พ.ต.ต.ภุชงค์ เม้าทุ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.วิภาวดี ได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในการจราจรบริเวณทางลงสุรศักดิ์ฯ ถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า ในช่วงเวลา 08.30 - 09.30 น.
จากการปฏิบัติงาน พบว่ามีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้ช่องทางหลักจำนวน 34 รายทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
>> กราดยิงบนเกาะลันตา พ่อและลูกสาววัยขวบเสียชีวิต ส่วนภรรยาบาดเจ็บ ตร.เร่งล่ามือปืน
11.30 น. ร.ต.อ.พิมล พรหมเจริญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เกาะลันตา จ.กระบี่ รับแจ้งเหตุยิงกันในบ้านพัก ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
ที่เกิดเหตุพบ นายอภิวัฒน์ อายุ 37 ปี อาชีพขับแท็กซี่บนเกาะลันตา ถูกยิงเสียชีวิตคาที่ กระสุนเจาะหน้าอกตัดขั้วหัวใจ ภรรยา อายุ 28 ปี บาดเจ็บที่แขน และลูกสาววัย 1 ขวบเศษ ถูกยิงศีรษะ เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
คาดว่าสาเหตุเบื้องต้น เกิดจากการทะเลาะเรื่อง นกขุนทอง ที่มือปืนเลี้ยงไว้หลุดจากกรง มีชาวบ้านจับได้และขายต่อให้ผู้ตาย เมื่อคนร้ายรู้จึงมาทวงคืน เกิดปากเสียงบานปลายจนถึงเหตุสลด หลังเกิดเหตุ มือปืนขี่รถหลบหนีไป
>> เปิดปากพยานคดีฮั้ว สว. รายแรก ให้ปากคำ DSI ย้ำไม่เกี่ยวฟอกเงิน
12.26 น. นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา เปิดเผยว่า พยานหญิงรายแรกในคดีอั้งยี่-ฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดย น.ส.สินิตา (ขอสงวนนามสกุล) ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการจัดฮั้ว สว. พร้อมชี้แจงเส้นทางการเงินว่าเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวตามปกติ
การสอบปากคำดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคดีพิเศษที่ 24/2568 ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจพบพฤติการณ์การโอนเงินผิดปกติที่เชื่อมโยงการจ้างผู้สมัครใน 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ลำพูน และหนองบัวลำภู และยังพบเครือข่ายโยงกับ สว. อีก 24 จังหวัดทั่วประเทศ
DSI เปิดเผยรายชื่อพยานกลุ่มแรก 7 ราย ที่ถูกเรียกสอบ เริ่มทยอยให้ปากคำตั้งแต่วันนี้ โดยมีอัยการร่วมสอบสวนด้วย ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย พร้อมขยายผลหากพบเส้นเงินเชื่อมโยงนักการเมืองหรือข้าราชการฝ่ายการเมืองในภายหลัง
>> รวบแล้ว 2 ผู้ต้องหา แก๊งร่วมปล้นเงิน กลางลานจอดรถห้างฯ ดังย่านลาดพร้าว
13.14 น. พลตำรวจโท สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวภายหลังประชุม ติดตามความคืบหน้าเหตุคนร้ายร่วมกันปล้นเงินกลางห้างดังย่านลาดพร้าว ในพื้นที่ สน.พหลโยธิน โดยใช้เวลาประชุมนานเกือบ 2 ชั่วโมง
พลตำรวจโท สยาม เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาชุดสืบสวนสอบสวนได้ติดตามกลุ่มคนร้าย และสามารถจับกุมคนร้ายได้ 2 คน คือ นายหวาน (นามสมมุตติ) และนางสาวนา (นามสมมุตติ) โดยจับกุมได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งย่านลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์ ติดต่อผู้เสียหายผ่านช่องทางออนไลน์ และนัดหมายสถานที่ในการแลกเงินคริบโตเมื่อผู้เสียหายมาตามนัด นายหวานจะล่อลวงผู้เสียหายไปที่รถ ซึ่งมีกลุ่มผู้ก่อเหตุรออยู่ในรถแล้ว หลังจากนั้นได้ชิงเงินและหลบหนีไป
หลังจากนั้นชุดสืบสวนได้นำตัวทั้ง 2 ไปค้นที่รีสอร์ตย่านลาดหลุมแก้ว พบเงินสด 1,900,000 บาท พร้อมยึดสมุดบัญชีธนาคารและบัตรประจำตัวของผู้เสียหายคนอื่น ๆ ที่เคยแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม ส่วนเงินที่เหลือ ผู้ต้องหาให้การว่าอยู่กับคนร้ายอีก 5 คนที่ยังหลบหนี
