วันที่ 24 มิถุนายน 2568 เวลา 05:35 น.
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 23 มิถุนายน 2568
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถพ่วง ก่อนพลิกคว่ำลงข้างทาง จนท.ต้องใช้เครื่องมืองัดรถ เพื่อนำผู้บาดเจ็บออกมา ก่อนนำส่งที่ รพ.
07.30 น. กู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถาน เขตบ้านโคกขวาง อ.ศรีมหาโพธิ,รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลชนกับรถเทรลเลอร์ และมีผู้บาดเจ็บหลายราย บนถนนเส้นทางเลี่ยงเมืองศรีมหาโพธิ ในพื้นที่ ม.1 ต.ศรีมาหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีดำ ป้ายทะเบียน 9280 กทม. ลักษณะชนกับรถเทรลเลอร์ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. แล้วพลิกคว่ำลงข้างทางทั้ง 2 คัน ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 3 ราย โดยมีติดค้างภายในรถเก๋ง เป็นผู้หญิงไทย อายุประมาณ 18 ปีทั้ง 2 ราย ทางอาสาสมัครดำเนินการใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถ และนำตัวออกมา ก่อนดำเนินการส่งโรงพยาบาลศรีมหาโพธิ ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 รายนั้นเป็นผู้ชาย อาการไม่สาหัส กู้ภัยช่วยเหลือปฐมพยาบาลที่เกิดเหตุ สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีมหาโพธิ
>> ครบรอบ 7 ปี "วีรบุรุษถ้ำหลวง" ร่วมรำลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ขุนน้ำนางนอน
08.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าอนุสาวรีย์นาวาตรีสมาน กุนัน หรือ "จ่าแซม วีรบุรุษถ้ำหลวง" ภายในอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดกิจกรรม "ครบรอบ 7 ปี เหตุการณ์กู้ภัยถ้ำหลวง" อย่างยิ่งใหญ่
นายเจษฎา เงินทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ได้เข้าร่วมกิจกรรมสำคัญในครั้งนี้ ซึ่งเริ่มต้นด้วยพิธีทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์และสามเณรจำนวน 99 รูป โดยมี นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี
วัตถุประสงค์หลักของการทำบุญตักบาตรในครั้งนี้คือ เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ดวงวิญญาณอันกล้าหาญของ นาวาตรีสมาน กุนัน วีรบุรุษผู้สละชีพในการปฏิบัติภารกิจกู้ภัย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร หรือ "ผู้ว่าหมูป่า" อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้นำการปฏิบัติการที่สร้างประวัติศาสตร์ และนายดวงเพชร พรหมเทพ หรือ "น้องดอม" 1 ใน 13 เยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี ที่ได้จากไปอย่างกะทันหัน
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทำบุญตักบาตรอันศักดิ์สิทธิ์ ได้มีการประกอบพิธีบวงสรวงเจ้าแม่นางนอนและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำถ้ำหลวง ณ บริเวณหน้าถ้ำ เพื่อความเป็นสิริมงคลและระลึกถึงความเชื่ออันเก่าแก่ของพื้นที่
>> อดีตนายอำเภอร้องกวาง ข้ามทางม้าลายถูกรถเก๋งชนเสียชีวิต
08.32 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองแพร่ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนคนเดินข้ามถนน และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บริเวณทางม้าลาย บนถนนหมายเลข 1405 ใกล้เคียงโรงพยาบาลแพร่ ต.ในเวียง อ.เมืองแพร่ จ.แพร่
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า สีทอง ป้ายทะเบียน 8804 เชียงใหม่ สภาพหน้ารถพังเสียหาย โดยมี ชายไทย อายุ 46 ปี แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจวัดแอลกอฮอล์พบว่า ไม่มีแอลกอฮอล์ในร่างกาย ได้จัดทำแผนที่เกิดเหตุ
ส่วนคู่กรณีเป็นคนเดินข้ามถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางอาสากู้ภัยนำส่ง รพ.แพร่ และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร คือ นายอดุลย์ อายุ 76 ปี ทราบว่าเป็น อดีตนายอำเภอร้องกวาง จ.แพร่ ต่อมาได้รับแจ้งว่า เสียชีวิตแล้ว พนักงานสอบสวนจึงได้บันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุไว้แล้วเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับ นายอดุลย์ หันพงศ์กิตติกูล เป็นอดีตนายอำเภอร้องกวาง หลังจากเกษียณอายุราชการถือเป็นปราชญ์และผู้ทรงคุณวุฒิของจังหวัดแพร่ เป็นที่นับถือของชาวบ้านถือเป็นการสูญเสียอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น
