วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 05:43 น.
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2568
>> ฝ่ายปกครอง ผนึกกำลังอำเภอชายแดน จับกุมผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย
06.00 น. ณ บริเวณสวนยาง ไม่ทราบเลขที่ หมู่ที่ 2 บ้านเกริงกระเวีย ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ นายกฤษฎา มูลสวัสดิ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายยงยุทธ แสวงสุข ปลัดอำเภอ พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอทองผาภูมิที่ 9 ร่วมกับผู้ปกครองท้องที่จับกุมผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 20 ราย
โดยในช่วงค่ำวันที่ 18 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีรถนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยใช้เส้นทางหมายเลข 323 จึงประสานกำลังร่วมกับผู้ปกครองท้องที่ไปดักซุ่มอยู่บริเวณแยกเกริงกระเวีย ต่อมา เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองได้เดินลาดตระเวน บริเวณถนนป่ายาง จนพบผู้ลักลอบ เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ฯจึงวิ่งกระจายกันหลบหนี เจ้าหน้าที่ฯ ได้ติดตามและแสดงตนเข้าจับกุม พบผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 20 คน แบ่งเป็น ชาย 17 คน หญิง 3 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระ ซึ่งจากการตรวจค้นยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ
จากการสอบถามผ่านล่ามเบื้องต้นให้ถ้อยคำเบื้องต้นว่า เดินทางมาจากประเทศพม่า ณ เมืองย่างกุ้งและมัลดาเลย์ ผ่านชายแดนไทยอำเภอสังขละบุรีโดยใช้เส้นทางธรรมชาติ จากนั้นมีเรือมารับก่อนที่จะถูกพามาบริเวณที่ถูกจับกุม มีเป้าหมายจะเดินทางไปประเทศมาเลเซียโดยจะเสียค่าใช้จ่ายต่อคนรายละประมาณ 55,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ปิดตำนานตัวเอกบุญบั้งไฟเมืองหนองหาน
06.30 น. รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถนั่งส่วนบุคคล มีทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต บนถนนนิตโย ช่วงทางกลับรถ ใกล้เคียงโรงเรียนบ้านหนองบ่อ ในพื้นที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีม่วง-ขาว ป้ายทะเบียน อุดรธานี ลักษณะชนกับรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. และพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 รายในที่เกิดเหุต เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 73 ปี และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้หญิง อายุ 69 ปี ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.หนองหาน แห่งที่ 2 และได้รับแจ้งว่าได้เสียชี่วิตในเวลาต่อมา
ทางผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทุกๆ วัน ผู้เสียชีวิต คือคุณตาซอน จะไปส่งคุณยายวัล ที่สำนักงานขนส่งอุดรธานี สาขาหนองหาน เพื่อเปิดร้านขายกับข้าว ก่อนที่คุณตาซอน จะไปขับรถรับส่งนักเรียน ตามปกติ แต่วันนี้ไม่เป็นไปตามปกติ ฟ้าได้พรากคุณตากับคุณยายอันเป็นที่รักเราจากไป รถเก๋งคู่กรณีเดินทางมาจาก จ.บึงกาฬ จะไปสนามบินอุดรธานี แต่มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน โดยคนขับอยู่ในอาการตกใจ
อุปนิสัยของคุณตาซอน เป็นคนร่าเริง สนุกสนาน เป็นตัวเด่นในงานบุญบั้งไฟของทุกปี มีแต่รอยยิ้มเสมอ ผู้คนนับหน้าถือตารักใคร่ทั้งอำเภอหนองหาน และคุณยายวัล ก็เป็นคนใจดี ลูกหลานและคนใกล้ชิดรักใคร่มากมายทั้งอำเภอ ต่างอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหาน
>> พบร่างชาย ริมคลองใกล้ไซต์งานก่อสร้าง จนท.คาดถูกไฟช็อต หลังพยายามก่อเหตุลักตัดสายไฟ
10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางกรวย ได้รับแจ้งมีชายเสียชีวิตอยู่ในสถานที่ก่อสร้างแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จากนั้นจึงประสานแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ร่วมตรวจสอบ
