ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม นายอนุ ในความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” จับกุม บริเวณทางเท้า ถนนสุขุมวิท ตำบลศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

สืบเนื่องจาก ขณะที่ผู้เสียหายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนน นครหลวง-ท่าเรือ (สายใน) จ.พระนครศรีอยุธยา นายอนุ  ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งมาประกบผู้เสียหาย โดยได้ทำท่าทีสอบถามเส้นทาง เมื่อสบโอกาสขณะที่ผู้เสียหายไม่ทันระวังตัว นายอนุชาฯ จึงได้กระชากสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท ของผู้เสียหายและได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูลจากสายลับไม่ประสงค์ออกนามให้ข้อมูลว่า นายอนุ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะปรากฏตัวบริเวณสถานที่จับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้วางแผนและนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบบริเวณดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบชายลักษณะคล้ายผู้ถูกจับ จึงได้แสดงตัวและแสดงบัตรว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ดูจนเป็นที่พอใจ จากการสอบถามนายอนุ รับว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวส่ง สภ.ท่าช้าง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง พบว่า นายอนุ มีประวัติอาชญากรรมอย่างโชกโชน ทั้งคดีเกี่ยวกับยาเสพติด, บุกรุก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีวิ่งราวทรัพย์ โดยก่อนที่จะลงมือก่อเหตุในคดีนี้ เคยลงมือก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง กว่า 3 คดี โดยถูกตัดสินจำคุกประมาณ 6 ปี หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ ก็ได้มาลงมือก่อเหตุอีกครั้งในพื้นที่ ต.ท่าช้าง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมได้ในที่สุด