>> เพลิงไหม้บ้านเรือน ย่านซอยอยู่เย็น 2 เสียหายวอดและลุกลามหลังข้างเคียง
08.47 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยอยู่เย็น 2 ถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชันกรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น ประกอบกิจการให้เช่าพักอาศัย ปลูกติดกันจำนวน 2 หลัง ต้นเพลิงเกิดที่ชั้นบน ของบ้านเลขที่ 31/2 เพลิงลุกไหม้เสียหายบ้านต้นเพลิงทั้งหมด ลุกลามบ้านเลขที่ 312 บริเวณห้องนอนและห้องพระ เสียหายบางส่วน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 80 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากบ้านต้นเพลิงเสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 86 ปี มีอาการบาดเจ็บลื่นล้ม มีบาดแผลตามร่างกาย ปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ ไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนนนท์
>> “ภูมิธรรม” มั่นใจ ปรับ ครม. จบภายในสัปดาห์นี้ – ลั่น รักทุกกระทรวง หลังมีชื่อนั่ง มท.1
09.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยระบุว่า การพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรีกับพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ มีความคืบหน้ามาก เชื่อว่าการปรับ ครม. จะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้
สำหรับกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น นายภูมิธรรมตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ผมรักทุกกระทรวง" พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าตนจะนั่งหลายกระทรวง ทั้งพาณิชย์ มหาดไทย และกลาโหม แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป ต้องรอนายกรัฐมนตรีตัดสินใจ
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย การลงพื้นที่มอบนโยบายในวันนี้ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งในอนาคต แต่เป็นหน้าที่ตามปกติ พร้อมเชื่อว่าหากพรรคเพื่อไทยได้ดูแลกระทรวงมหาดไทย จะสามารถผลักดันนโยบายลงถึงประชาชนได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจฐานราก การปราบปรามยาเสพติด และการจัดการปัญหาชายแดน ซึ่งที่ผ่านมา กลไกของกระทรวงยังไม่สมบูรณ์
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่ากำลังจะมีทหารมาร่วมทีมทำงานในกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรมยอมรับว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดึงทหารมาช่วยงานเพิ่มเติม และยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับกองทัพ โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ในประเด็นที่มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และขอให้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น นายภูมิธรรมระบุว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นสิทธิของ ส.ว. และกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตัดสิน พร้อมย้ำว่าไม่ใช่ “นิติสงคราม” แต่เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย
ท้ายที่สุด นายภูมิธรรมแสดงความมั่นใจเต็มร้อยว่า เสถียรภาพของรัฐบาลหลังการปรับ ครม. จะเข้มแข็งยิ่งขึ้น แม้จะมีบางพรรคการเมืองถอนตัวออกจากรัฐบาล โดยระบุว่า จะเห็นการทำงานของรัฐบาลในมิติใหม่ที่ต่างไปจากเดิม
>> ผู้บัญชาการฯ ภาค 1 แถลงจับยาเสพติดล็อตใหญ่ 3 คดี ยึดยาบ้ารวม 10 ล้านเม็ด
11.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 แถลงผลจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 3 คดีใหญ่ ยึดยาบ้ารวมกว่า 10 ล้านเม็ด พร้อมไอซ์กว่า 700 กก. และอาวุธปืน
คดีแรก จับกุมเครือข่าย “เอก หนองยาว” ยึดยาบ้า 60,000 เม็ด ไอซ์ 217 กก. และเคตามีน พร้อมผู้ต้องหา 3 ราย ดำเนินคดีข้อหาค้ายาเสพติดเพื่อการค้า
คดีที่สอง ตรวจพบแหล่งพักยาบ้า 7.2 ล้านเม็ด ใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี จากการขยายผลคดีเก่าที่ตรวจยึดยาบ้ารวมกว่า 8.7 ล้านเม็ด และไอซ์ 720 กก.