จากการตรวจสอบบริเวณริมคลองพบร่างของชาย อายุประมาณ 47 ปี ไม่สวมเสื้อ ใส่เพียงกางเกงขาสั้นสีเทา ไม่ใส่รองเท้า มีรอยสักที่แขนซ้าย ส่วนต้นแขนขวาสักชื่อบุคคลชื่อหนึ่งไว้ เสียชีวิตอยู่ในกอหญ้า ข้างตัวพบเครื่องมือช่างเป็นคีมสภาพเก่า 1 อัน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังพบเห็นร่องรอยที่สายไฟลักษณะถูกคีมตัดแต่ยังไม่ขาด ขณะที่ทางแพทย์เวรเผยว่าเบื้องต้นจากการตรวจยังไม่พบร่องรอยบาดแผลของการถูกกระแสไฟฟ้าช็อต พบเป็นร่องรอยแผลถลอกจากการลื่นไถล ซึ่งจะต้องทำการตรวจชันสูตรเพิ่มเติมอีกครั้ง
ด้าน วิศวกรของโครงการก่อสร้าง กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้ามีทีมช่างสำรวจเดินมาพบผู้เสียชีวิตอยู่ตรงจุดเกิดเหตุและครีมหนึ่งอัน พร้อมกับพบร่องรอยลักษณะถูกตัดที่สายไฟ ตนไม่รู้จักคนเสียชีวิตมาก่อน เขาน่าจะมาก่อเหตุซึ่งตนเห็นคีมตัดสายไฟ ตกอยู่ โดยจุดนี้เคยถูกลักขโมยของหายมาก่อน มีของหายบ่อย เช่นอะไหล่ปั้นจั่น และอุปกรณ์ก่อสร้าง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีญาติมาแสดงตัว
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าเบื้องต้นได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุพร้อมกับสอบปากคำผู้ควบคุมงานในที่เกิดเหตุไว้ซึ่งทางหน่วยงานก่อสร้างยืนยันว่าไม่ใช่คนงานแน่นอน หลังจากนี้จะตรวจสอบและประชาสัมพันธ์ตามหาญาติ ส่วนผู้เสียชีวิตในมอบให้ทางเจ้าหน้าที่มูนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำส่งสถานบันนิติวิทยาศาสตร์
>> ลงดาบรถนอกบัญชีสีเขียว 465 คัน ฝ่าฝืนเข้าพื้นที่เขตมลพิษต่ำ ย้ำปี 2569 ปรับมาตรการขยายพื้นที่ครอบคลุม 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ
11.22 น. นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในปี 2568 โดยการประกาศใช้มาตรการเขตมลพิษต่ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (Low Emission Zone : LEZ) ห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป (ยกเว้น EV, NGV, EURO 5-6) ที่ไม่ได้ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว เข้าในพื้นที่เขตมลพิษต่ำวงแหวนรัชดาภิเษก ในช่วงวิกฤตฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ (เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 68 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 24 ม.ค. 68 เวลา 23.59 น.) มีรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป (ยกเว้น EV, NGV, EURO 5-6) ที่ไม่ได้ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว ฝ่าฝืนเข้าพื้นที่บังคับใช้และมีการดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ฝ่าฝืนแล้ว จำนวน 465 คดี (ข้อมูล ณ วันที่ 18 มิ.ย. 68) และพนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับแล้ว 4 คดี
นายพรพรหม กล่าวต่อไปว่า มาตรการเขตมลพิษต่ำที่ กทม. นำมาใช้เป็นมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 สามารถลดจำนวนรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป เข้าพื้นที่บังคับใช้ได้ เฉลี่ยวันละ 404 คัน และส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีปริมาณน้อยกว่าพื้นที่โดยรอบ ร้อยละ 15.6 โดยในปี 2569 จะพิจารณาขยายพื้นที่บังคับใช้ให้ครอบคลุม 50 เขตทั่วกรุงเทพมหานคร ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการ LEZ ในปี 2569 รถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป ที่ต้องการลงทะเบียนในบัญชีสีเขียว สามารถนำรถเข้าสู่กระบวนการบำรุงรักษา โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมนำหลักฐานการบำรุงรักษารถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ลงทะเบียนบัญชีสีเขียวทางออนไลน์ได้ในช่วงเดือนตุลาคม 2568 โดยจะประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
>> ทนายและนักวิชาการ ร้อง ผบช.ก. เอาผิด “อุ๊งอิ๊ง” ปมคลิปคุยฮุนเซน เข้าข่ายผิดอาญาหมวดมั่นคง
11.30 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” และนายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านกฎหมาย เข้ายื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ผบช.ก. ให้ดำเนินคดีอาญาต่อนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากกรณีคลิปเสียงความยาว 17.06 นาที ซึ่งเป็นการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานวุฒิสภากัมพูชา
โดยกลุ่มผู้ร้องระบุว่า เนื้อหาในคลิปมีลักษณะล่อแหลม กระทบต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร และเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 120 – 128 ซึ่งอยู่ในหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอก พร้อมชี้ว่าตัวนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ยืนยันว่าคลิปดังกล่าวเป็นของจริง และอ้างว่าเป็นเทคนิคการเจรจา แต่ในความเป็นจริงถือเป็นการเปิดเผยข้อมูลด้านความมั่นคงโดยไม่เหมาะสม
นายสมชายกล่าวว่า บางถ้อยคำในคลิปยังเป็นการด้อยค่าแม่ทัพภาค 2 และเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับด่านชายแดน ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการสรรหาผู้นำชุดใหม่ โดยยืนยันไม่ต้องการให้มีการยุบสภา และไม่สนับสนุนการรัฐประหาร
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์กลางถนน ผู้บาดเจ็บ 2 รายอาการสาหัสก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลทั้งคู่ จ.ชุมพร
12.53 น. รับแจ้งจาก ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการนเรนทรชุมพร มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ริมถนนหมายเลข 3201 ก่อนถึงทางเข้าวัดแหลมยาง ม.9 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีเทา สภาพหน้ารถพังเสียหาย และห่างออกไปพบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีเทา สภาพหน้ารถพังเสียหายเช่นกัน ตรวจสอบพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย มีอาการสาหัส ทางอาสากู้ชีพ และกู้ภัยช่วยเหลือดำเนินการนำส่ง รพ. ชุมพร เป็นชายอายุ 18 ปี ส่วนอีก 1 ราย นำส่ง รพ.ปะทิว เป็นหญิง อายุ 24 ปี และได้รับแจ้งในเวลาต่อมาว่า ผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะทิว
>> รวบ "แสงจันทร์" มือฆ่าชิงทองลุงวัย 63 ปี อ้างร่วมมือกับชายเขมร
13.00 น. จากกรณีเกิดเหตุฆาตกรรมในพื้นที่ ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ คนร้ายที่ลงมือฆ่าชิงทรัพย์ นายประทีป คงทวี อายุ 63 ปี ก่อนจะเอาเงินสด และทองคำ 20 บาท รวมมูลค่าเกือบ 2 ล้าน หลบหนีไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ซึ่งต่อมาตำรวจ สภ.สวาย ได้นำหลักฐานไปยื่นที่ศาลจังหวัดสุรินทร์ เพื่อขอให้อนุมัติออกหมายจับ นายสอ (นามสมมุติ) อายุ 58 ปี ในข้อหา "ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย"
ล่าสุด สภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีชายลักษณะหน้าตา คล้ายกับนายสอ จึงจัดกำลังตำรวจชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบ ก่อนแสดงตัวเข้าทำการจับกุม ก่อนคุมตัวมาบันทึกการจับกุมที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ด
สอบสวนเบื้องต้น นายสอ ให้การว่าตนเองเป็นคนลงมือแทงลุงประทีปจริง โดยก่อเหตุกับนายบอล ชายชาวเขมร โดยหลังจากก่อเหตุเสร็จนายบอล ได้แบ่งทรัพย์สินให้ส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นได้แยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งตนตั้งใจจะไปขอยืมเงินลุงประทีป แต่เจอนายบอลซึ่งมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย โดยนายบอลได้ชวนก่อเหตุ ซึ่งตนรู้สึกสำนึกผิดและอยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางลงบันทึกการจับกุม ก่อนส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวน สภ.สวาย จ.สุรินทร์ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> ก.ต่างประเทศ เรียกทูตกัมพูชาพบ ทำหนังสือประท้วง ปม ฮุนเซน ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
13.24 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ไทย – กัมพูชา ว่า
หลังมีบทการสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทย และสมเด็จ ฮุนเซน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทางฝ่ายกัมพูชา ฝ่ายไทยเห็นว่าการกระทำดังกล่าว ขัดต่อจรรยาบรรณและมารยาทพื้นฐานการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ เพราะถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รวมถึงกลไลทวิภาคีในการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ จะเป็นใคร แต่ตำแหน่งนายกฯ คือ หัวหน้ารัฐบาลของประเทศที่ควรได้รับความเคารพและให้เกียรติตามแนวปฏิบัติสากลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นายนิกรเดช กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าวผ่านช่องทางการทูต โดยเชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือดังกล่าว เพื่อแจ้งให้ทราบว่าการกระทำของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานต่อกันระหว่างรัฐ ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง
การดำเนินของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนทางการทูต กระทำโดยใช้วิจารณญาณ มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะและมีสันติวิธี และดำเนินการอย่างทางการ โดยทางการไทยยังประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาไว้เรียบร้อยแล้ว
กระทรวงการต่างประเทศขอย้ำเรื่องนี้เป็นการดำเนินการทางการทูต ซึ่งเป็นเรื่องรัฐบาล 2 ฝ่าย ไม่ใช่ปัญหาของประชาชน 2 ประเทศ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่ใช้การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ หรือโซเซียลมีเดีย เพื่อหวังปลุกระดมความนิยมจากประชาชน และสร้างความแตกแยกให้สังคม 2 ประเทศ ซึ่งแสดงถึงความไม่เคารพการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และไม่ควรได้รับการยอมรับความไว้ใจจากประชาคมระหว่างประเทศ
>> นายกฯ พร้อมรัฐมนตรีจิตอาสาพระราชทาน ศึกษาดูงานการฝึกปฏิบัติและงานเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์ฝึก รร.จิตอาสา 904
14.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงานหลักสูตรการฝึกปฏิบัติและดูงานเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 โดยแต่งกายด้วยชุดจิตอาสาพระราชทาน เสื้อโปโลสีเหลืองตราสัญลักษณ์ 72 พรรษา เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
การศึกษาดูงานแบ่งเป็น 3 ฐาน ได้แก่ พื้นที่แปลงที่ 1 : การแก้ไขปัญหาตามหลักภูมิสังคม อาทิ การบริหารจัดการน้ำ แก้ไขปัญหาน้ำท่วม - น้ำแล้ง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้, พื้นที่แปลงที่ 2 : การฝึกเผชิญสถานการณ์วิกฤต ฝึกทักษะสำคัญเพื่อเอาตัวรอดได้จากภัยพิบัติที่สามารถพบได้ในประเทศไทย และ พื้นที่แปลงที่ 3 : การพึ่งพาตนเอง เรียนรู้เพื่อสร้างชุมชนต้นแบบที่สามารถดำรงชีวิต และทำการเกษตร ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน
ระหว่างเยี่ยมชม นายกฯ ได้แวะทักทายกับเด็กนักเรียนและเยาวชน จากโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์เพชราวุธวิทยา ในพระอุปถัมภ์ฯ ที่มาเข้าฝึกอบรมหลักสูตรการปฏิบัติในฐานต่างๆ ของศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 อย่างเป็นกันเอง
>> "หอการค้า" ชี้ เศรษฐกิจชะงัก หวั่นความไม่แน่นอนฉุดเชื่อมั่น เหตุเศรษฐกิจไทยเสี่ยงรอบด้าน
15.55 น. นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ปธ.กรรมการหอการค้าไทยฯ เปิดเผยถึงความเชื่อมั่นใน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นจนหายไป เกิดการหยุดชะงักด้านการเมือง เศรษฐกิจไทย เนื่องจากไม่มีความชัดเจนในด้านใด ประเทศไทยจึงยืนอยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งการเจรจากับอัตราภาษีของสหรัฐ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงในประเทศที่เพิ่มเข้ามาอีก ภาพที่ยังไม่ชัดคือ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร หากรัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการให้นายกฯลาออก คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งชุดจะถูกยุบ ทำให้เกิดปัญหาความชะงักการบริหารบ้านเมือง เพราะการจัดตั้ง ครม.ใหม่ ต้องใช้เวลาหลายเดือน
หากเลือกยุบสภา อย่างน้อยจะยังมีรักษาการนายกรัฐมนตรี และ ครม. ทำให้รัฐบาลรักษาการยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปอย่างต่อเนื่องในช่วงอีก 2-3 เดือนถัดไป "ไม่ขอชี้ทางการเมืองเพราะหอการค้าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ขอให้จบโดยเร็ว และเป็นทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ เพื่อประเทศจะเดินหน้าต่อ"