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่าผู้ต้องหาหลายคนในคดีนี้ มีประวัติเรื่องการลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยาเสพติด และอีกหลายคดี ส่วนนายหวาน (นามสมมุตติ) และนางสาวนา (นามสมมุตติ) มีคดีกรรโชกทรัพย์ ซึ่งเป็นหมายค้างเก่าในพื้นที่ สน.โคกคราม และยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหารู้จักกัน จากการเสพยาเสพติด และเช่าที่พักอาศัยอยู่ด้วยกัน และเงินที่พบที่รีสอร์ทเป็นเงินส่วนหนึ่งจากการกระทำผิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาที่เข้าข่ายความผิด 1 ข้อหาก่อน คือร่วมกันปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์ ส่วนข้อหาอื่น ๆ อยู่ระหว่างพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในภายหลัง
>> “สุริยะ” ขึ้นรักษาการนายกฯ แทน “แพทองธาร” หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
13.40 น. หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจากกรณีถูกร้องเรียนเรื่องคลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งผลให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ต้องเข้ารับหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีในทันที
สืบเนื่องจากประกาศโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งมีคำสั่งให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลามโหม พ้นจากตำแหน่ง และไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมกับรัฐมนตรีอื่น ๆ ที่พ้นจากตำแหน่งเดิมไปดำรงตำแหน่งใหม่ ซึ่งจะต้องรอเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 3 กรกฎาคม จึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากหากมีการปรับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง แม้อีกตำแหน่งไม่ได้ปรับ ตามหลักก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งเดิม
ทั้งนี้ มีรายงานว่าในส่วนของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีความกังวล เนื่องจากไม่เคยเกิดเหตุการณ์นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างการนำคณะรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ โดยเฉพาะในส่วนของรักษาการนายกรัฐมนตรีที่จะต้องนำคณะรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ แทนนายกรัฐมนตรี แต่เรื่องนี้ได้มีการปรึกษาสำนักงานเลขาธิการกฤษฎีกาแล้ว
>> นายกฯ "แพทองธาร" แถลงน้อมรับคำสั่งศาล รธน. ระบุ มีความตั้งใจ ที่จะทำเพื่อประเทศชาติ
14.10 น. น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดใจหลังผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ดิฉันน้อมรับคำสั่งศาลฯ ดิฉันพยายามเกิน 100% ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่อยากได้อะไรของตัวเองเลย คิดอย่างเดียวว่าทำยังไงไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ต้องสู้รับกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ รับไม่ได้หากพูดอะไรกับทางผู้นำแล้วทำให้เกิดผลเสีย ทะเลาะ โกรธเคือง ไม่ได้เจตนาร้ายอะไร จะใช้เวลาที่สามารถชี้แจงได้อย่างครบถ้วน ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ส่งกำลังใจ ต้องขอโทษพี่น้องคนไทย ที่ไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ดิฉันขอยืนยันว่าตั้งใจเพื่อประเทศชาติจริง ๆ ต้องขอโทษในวิธีการถ้าไม่ถูกใจใครหลายคน ช่วงเวลาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังทำให้ประเทศชาติต่อไป มีแรงกาย แรงใจทำงานต่อ ไม่ว่าในฐานะไหนก็ตาม ก็เป็นคนไทยคนนึง ทำเพื่อประเทศชาติเต็มที่
>> ฝ่ายกฏหมายรัฐบาล เผย รักษาการนายกฯ มีอำนาจเต็ม สามารถปรับ ครม. หรือยุบสภาฯ ได้
