หน้าแรก > อาชญากรรม

ปอท.รวบขบวนการเพจหลอกประมูลนาฬิกายี่ห้อหรู "Vintage Watch"

วันที่ 21 มิถุนายน 2568 เวลา 22:28 น.


ปอท.รวบขบวนการเพจหลอกประมูลนาฬิกายี่ห้อหรู "Vintage Watch"

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) โดย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.2 บก.ปอท. , สภ.แม่สาย , ตม.จว.เชียงราย ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 7 ราย (คนไทย 4 ราย, เมียนมา 1 ราย, บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน 2 ราย) ดังนี้

1. นายนิ (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3295/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568
2. น.ส.อิน (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3296/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
3. นายพัน (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3297/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
4. MR. W (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี (สัญชาติเมียนมา) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3298/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
5. นายคิน (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี (บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3299/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
6. น.ส.นัท (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3300/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
7. น.ส.ฝัน (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี (บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3301/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”
สถานที่จับกุม
1. ผู้ต้องหาลำดับที่ 1-2 จับกุมในพื้นที่ อ.แกลง จ.ระยอง
2. ผู้ต้องหาลำดับที่ 3-4 จับกุมในพื้นที่ ต.ปะตง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี
3. ผู้ต้องหาลำดับที่ 5-7 จับกุมในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ผู้เสียหายพบโพสต์โฆษณาบนเฟซบุ๊ก ชื่อเพจ “Vintage watch” โฆษณาประชาสัมพันธ์เปิดประมูลนาฬิกาข้อมือวินเทจ โดยเพจดังกล่าวมีจำนวนไลค์มากกว่า 2 พันไลค์ อีกทั้งยังมีบุคคลอื่นเข้าร่วมประมูลอีกเป็นจำนวนมาก (น่าเชื่อว่าเป็นกลุ่มหน้าม้าของกลุ่มคนร้าย) ซึ่งเมื่อผู้เสียหายพบเห็นโพสต์ดังกล่าวจึงเกิดความสนใจ จากนั้นจึงตัดสินใจเข้าร่วมประมูลโดยใส่ราคาไว้ใต้คอมเมนต์ของโพสต์ ต่อมาจึงได้มีแอดมินของเพจทักเข้ามาในข้อความแมสเซนเจอร์ของเฟซบุ๊ก แจ้งว่าผู้เสียหายชนะการประมูลนาฬิกาในราคา 5,500 บาท โดยมีค่าจัดส่ง 100 บาท รวมเป็นเงิน 5,600 บาท ต่อมาคนร้ายจึงได้ให้ผู้เสียหายชำระเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย เป็นจำนวนเงิน 5,600 บาท และคนร้ายได้แจ้งว่า ผู้เสียหายจะต้องโอนเงินค่าทำประกันสินค้าอีกจำนวน 2,000 บาท โดยจะได้รับเงินคืนหลังจากทำประกันเสร็จแล้ว ผู้เสียหายจึงโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย เพิ่มอีกจำนวน 2,000 บาท รวมผู้เสียหายโอนเงินไปทั้งสิ้น จำนวน 7,600 บาท ต่อมาคนร้ายยังได้แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มอีก จำนวน 1,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมการโอนเงินประกันคืน แต่ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อ และเชื่อว่าเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวได้หลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งภายหลังเมื่อผู้เสียหายไม่ได้รับสินค้าและไม่ได้รับเงินคืน จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.

จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ในลักษณะขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย แบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้า จำนวน 2 ราย, กลุ่มจัดหาบัญชีม้า จำนวน 2 ราย, กลุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์และฟอกเงิน จำนวน 3 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”

ต่อมา เมื่อวันที่ 15-18 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สสน.บก.ป., สภ.แม่สาย, ตม.จว.เชียงราย จึงได้ลงพื้นที่จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้ ได้ทั้งหมด รวมทั้งสิ้น 7 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ ประกอบด้วย สมุดบัญชีธนาคาร/บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 13 รายการ, โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง, ซิมการ์ด 18 อัน, พระเครื่อง 6 องค์, เงินสดจำนวน 600,000 บาท, เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง, โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท

จากการสืบสวนขยายผลจากผู้ต้องหาที่จับกุมได้ ทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการกระทำที่เป็นขบวนการ โดยผู้ต้องหาบางรายมีหน้าที่จัดหาบัญชีม้า โดยมีการว่าจ้างบุคคลทั่วไปให้เปิดบัญชีธนาคาร พร้อมลงแอปพลิเคชันของธนาคารในโทรศัพท์มือถือ แล้วส่งต่อไปยังบ้านเช่าในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นโทรศัพท์เหล่านี้จะถูกส่งข้ามแดนไปยังออฟฟิศของแก๊งในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นพนักงานของแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ใช้ในรับโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอกลวง และใช้ในการฟอกเงิน ตามคำสั่งของนายทุนชาวจีนซึ่งเป็นเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากระบบแจ้งความออนไลน์พบว่า มีคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 16 คดี โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงขายสินค้าหลายประเภทผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เพจขายทุเรียน, ยางรถยนต์, โทรศัพท์, เครื่องตัดหญ้า และปลาอินทรีย์ อีกทั้งตรวจพบยอดเงินหมุนเวียนในคดีนี้มากกว่า 2 ล้านบาท ในระยะเวลา 1 เดือน ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

 

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