>> ป.ป.ส.ประสานตำรวจมาเลเซีย จับชาวมาเลย์ ลอบขนเฮโรอีน 121 กก. MDMA 2.6 กก. เร่งขยายผลเครือข่าย
16.09 น. นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด ผู้แทน สำนักงาน ป.ป.ส. แถลงข่าวร่วมกัน ในคดีวันที่ 15 มิถุนายน 2568 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ประสาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย (NCID) จับกุมผู้ต้องหาชาวมาเลเซีย 2 คน พร้อมเฮโรอีน น้ำหนัก 121 กก. (จำนวน 315 แท่ง) MDMA น้ำหนัก 2.6 กก. ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ 2 คัน เหตุเกิดที่ ประเทศมาเลเซีย
ในการนี้ สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ทำการสืบสวนพบว่าชาวมาเลเซียทั้ง 2 คน เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 โดยมีการเดินทางไปยังพื้นที่ กทม. กระทั่งในวันที่ 15 มิถุนายน 2568 พบว่าบุคคลทั้ง 2 เดินทางกลับเข้าพื้นที่ จ.สงขลา เตรียมเดินทางออกไปประเทศมาเลเซีย สำนักปราบปรามยาเสพติด จึงประสานข้อมูลไปยัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย (NCID) เพื่อดำเนินการตรวจสอบบุคคลดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบ พบ เฮโรอีน น้ำหนัก 121 กก. (315 แท่ง) MDMA 2.6 กก. ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ 2 คัน พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวมาเลเซีย 2 คน เหตุเกิดที่ ประเทศมาเลเซีย
การจับกุมในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จจากความร่วมมือที่ดีของการทำงานร่วมกันในระดับนานาชาติ ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ( NCID) ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการข่าวและข้อมูลการสืบสวน จนสามารถนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. จะเร่งสืบสวนขยายผลเครือข่ายและรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในเครือข่ายดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> รวบ "เอ็ม อ้อมใหญ่" หมากตัวสุดท้าย หนีคดีปล้น–ซ้อม-อุ้มรีด
17.04 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB มอบหมายให้ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. เข้าจับกุม นายเก่ง (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้อื่นโดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย , ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งกระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ จับกุมได้ในพื้นที่หมู่ 5 ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2566 กลุ่มผู้ต้องหามีปัญหาเรื่องการทวงเงินค่ารถที่ขายไป แต่ไม่สามารถติดตามเอาเงินได้ และมีการให้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ แต่ตกลงกันไม่ได้ จนถึงขนาดใช้อาวุธปืน ข่มขู่กัน ซึ่งผู้เสียหายได้เข้ามาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่ สภ.นครชัยศรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
กระทั่งตำรวจ กก.5 บก.ปทส.สืบทราบว่า นายเก่ง (นามสมมุติ) หรือฉายา ‘เอ็ม อ้อมใหญ่’ เป็นบุคคลในแก๊งนี้ที่ยังหลงเหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย โดยยังไม่ถูกจับกุม ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่กับภรรยาในพื้นที่ ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม จึงวางแผนเข้าจับกุม ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นครชัยศรี ดำเนินคดี
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าร่วมขบวนการจับตัวผู้เสียหาย ไปเรียกเงินจริง แต่ไม่ได้พกพาอาวุธปืน และถูกนายใหม่ หลอกให้ไปในที่เกิดเหตุ โดยไม่ทราบว่าจะมีการข่มขู่เรียกเงินผู้เสียหาย
>> ผู้ว่าฯ สมุทรสาครพร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ติดตามการระบายน้ำ หลังเย็นวันนี้ ถนนพระราม 2 ฝนตกหนัก
18.30 น. นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย ฝ่ายป้องกันและปฏิบัติการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร แขวงทางหลวงสมุทรสาคร องค์การบริหารส่วนตำบลบางกระเจ้า เทศบาลตำบลท่าจีน และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมลงพื้นที่ติดตามการระบายน้ำ และเฝ้าระวังน้ำท่วมขัง เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนพระราม 2 บริเวณหน้าบริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และคลองกอไผ่ (ช่วง กม. 32+423) ขาออก ทั้งเส้นทางคู่ขนาน พื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลบางกระเจ้า อำเภอเมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็น 1 ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมของจังหวัดสมุทรสาคร
โดยขณะลงพื้นที่ยังคงพบปัญหาน้ำท่วมขังเล็กน้อย เนื่องจากฝนกำลังตกอยู่ รถยังสามารถสัญจรได้ แขวงทางหลวงสมุทรสาครได้มีการเดินเครื่องสูบน้ำ ขนาด 8 นิ้ว เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำท่วมขังบริเวณดังกล่าวจากถนนพระราม 2 ไปยังคลองกอไผ่ ซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพในการระบายน้ำได้ดี น้ำในคลองกอไผ่สามารถระบายน้ำไหลลงคลองสุนัขหอนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
>> ผบ.ทหารสูงสุด ย้ำ กองทัพปฏิบัติหน้าที่ตาม รธน. ปกป้องอธิปไตย-ดูแลประชาชน ปมภัยคุกคามกัมพูชา
18.46 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนผ่านทางโทรศัพท์ เรื่องการเข้าพบนายกรัฐมนตรี ว่า ทางกองทัพยืนยันปฎิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ในการปกป้องอธิปไตย และคุ้มครองพี่น้องประชาชน ตนบอกแล้วว่าทุกเรื่องต่างๆ ขอให้รัฐบาลเป็นผู้พูด และกองทัพก็ยืนยันทำตามหน้าที่ตรงนั้น ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากการที่มาพูดคุยกันในเรื่องภัยคุกคามของกัมพูชา ซึ่งเรื่องต่างๆ นั้นก็เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวไปแล้ว เหมือนกับพูดกันในที่ประชุม
“ตนเองมองว่าการพูดคุยเป็นเหมือนการช่วยกันทำงานของทุกฝ่าย” พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าว
>> พบร่างชายนิรนาม ถูกล็อกด้วยกุญแจมือทั้งสองข้าง หมกคูน้ำสวนปาล์ม สภาพเน่าเปื่อย คาดเสียชีวิตไม่น้ำกว่า 2 สัปดาห์
19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะเมา รับแจ้งว่า พบร่างผู้เสียชีวิตบริเวณคูน้ำ ริมถนนในสวนปาล์ม พื้นที่ ม.7 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมแพทย์นิติเวชฯ รพ.มหาราช
ที่เกิดเหตุ พบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นผู้ชายนิรนาม ไม่พบเอกสารติดตัว สภาพศพเน่าเปื่อย สวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงชั้นในสีฟ้า ที่ข้อมือถูกล๊อกด้วยกุญแจมือ ทีมแพทย์ลงความเห็นคาดว่าจะเสียชีวิตมาแล้วอย่างน้อย 2 สัปดาห์
เจ้าหน้าที่สอบถาม นายอรุณฯ อายุ 53 ปี เป็นชาวบ้านในพื้นที่ เป็นคนพบศพคนแรก เล่าว่า ตนได้มาวางไซดักปลา หันไปเห็นร่างคล้ายศพมนุษย์อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยมีใบตาลปิดอยู่ จึงได้แจ้งเพื่อนบ้านให้ช่วยมาตรวจสอบ พบว่าเป็นศพของมนุษย์จริงๆ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบดังกล่าว
เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการตาย และไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร เนื่องจากสภาพศพเน่าเปื่อย ทางเจ้าหน้าที่มอบให้อาสาสมัครนำร่างส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลมหาราช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ในส่วนของพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเร่งคลี่คลายคดีต่อไป
>> คุณลุงขับกระบะเสียหลักลงข้างทาง เสียชีวิตภายในรถ ญาติคาดว่าอาการโรคกำเริบก่อนเกิดอุบัติเหตุ จ.ลำปาง
19.30 น. ศูนย์วิทยุ 191 จ.ลำปาง ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์กระบะ จุดเกิดเหตุบริเวณถนนคันคลองชลประทาน เส้นทางบ้านหนองหัวหงอกด้านหลังมหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง
ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร ร่วมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลลำปาง และสมาคมกู้ภัยอัมรินทร์ ร่วมตรวจสอบพร้อมกับทางญาติผู้เสียชีวิต พบผู้เสียชีวิต เป็นผู้ชาย อายุ 63 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ในรถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ สีเลือดหมู
สอบถามจากญาติผู้เสียชีวิตได้ให้ข้อมูลว่า ผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว สันนิษฐานว่าระหว่างขับรถมาถึงจุดดังกล่าวอาการน่าจะกำเริบทำให้รถเกิดเสียหลักพุ่งเข้าป่าข้างทาง โดยทางครอบครัวแจ้งว่าได้โทรศัพท์หาผู้เสียชีวิตแล้วไม่รับสาย จึงได้พากันออกตามหา จนพบรถยนต์กระบะจอดอยู่ในป่าข้างถนนและพบว่าได้เสียชีวิตอยู่ภายในรถคันดังกล่าว
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวร ได้ทำการชันสูตรเบื้องต้นในจุดเกิดเหตุ ทางญาติไม่ติดใจสาเหตุของการเสียชีวิตเนื่องด้วยผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว จึงได้มอบให้สมาคมกู้ภัยอัมรินทร์เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตมอบให้ทางญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
>> กู้ภัยฯ งมร่างหนุ่มน้อยวัย 15 ปี ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน หลังจมน้ำเสียชีวิตในบ่อน้ำขุด
20.06 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รับแจ้งเหตุมีบุคคลสูญหายภายในน้ำ เหตุเกิดที่บ่อน้ำขุด ใกล้เคียงสนามบินเล็กหนองปรือ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ เป็นบ่อน้ำขุดขนาดใหญ่ ความลึกประมาณ 3 เมตร โดยกลุ่มเพื่อนของผู้สูญหายให้ข้อมูลว่า ลงไปเล่นน้ำกันตั้งแต่เมื่อช่วง 5 โมงเย็นที่ผ่านมา โดยน้องผู้สูญหายเป็นผู้ชาย อายุ 15 ปี ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน เกิดอาการคล้ายตะคริว ตะเกียกตะกาย ดำผุดดำว่ายอยู่กลางบ่อ ทุกคนอยู่ไกลพยายามว่ายเข้าไปช่วย แต่ก็ไม่ทันน้องวัย 15 ปีได้จมน้ำไปต่อหน้าต่อตา ทุกคนพยายามดำลงไปช่วย แต่ก็หาไม่เจอ พร้อมกับให้คนที่อยู่บนฝั่งนั้นช่วยรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ
ภายหลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการทางน้ำมาถึง ได้วางแผนการช่วยเหลือ โดยนำกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยลงค้นหาร่างหนุ่มน้อยวัย 15 ปี โดยจุดธูปขอขมา ก่อนลงค้นหาใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็สามารถค้นหาร่าง ผู้สูญหายจนเจอ ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำลึกประมาณ 2 เมตร นอนคว่ำหน้าอยู่กับโคลนตม เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายร่างขึ้นมาบนบก พร้อมกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากที่เกิดเหตุ ตรวจสอบสภาพร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
เบื้องต้น ร.ต.อ.สุรชัย ช่วยคูน รอง สวป.สภ.หนองปรือ ได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน พร้อมสอบปากคำกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต เก็บรักษาที่โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ เพื่อรอให้ญาตินำเอกสารมาติดต่อรับศพไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป
นอกจากนี้ ข่าวยังรายงานอีกว่า มารดาของหนุ่มน้อยวัย 15 ปี อยู่ที่ต่างประเทศ ได้วิดีโอคอล ผ่านมือถือของกลุ่มเพื่อนเพื่อดูร่างไร้วิญญาณของลูกรัก ถึงกับร้องไห้โฮด้วยความเศร้าโศกเสียใจ สร้างหดหู่ใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
>> เพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ ใกล้เคียงซอยรามคำแหง 84 เสียหายวอดทั้งคัน
22.48 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ถนนรามคำแหง ใกล้เคียงซอยรามคำแหง 84 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นเพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สกูปปี้ ไอ สีขาว หมายเลขทะเบียน เพชรบูรณ์ รถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหัวหมาก
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
00.23 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.0 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 99 กม. ไม่มีรายงานผลต่อประเทศไทย
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