14.15 น. นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล เปิดเผยภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า เมื่อเช้าวันที่ 1 กรกฎาคม ระหว่างการประชุม ครม.ได้ตรวจสอบ การมอบอำนาจ รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่เดิมพบว่า รองนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่ง คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย แต่เนื่องจาก ได้มีการโปรดเกล้าฯ พ้นตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และยังไม่มีการถวายสัตย์ปฏิญาณ จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ดังนั้น รองนายกรัฐมนตรี คนถัดไปที่ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ ในความเห็นส่วนตัว นายสุริยะ มีอำนาจเต็ม ทำหน้าที่ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับ ครม. หรือยุบสภาฯ เพราะการบริหารราชการแผ่นดินจะเกิดช่องว่าง เช่นเดียวกับนายสุริยะ ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ สามารถนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ พร้อมนำ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เข้ารับ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ได้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า หาก ครม.ใหม่ ได้รับการถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว ก็ปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยน รองนายกรัฐมนตรี คนใหม่มาทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี แทนนายสุริยะหรือไม่ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ขณะที่ แนวทางต่อสู้คดีของนายกรัฐมนตรี ตามคำร้องของ 36 สว. ในประเด็นคลิปสนทนาระหว่างนายกฯ กับ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา กัมพูชา ที่ต้องชี้แจงข้อกล่าวหา 15 วันต่อศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่า เลขาธิการนายกฯ คงจะแจ้ง และตนก็จะเข้าไปช่วยในเรื่องคดีด้วย
>> ตร.ภูธรจันทบุรี สนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงชายแดน จัดนวัตกรรม “โดรนการ์ด – ตำรวจตาเทพ” เพิ่มขีดความสามารถตำรวจในพื้นที่ชายแดน
17.47 น. พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานเปิดโครงการอบรม “เสริมแกร่ง ตร.” ภายใต้ชื่อ “Drone Guard – ตำรวจตาเทพ” เพื่อยกระดับศักยภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ชายแดน ด้วยการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ “โดรน” เข้ามาเสริมภารกิจด้านความมั่นคงและการบริการประชาชน
โดยมี พ.ต.อ.นพันษกรณ์ กรณ์เจริญการ ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนฯ รรท.ผกก.ฝอ.ภ.จว.จันทบุรี กล่าวรายงาน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี คณะวิทยากรกลุ่ม “เพื่อนโดรน” และผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 40 นาย สำหรับโครงการนี้มุ่งหวังให้เจ้าหน้าที่มีความรู้ ความเข้าใจ และความชำนาญในการควบคุมอากาศยานไร้คนขับ เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในหลากหลายด้าน อาทิ การสำรวจพื้นที่เสี่ยงก่อนเข้าปฏิบัติการ ลดความเสี่ยงของกำลังพล การเฝ้าระวังช้างป่า การจัดการจราจร การค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ทุรกันดาร รวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีอาชญากรรม
อย่างไรก็ตาม การอบรมครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนงานตำรวจให้ทันสมัยและตอบโจทย์สภาพแวดล้อมของพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสอดคล้องกับภารกิจด้านความมั่นคงภายในของตำรวจ
>> ไฟไหม้บนชั้น 2 อาคารพาณิชย์ริมถนน จนท.พร้อมรถดับเพลิงระดมฉีดน้ำควบคุมเพลิงได้ก่อนจะลุกลาม
20.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ บนถนนเส้นมิตรสัมพันธ์ ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี รถดับเพลิงจากเทศบาล เมืองอ่างศิลา เทศบาลเมืองชลบุรี เทศบาลเมืองแสนสุข กำลังอาสาสมัครดับเพลิงภาคตะวันออก ระดมกำลังไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ประกอบธุรกิจร้านขายยา ต้นเพลิงอยู่บริเวณชั้นที่สอง เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและระงับเหตุจนเพลิงสงบ เหลือแต่กลุ่มควัน ที่เกิดเหตุไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต สาเหตุเพลิงไหม้ อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยาน มีผู้เสียชีวิตริมถนนบรมราชชนนี เชิงขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟตลิ่งชัน