คดีสุดท้าย พบรถยนต์ประสบอุบัติเหตุใน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ภายในซุกยาบ้า 3.2 ล้านเม็ด พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งขยายผล
พล.ต.ท.สุรพล เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางมิถุนายน ตำรวจภูธรภาค 1 จับกุมคดียาเสพติดได้กว่า 17,500 คดี ยึดยาบ้าเกือบ 130 ล้านเม็ด และทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 740 ล้านบาท ยืนยันเดินหน้าปราบปรามเต็มที่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
>> จราจร สน.วิภาวดี กวดขันวินัยจราจร รถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนใช้ช่องทางหลัก พบผู้ฝ่าฝืนเกือบ 40 ราย
11.20 น. ศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต / ทางพิเศษ ได้เริ่มดำเนินมาตรการ กวดขันวินัยจราจรอย่างจริงจัง ตามนโยบาย “ห้ามรถจักรยานยนต์ใช้ช่องทางหลัก” บนถนนวิภาวดีรังสิต
โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา พบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนใช้ช่องทางหลักแล้ว กว่า 38 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการว่ากล่าวตักเตือน และเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ขอความร่วมมือ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกท่าน โปรดหลีกเลี่ยงการใช้ช่องทางหลัก และใช้ทางคู่ขนานอย่างถูกต้อง พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนบนท้องถนน
>> รวบแก๊งยานรก เกือบ 8 แสนเม็ด สารภาพสิ้น หลังหนีนานกว่า 5 เดือน
15.30 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นายนอ(นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหนองคาย โดยจับกุมได้บนถนนหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 และหลายหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ได้ร่วมกันสกัดจับขบวนการค้ายาเสพติดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่บ้านแดนเมือง ต.วัดหลวง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย จากการเข้าตรวจค้นครั้งนั้น พบชายอายุ 18 ปี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนมหาศาลกว่า 788,000 เม็ด บรรจุในกระเป๋าเดินทางและกระสอบ รวม 2 ใบ ซึ่งจากการขยายผลพบว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายรายที่หลบหนีไปได้ หนึ่งในนั้นคือ นายนอ ซึ่งต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.โพนพิสัย ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับในข้อหาร่วมกันค้ายาเสพติด กระทั่งมาติดตามจับกุมได้ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา "ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต" นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> "บิ๊กต่าย" ยืนยันการข่าวยังไม่พบมือที่ 3 ป่วนม็อบ เตรียมแผนรับมือ
15.50 น. พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือการรวมกลุ่มชุมนุมของกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ที่นัดนวมตัวกัยในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน นี้โดยระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการประชุมทุกวัน สิ่งสำคัญคือการข่าว การเจรจา และการดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม ซึ่งทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ส่วนการดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและผู้ใช้รถใช้ถนนนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความห่วงใยและต้องตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าอาจมีบุคคลไม่หวังดีหรือกลุ่มมือที่ 3 เข้ามาก่อเหตุ ดังนั้นการข่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งจากภายใน ภายนอก และตำรวจภูธรภาคต่าง ๆ ต้องสืบสวนหาข่าวเพื่อเตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและอุปกรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยทั้งผู้ชุมนุมและประชาชน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการข่าวที่แน่ชัดว่าจะมีการระดมคนจำนวนมากมาร่วมชุมนุม มีเพียงการโพสต์ข้อความเชิญชวนตามปกติในโซเชียลมีเดีย ตำรวจเข้าใจดีว่าการชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่การปฏิบัติก็มีกฎหมายรองรับเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากทั้งประชาชนและตำรวจให้ความร่วมมือกัน ความสงบเรียบร้อยก็จะเกิดขึ้น และพร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยให้ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและประชาชน โดยในส่วนของการประเมินจำนวนผู้ชุมนุมนั้นยังไม่มีความชัดเจน คาดว่าจะทราบผลการวิเคราะห์ในช่วงวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อให้ตำรวจจัดกำลังพลและเตรียมแผนเผชิญเหตุได้อย่างเรียบร้อย ขณะนี้มีการประสานงานและขออนุญาตจัดการชุมนุมอย่างถูกต้องแล้ว
