หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2568

วันที่ 17 มิถุนายน 2568 เวลา 05:37 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2568


>> รถกระบะชนกันกลางถนนเพชรเกษม มีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย

07.00 น. รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถกระบะชนกัน มีทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต บนถนนเพชรเกษม ในพื้นที่ ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีเทา ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนกับรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. ตรวจสอพบว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย เป็นผู้ชาย และมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ทางอาสาสมัครให้การช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลนครชัยศรี และได้รับแจ้งว่า ผู้บาดเจ็บชาย 1 รายที่มีอาการสาหัสได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี


>> คนร้ายลอบวางระเบิด อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จนท.ทหารพราน เจ็บสาหัส 1 นาย

08.05 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพราน นาวิกโยธิน กองทัพเรือ เหตุเกิด บริเวณ บ.อีโย๊ะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ สาหัส จำนวน 1 นาย ทราบชื่อ คือ อาสาทหารพราน พันธกาน อินทะเขื่อน กำลังส่งตัว จากโรงพยาบาลบาเจาะ ไปรักษาตัวยัง โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์


>> รัฐเดินหน้า จัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจนอมินี พบดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายแล้ว 5 หมื่นกว่าคดี

08.45 น. นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ภายใต้ข้อสั่งการของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐบาล โดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้บูรณาการความร่วมมือกระทรวงมหาดไทย จัดตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ระดับจังหวัด

โดยมีเป้าหมาย เพื่อตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน จับกุม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี ซึ่งขณะนี้มีนิติบุคคลเป้าหมายเป็นจำนวนถึง 46,918 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

ทั้งนี้ จากผลการทำงานตั้งแต่เดือน ก.ย. 67 ถึง พ.ค. 68 หน่วยงานภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ได้ดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายกว่า 57,739 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,287 ล้านบาท และเก็บภาษีนำเข้าสินค้าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ถึง 1,875 ล้านบาท และมีการใช้มาตรการ Notice and Takedown ลบสินค้าผิดกฎหมายจากออนไลน์กว่า 14,976 รายการ และดำเนินคดีกับธุรกิจนอมินี 861 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 15,296 ล้านบาท

นายอนุกูลกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มาตรการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายถูกขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง พร้อมรับมือกับสถานการณ์การไหลทะลักของสินค้านำเข้าจากมาตรการภาษีของต่างประเทศ


>> รถปูนทิ้งเศษปูนเหลือกองใหญ่ข้างถนน รถจักรยานยนต์ขับมาชน เสียหลักพลิกคว่ำ ได้รับบาดเจ็บ

09.00 น.ได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการกู้ชีพจังหวัดสมุทรปราการว่า มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ชนกับกองปูนที่รถโม่ปูนนำมาทิ้งไว้ มีผู้บาดเจ็บ

อุบัติเหตุเกิดที่ถนนบางนาตราด ขาออก กม.ที่ 14 ช่องทางคู่ขนาน ก่อนถึงหมู่บ้านธนาซิตี้ อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิปอเต็กตึ้งจุดสุวรรณภูมินำกำลังตรวจสอบที่หมาย ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บเป็นเด็กนักเรียนชาย 1 ราย มีแผลถลอกที่ใบหน้าข้างซ้ายทั้งแถบและมีแผลถลอกที่บริเวณไหล่ข้างซ้าย จึงให้การช่วยเหลือที่เกิดเหตุและนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์สุวรรณภูมิ พื้นที่ สภ.บางแก้ว


>> ผู้ว่าฯ อุดรธานี ติดตาม-เยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัย กรณีไฟไหม้ร้านอาหาร ถนนหมากแข้ง

10.00 น. นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยเหตุเพลิงไหม้ร้านอาหาร บริเวณถนนหมากแข้ง ใกล้กับ สำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี

โดย เหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 19.50 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านอาหาร บริเวณถนนหมากแข้ง ใกล้กับ สำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี จากการเข้าตรวจสอบ พบว่าที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นอาคาร 2 ชั้น ไฟไหม้จากชั้นล่าง ลามขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ของอาคาร เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เป็นพนักงานของทางร้านอาหาร ชาย 1 ราย อายุ 58 ปี ได้รับบาดเจ็บแขนซ้ายหัก และ ชาย 1 ราย อายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บจากสังกะสีบาดที่ขาซ้าย เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน นำส่งโรงพยาบาลทันที และได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ดับเพลิง อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย สำรวจโครงสร้างภายในอาคารร้านอาหารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ สำหรับความเสียหายและสาเหตุของเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป


>> พบศพปริศนา ลอยติดท่าน้ำวัดไทร คาดเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 2 วัน

11.30 น. สน.บางขุนเทียน ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ลอยมาติดอยู่บริเวณท่าน้ำวัดไทร ซอย เอกชัย 23 ถนน เอกชัย เเขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม.

ที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณภายในคลองสนามชัย พบศพอยู่ตรงบริเวณท่าน้ำวัดไทร จากการตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย มีพลเมืองดีผูกเอาไว้กับราวสะพานท่าน้ำเอาไว้ก่อนแล้ว ร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในลักษณะลอยน้ำคว่ำหน้า เป็นชาย อายุประมาณ 65 -70 ปี ผิวดำแดง สูงประมาณ 155 - 160 ซม. รูปร่างสันทัด ผมสั้นหงอกขาวทั้งหัว การแต่งกายสวมใส่เสื้อแขนสั้นสีขาวลายใบไม้สีดำ สวมกางเกงขาสั้นสีเทา ไม่สวมรองเท้า จากนั้นอาสาสมัครช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากน้ำเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์นิติเวชตรวจสอบ

เบื้องต้น จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารระบุตัวตน พบเพียงเงินสดติดตัวเพียงแค่ 10 บาท เท่านั้น และไม่พบร่องรอยบาดแผลใดๆ คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมง ผิวหนังชั้นนอกเริ่มหลุดลุ่ย และมีกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งอย่างรุนแรง จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์นิติเวช ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบที่นิติเวช รพ.ศิริราช อีกครั้ง ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามหาญาติของผู้เสียชีวิตเพื่อมาสอบถามถึงสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป


>> ศาลเลื่อนไต่สวนคดี ฟิล์ม รัฐภูมิ ฟ้องหมิ่น ดีเจแมน เหตุทนายทั้งสองฝ่าย อยากให้ไกล่เกลี่ยกันก่อน

12.26 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังศาลอาญา หลังศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม นักร้องนักแสดงชื่อดัง เป็นโจทก์ ฟ้อง นายพัฒนพล กุญชร หรือดีเจแมน เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ในกรณีกล่าวหาว่า นายรัฐภูมิ เรียกเงิน 14 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือคดี Forex – 3D

โดยวันนี้ศาลมีคำสั่งเลื่อนการไต่สวนออกไปเป็นวันที่ 8 ก.ค. 2568 เนื่องจากทนายของฝ่ายจำเลย และทนายของฝ่ายโจทก์ต้องการให้ทั้งคู่มาไกล่เกลี่ยกันก่อน โดยศาลได้นัดวันไกล่เกลี่ยระหว่าง นายรัฐภูมิ และนายพัฒนพล เป็นวันที่ 2 ก.ค.2568 เวลา 09.00 น. 
ต่อมานายเตชะสิทธิ์ ทนายความส่วนตัวของนายรัฐภูมิให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้ไม่มีการไต่สวนมูลฟ้อง เพราะทางตนและทนายของนายพัฒนพลมีความเห็นตรงกันว่า อยากให้ทั้งคู่เข้ามาพูดคุยกันก่อน โดยจะเป็นการไกล่เกลี่ยกันก่อนในวันที่ 2 ก.ค. หลังจากนั้นจึงจะเป็นการไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 8 ก.ค.

นายเตชะสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากตัวของนายพัฒนพลโดยตรง แต่มาจากคนกลาง ทั้งตนและทนายฝ่ายจำเลยจึงมองว่า การเข้ามาไกล่เกลี่ยกันก่อนน่าจะเป็นทางออกที่ดีของเรื่องนี้มากกว่า และตนมองว่าต่อไปปัญหาเรื่องนี้น่าจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าไม่มีการไปพาดพิงเกิดขึ้นอีก ให้มองว่า ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างใช้สิทธิ์จะดีกว่า


>> นายกฯ ย้ำ รัฐบาล – กองทัพไทย มีจุดยืนร่วมกันปกป้องอธิปไตย แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาด้วยสันติวิธี

12.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมฝ่ายความมั่นคงกลุ่มเล็ก ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ที่เพิ่งเสร็จสิ้น มีความก้าวหน้าในการสร้างความเข้าใจระหว่างสองประเทศ และยืนยันว่าการหารือจะดำเนินต่อไปภายใต้กรอบ JBC และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC พร้อมเตรียมจัดตั้ง “คณะทำงานเฉพาะกิจ” ทีมประเทศไทย โดยมอบหมายให้ รมช.กลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามและประสานงานด้านข่าวสารและความมั่นคงอย่างใกล้ชิด

ไทยยืนยันไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก รวมถึงการดำเนินการใดที่อยู่นอกกรอบทวิภาคีที่ได้ตกลงกันไว้ โดยรัฐบาลได้เตรียมทีมกฎหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างรอบด้าน พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้ปิดด่านชายแดน แต่ปรับเวลาเปิด–ปิดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้านความมั่นคง และได้แจ้งฝ่ายกัมพูชาเพื่อหารือในระดับกองทัพ เพื่อให้การบริหารจัดการชายแดนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและลดผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองฝ่าย

ทุกประเทศเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกัน ต้องคุยกันในกรอบทวิภาคี เพื่อให้เป็นไปตามกลไกระหว่างประเทศ สิ่งที่สื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ที่อยู่นอกกรอบความตกลงระหว่างประเทศ ทำให้เกิดผลลบต่อทั้งสองประเทศ พร้อมย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ชายแดน ทั้งด้านเศรษฐกิจและความสงบเรียบร้อยของชุมชน

นายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลและกองทัพไทยมีจุดยืนร่วมกันในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการเผชิญหน้าทางทหาร ขอให้ประชาชนมั่นใจในความแข็งแกร่งของประเทศไทยในฐานะรัฐเอกราชที่มีศักดิ์ศรี และขอให้ทุกฝ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลและกองทัพเพื่อรักษาสันติภาพและผลประโยชน์ของชาติอย่างยั่งยืน


>> รมว.แรงงานแถลงฯ แรงงานไทยในอิสราเอล-อิหร่าน ปลอดภัยดี มีการติดตามใกล้ชิดพร้อมอพยพฉุกเฉิน

14.17 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วม นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน กระทรวงแรงงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการดูแลให้แรงงานไทยที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยครบทุกคน 100%

นายพิพัฒน์ ยืนยันว่า แรงงานไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่านยังปลอดภัยดี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ขณะนี้กระทรวงแรงงานสามารถติดต่อกับแรงงานทุกคนได้ครบถ้วนเรียบร้อย และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันทีหากมีความจำเป็น

สำหรับสถานการณ์แรงงานไทยในอิสราเอล ข้อมูลล่าสุดพบว่ามีแรงงานไทยรวม 39,500 คน แบ่งเป็นแรงงานถูกกฎหมายประมาณ 33,000 คน และแรงงานผิดกฎหมายอีกประมาณ 6,500 คน โดยประกอบอาชีพหลักในภาคเกษตร 29,300 คน ก่อสร้าง 2,500 คน และภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีก 1,200 คน ขณะเดียวกัน และได้ชะลอการจัดส่งแรงงาน เข้าไปทำงานเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้วและส่วนในประเทศอิหร่าน มีคนไทยพำนักถาวรและชั่วคราวรวมประมาณ 250–300 คน โดยมีแรงงานไทยในระบบอยู่ราว 39 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเตหะรานและเมืองอิสฟาฮาน ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานแรงงานไทยได้รับผลกระทบหรืออยู่ในจุดอันตราย


>> น้องพึ่งพ้นคุก มาขอเงินพี่ชายได้น้อยไม่พอใจ ถือมีดพร้าบุกเข้ามาในบ้านเลย ถูกยิงสวนดับ

14.30 น. ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 สภ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต ที่บ้านหนองหนาว อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร พนักงานสอบสวนเวรพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงภายในบ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 4 นัด ส่วนผู้ก่อเหตุคือ พี่ชายของผู้ตาย ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมอาวุธปืน

จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุให้การว่า น้องชายเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำมาได้เพียง 2 วัน ได้เข้ามาขอเงินภายในบ้านซึ่งตนก็ให้ไปแล้ว แต่ผู้ตายยังไม่พอใจ กลับออกไปแล้วถือมีดพร้าบุกเข้ามาอีกครั้ง ด้วยความตกใจจึงใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนายนิกร พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนของกลางไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป


>> สืบภาค 8 ร่วมกับ ตร.ทท.ภูเก็ต จับชายชาวเมียนมา พร้อมอาวุธปืน ตรวจพบอยู่เกินในราชอาณาจักรกว่า 4 พันวัน

15.30 น. ร.ต.ต.อภิรัตน์ ญาณรัตน์ รองสารวัตร (สืบสวน) กองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 ร่วมกับ ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต จับกุมตัว ผู้ชาย อายุ 60 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 4 นัดซองพกหนังสีดำ จำนวน 1 ซอง กระเป๋าสะพายข้างสีครีม จำนวน 1 ใบ สามารถจับกุม ขนำ ไม่มีเลขที่ ม.4 ต.ตะกั่วทุ่ง อ.หล่อยูง จ.พังงา

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์” และ “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” (พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522) รวมทั้งหมด ( 4399 วัน) นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.โคกกลอย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> รวบสาวแสบหลอกจำนำรถผ่านเฟซบุ๊ก สูญทั้งรถทั้งเงินกว่า 1.1 ล้าน

16.31 น. ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองปราบปราม จับกุม หญิงไทย อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หลังหลอกเหยื่อผ่านเฟซบุ๊กอ้างรับจำนำรถยนต์ใน จ.ภูเก็ต

ผู้เสียหายหลงเชื่อ นำรถไปส่งตามนัดหมาย ก่อนถูกหักค่าดำเนินการ ได้เงินเพียง 41,000 บาท จากยอดจำนำ 50,000 บาท และยังต้องโอนเงินค่าดอกเบี้ยและค่าปรับรวมกว่า 33,000 บาท โดยไม่สามารถไถ่ถอนรถคืนได้ สูญทรัพย์รวมกว่า 1.1 ล้านบาท 
หลังสืบสวนพบผู้ต้องหาหลบหนีไปยัง จ.ตรัง เจ้าหน้าที่ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม จึงวางแผนจับกุมตัวได้บริเวณหน้าบ้านในพื้นที่ อ.ห้วยยอด ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา


>> ในหลวง พระราชินี ทรงรับทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากสมเด็จพระสังฆราช

18.04 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พร้อมด้วยคณะ เฝ้าฯ และเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายเหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เนื้อทองคำ และเนื้อเงิน แด่ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี กับถวายเหรียญเนื้อทองแดง สำหรับพระราชทาน ตามพระราชอัธยาศัยและพระราชทานให้แก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พุทธศาสนิกชน และประชาชน

เหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้คณะสงฆ์ จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีมังคลาภิเษกเหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 1มิถุนายน 2568 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง

โดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ดำเนินการออกแบบและจัดสร้างเหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงพระดำริ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และเป็นที่ระลึกแห่งมงคลสมัย กับเพื่อเฉลิมพระบารมี


>> คนคลั่ง จุดไฟเผาบ้าน เสียหายวอดหมดทั้งหลัง จ.กาฬสินธุ์

18.30 น. หน่วยกู้ภัยอโสกสมเด็จ รับแจ้งจากชาวบ้าน ชุมชนหมู่ที่5 ให้ช่วยประสานรถดับเพลิงแจ้งว่ามี เหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ หมู่ที่5 บ้านสี่แยก ตำบลสมเด็จ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ หน่วยกู้ภัยอโสกสมเด็จจึงได้จัดรถพยาบาลคันที่6 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครสนับสนุนที่เกิดเหตุ

โดยที่เกิดเหตุ พบลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว เพลิงกำลังลุกไหม้รุนแรง เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยรถดับเพลิง ระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมและเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา ขณะเกิดเหตุไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เบื้องต้นทราบว่า มีผู้ก่อเหตุจุดไฟเผาบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สมเด็จ ได้ควบคุมตัวเอาไว้แล้ว และนำตัวไปสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป


>> รถจักรยานยนต์ 2 คันชนกันกลางถนน มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กชาย 2 ราย จ.ร้อยเอ็ด

19.26 น. รับแจ้งจากอาสากู้ภัยเมืองอาจสามารถ มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกัน และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนหมายเลข 3036 เส้นทาง บ้านหนองม่วงส้ม - บ้านขี้เหล็ก ในพื้นที่ ต.โหรา อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ ป้ายทะเบียน ร้อยเอ็ด ชนกับรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบรายละเอียด สภาพรถพังเสียหายทั้งคัน ใกล้กันพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเด็กชาย และมีผู้บาดเจ็บ เป็นเด็กชายอีก 1 ราย อาการสาหัส ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลอาจสามารถ และรับแจ้งว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อาจสามารถ


>> รถจักรยานยนต์ชนกัน กลางถนนนราธิวาสฯ บาดเจ็บ 1 และเสียชีวิต 1 ราย

21.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บนถนนนราธิวาสฯ ใกล้เคียงทางเข้าห้างแม็คโคร แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร จ.กรุงเทพฯ

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. สภาพหน้ารถพังยับเยิน ส่วนเจ้าของรถนอนเสียชีวิตบริเวณข้างรถ ตรวจสอบเป็น ผู้ชายไทย อายุ 29 ปี และใกล้กัน พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน กทม.ป้ายเหลือง โดยมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทางอาสามูลนิธิปอเต็กตึ้ง ช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลเลิดสิน

ด้านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจได้ส่งมอบผู้เสียชีวิตให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิปอเต็กตึ้งนำส่งโรงพยาบาลและติดต่อตามญาติผู้เสียชีวิตเพื่อมารับไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวน


>> ไฟไหม้ห้องนอนบนอาคารพาณิชย์ ริมถนนประชาชื่น รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ เสียหายเกือบทั้งห้อง

23.55 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยประชาชื่น 12 ถนนประชาชื่น แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ประกอบกิจการนำเข้าและจำหน่ายวัสดุเคมีภัณฑ์ ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 2 ภายในห้องนอน เพลิงลุกไหม้เสียหายที่นอนลุกลามตู้เสื้อผ้าและฝาผนัง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 8 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่ทราบสาเหตุ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางโพ

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