22.40 น. รับแจ้งจาก สน.ตลิ่งชัน มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคล ชนกับรถจักรยาน และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ริมถนนบรมราชชนนี ขาเข้า ก่อนถึงจุดกลับรถใต้สะพาน ฝั่งตรงข้าม สน.ตลิ่งชัน ในช่องทางคู่ขนาน
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล มิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนรถจักรยาน ใกล้กันพบร่างของผู้บาดเจ็บ เป็นผู้ชาย 1 ราย อายุประมาณ 50 - 55 ปี มีอาการสาหัส ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามให้การช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
>> หนุ่มเมียนมาเมาอารมณ์ขึ้น คว้ามีดฟันหัวเพื่อนร่วมชาติเลือดอาบ แค้นปมทวงหนี้ 3 พันกลางวงเหล้า
23.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.หนองปรือ จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีแรงงานต่างด้าวก่อเหตุทำร้ายร่างกายกันเอง มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอาวุธมีด บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ตรงข้ามหมู่บ้านดังกล่าว พบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายชาวเมียนมา ทราบชื่อภายหลังคือ นายจอ (นามสมมุติ) อายุประมาณ 30-40 ปี ยืนขอความช่วยเหลือจากพนักงานร้านสะดวกซื้อ เลือดไหลอาบเต็มหน้าและศีรษะ กู้ภัยจึงเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ
จากการสอบถาม พนักงานร้าน ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนนั่งอยู่ในร้าน ได้มีชายคนเจ็บเดินเข้ามาและพูดภาษาต่างชาติ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจได้ แต่เห็นใบหน้าเปื้อนเลือด จึงรีบโทรแจ้งตำรวจและกู้ภัย ระหว่างนั้นมีกลุ่มแรงงานต่างด้าว 4-5 คน เดินมาจากบ้านต้นเหตุเพื่อจะพาผู้บาดเจ็บกลับไป แต่ตนเห็นว่าอาการสาหัส จึงบอกให้รอตำรวจมาก่อน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง พบว่าไม่สามารถสื่อสารกับผู้บาดเจ็บได้ เนื่องจากใช้ภาษาพม่า จึงประสานให้เพื่อนแรงงานมาช่วยแปล จากการตรวจสอบที่บ้านต้นเหตุซึ่งอยู่ในระหว่างก่อสร้าง พบว่ามีแรงงานชาวเมียนมาหลายรายมาพักอาศัยอยู่ โดยบ้านดังกล่าวมีนายจ้างเป็นคนไทย
เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บและผู้ก่อเหตุชื่อ นายกอ (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นเพื่อนร่วมงานกัน และกำลังนั่งดื่มสุราภายในบ้าน ระหว่างดื่มเกิดการทวงหนี้เงินยืมจำนวนกว่า 3,000 บาท แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมคืนจึงเกิดปากเสียงรุนแรง ก่อนที่นายกอ จะใช้มีดทำร้ายจนเพื่อนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนในที่เกิดเหตุ แรงงานแต่ละคนให้การไม่ตรงกัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเอกสารของผู้ก่อเหตุ พบว่าเป็นบุคคลต่างด้าวที่เอกสารหมดอายุ และไม่มีเอกสารรับรองการทำงานอย่างถูกต้อง
ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้สอบสวนที่ สภ.หนองปรือ พร้อมรอนายจ้างนำเอกสารมายืนยัน หากพบว่ากระทำผิดจริง จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และความผิดเกี่ยวกับการพำนักในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
>> แผ่นดินไหว ประเทศเมียนมา
01.19 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.1 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 375 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
>> แผ่นดินไหว ภายในพื้นที่ของประเทศเวียดนาม
01.41 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.1 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเวียดนาม ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ประมาณ 342 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