>> นายกฯ ขอบคุณ DSI - ทร.-ป.ป.ส. ทลายเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ยึดยาไอซ์กว่า 2 พันกิโล มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
16.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าวผลการสกัดกั้นและจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ ที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเพื่อเตรียมส่งออกไปยังประเทศที่สาม
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษบูรณาการร่วมกับ กองทัพเรือ สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุมผู้ต้องหาทลายเครือข่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) พร้อมของกลาง “ไอซ์” จำนวน 2,399 กิโลกรัม ขณะกำลังลำเลียงส่งออกไปยังต่างประเทศผ่านน่านน้ำไทย มีมูลค่าในต่างประเทศกว่า 3,000,000,000 บาท
นายกฯ กล่าวขอบคุณและชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่ปฏิบัติงานร่วมกันจนนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายด้านความมั่นคงและการป้องกันยาเสพติดอย่างสูงสุด และมั่นใจในศักยภาพของเจ้าหน้าที่ทุกคนว่า เราจะสามารถทำให้ประเทศของเราเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากยาเสพติดได้
>> นายกฯ แจง มาตรการแก้ไขอาชญากรรมข้ามชาติ ชี้ แก๊งคอลเซนเตอร์ในกัมพูชาเสียหายกว่า 3 หมื่นล้าน
16.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ถึงกรณีธุรกิจไทยในกัมพูชาจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ว่า
การทำธุรกิจในกัมพูชาเราสนับสนุนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านการทูต หรือด้านอื่น ๆ เราก็เต็มที่ไม่ได้มีความรุนแรงเกิดขึ้น อย่างที่ผ่านมา กัมพูชาประกาศงดซื้อน้ำมัน และก๊าซจากไทย เป็นเรื่องของชายแดนที่เกิดขึ้น แต่หากลุกลามมากยิ่งขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้นำกัมพูชาจะต้องกำหนดราคาน้ำมัน โดยหากไม่รับจากของไทยคงจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ไม่แน่ใจว่าทางกัมพูชาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งอาจเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวกัมพูชา และหากมีคนไทยอยู่ในพื้นที่ด้วยก็จะได้รับผลกระทบ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้มีการสำรวจธุรกิจอื่นที่ลงทุนในกัมพูชาหมดแล้ว โดยตามฐานข้อมูลที่แจ้งมานั้นธุรกิจไทยส่วนใหญ่ที่ทำกัมพูชาจะเป็นประเภทโรงแรม และจะอยู่ในตัวเมือง ซึ่งบริเวณชายแดนยังไม่ค่อยมี และผลกระทบต่อคนไทยเอง ทั้งเรื่องเกษตรกรและเอสเอ็มอีต่าง ๆ ทางภาครัฐ และภาคเอกชนพร้อมที่จะซัพพอร์ต และซื้อสินค้าของพี่น้องประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดน ว่า มีการมอบอำนาจในการประชุม สมช. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้พิจารณาจากหน้างานว่าหากเกิดอะไรขึ้นให้อำนาจทหารช่วยดู ว่าควรจะปิด หรือเปิดด่านอย่างไร สำหรับมูลค่าความเสียหายที่ไทยเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชานั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า โดยรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท และโดยเฉลี่ยของประเทศไทยเสียหายวันละประมาณ 80 ล้านบาท
>> เปิดด่านแดนถาวรบ้านคลองลึก - ปอยเปต ช่วยชายชาวกัมพูชารักษาโรคหัวใจกำเริบในโรงพยาบาลไทย
17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานประสานงานไทย-กัมพูชาได้รับหนังสือจากสำนักงานประสานงานกัมพูชา-ไทย ขอความอนุเคราะห์ความสะดวกในการเดินทางผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก-ปอยเปต และพื้นที่ควบคุมให้กับ ชายอายุ 31 ปี ปชช.ชาวกัมพูชา และเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินนอกเวลา จะเดินทางข้ามชายแดนเข้ามารับการรักษาพยาบาลโรคหัวใจกำเริบที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. ชายอายุ 31 ปี และหญิง อายุ 50 ปี ได้เดินทางมาด้วยรถยนต์จากโรงพยาบาลส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศในกรุงปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยได้เดินทางมาที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก-ปอยเปต สำหรับการเดินทางมาที่บริเวณจุดผ่านแดนดังกล่าววันนี้ มีความประสงค์จะเดินทางไปรักษาตัวในฝั่งประเทศไทยตามความคิดเห็นของแพทย์ไทย หากมีการเปลี่ยนแปลง จะแจ้งรายละเอียดต่างๆ จะให้เจ้าหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศทราบในภายหลัง จึงขอความอนุเคราะห์สำหรับการอำนวยความสะดวกเดินทางข้ามชายแดนในครั้งนี้ตามความเหมาะสมดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ จึงดำเนินการอำนวยความสะดวกให้สำหรับกรณีดังกล่าวตามหลักมนุษยธรรม
>> ผบ.ทบ.ประชุมหน่วยขึ้นตรง ติดตามสถานการณ์พร้อมปกป้องอธิปไตย และดูแลประชาชน
18.28 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงผลการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ครั้งที่ 9/2568 โดยมี พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุม ซึ่งวาระก่อนการประชุม ผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลให้แก่หน่วยที่ได้รับรางวัลจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางทหารกองทัพบกประจำปี 2568, รางวัลการแข่งขันกีฬาทางอากาศและการบิน สาขากระโดดร่มในการแข่งขันกีฬากองทัพไทยครั้งที่ 55 ประจำปี 2568 จากนั้นเป็นการรายงานสรุปการปฏิบัติที่สำคัญของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกและหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ซึ่งปัจจุบันได้มีการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาอย่างใกล้ชิด
ในช่วงท้ายของการประชุม ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวถึงสถานการณ์ภัยคุกคามในปัจจุบันที่มีความสลับซับซ้อนและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติในทุกมิติ อันมีส่วนประกอบจากปัจจัยที่หลากหลายและรอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาในพื้นที่ตามแนวชายแดน กองทัพบกเป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคง มีหน้าที่ในการรักษาอธิปไตย ปกป้องสถาบันหลักของชาติ และดูแลประชาชนให้ปลอดภัย จึงขอให้กำลังพลทุกคนตระหนักในหน้าที่รับผิดชอบ ยึดมั่นในการปฏิบัติภารกิจเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงภัยหรือพื้นที่ชายแดน ขอเป็นกำลังใจให้กำลังพลปฏิบัติภารกิจด้วยความรอบคอบ มีความรักความสามัคคี ร่วมมือกัน ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มศักยภาพท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
>> ชาวบ้านถูกยิงบาดเจ็บในสวนยาง ที่รือเสาะ คาดปมทะเลาะวิวาท จ.นราธิวาส
18.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ ได้รับแจ้งเหตุใช้อาวุธปืนยิงราษฎรภายในสวนยางพารา หมู่ที่ 2 ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุกิพลี (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ราษฏรหมู่ที่ 2 ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิดและขนาด บริเวณแขนซ้าย 1 นัด และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรือเสาะเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุกิพลีให้การว่า ตนได้เข้าไปห้ามปรามเพื่อนที่กำลังทะเลาะกัน และถูก นายมะดิง อายุ 40 ปี ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ทะเลาะวิวาท ใช้อาวุธปืนยิงจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
>> แผ่นดินไหว ที่อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน
19.35 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.4 ความลึก 1 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.ถ้ำลอด อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ไม่มีรายงานการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
>> รถจักรยานยนต์ชนราวสะพานข้ามคลองดาวคะนอง คนขับขี่ร่างกระเด็นตกสะพานเสียชีวิต
20.00 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักชนราวสะพาน แล้วผู้บาดเจ็บร่างกระเด็นตกลงไปด้านล่าง บนสะพานข้ามคลองดาวคะนอง ถนนราษฎร์บูรณะ ในพื้นที่ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า แกรนด์ฟีราโน่ สีเทา ป้ายทะเบียน กทม.ล้มคว่ำอยู่กลางสะพาน ตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่ร่างกระเด็นตกจากสะพานลงสู่เบื้องล่าง ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส และหมดสติ ทางอาสาสมัครเร่งให้การช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุประมาณ 40 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางคอแหลม
>> เพลิงไหม้บ้านทาวเฮ้าส์ ย่านซอยสรงประภา 14 จนท.ข้อสันนิษฐาน แก๊สหุงต้มรั่วไหลแล้วเกิดเพลิงลุกไหม้
20.47 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยสรงประภา 14 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในห้องครัว เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งห้อง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 15 ตารางเมตร ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควัน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก แก๊สหุงต้มรั่วไหล ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ 35 ปี อาการสำลักควัน อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยดอนเมือง
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
01.24 น กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.5 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 183 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดเชียงใหม่
01.56 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหวขนาด 1.9 ลึก 1 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไม่มีรายงานการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