เจ้าหน้าที่ บก.ปส.3 ร่วมกับตร.เชียงราย สกัดจับ 2 หนุ่มสุราษฎร์ธานี ลักลอบขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด

เมื่อช่วงคืนของวันที่ 14 มิ.ย. 2568 เวลาประมาณ 21.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปส.เชียงราย (กก.2 บก.ปส.3) นำโดย พ.ต.ท.วีรศักดิ์ รัตนประยูร สว.กก.2 บก.ปส.3 ร่วมกันจับผู้ต้องหา 2 คน เป็นชาว จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมของกลาง 3 รายการ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) จำนวน 2,500 มัด นับรวมได้ประมาณ 5,000,000 เม็ด  รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน เชียงราย (บรรทุกยาเสพติด) โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง โดยทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”

ซึ่งพฤติการณ์ในการจับกุม 2 ผู้หาขบวนการค้ายาเสพติด ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปส.เชียงราย กก.2 บก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มาส่งให้กลุ่มลูกค้าในพื้นที่ ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ต่อมา วันที่ 14 มิ.ย. 2568 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พบความเคลื่อนไหวกลุ่มบุคคลในเครือข่ายโดยใช้รถยนต์หลายคัน เดินทางจากพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยใช้เส้นทาง บ้านแม่สลัก – อ.แม่สรวย – อ.แม่ลาว – อ.เมืองเชียงราย จึงได้วางกำลังเพื่อสังเกตการณ์ ต่อมา เวลาประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียนเชียงราย ได้แล่นแยกออกจากกลุ่มต้องสงสัย มุ่งหน้าเข้า อ.เมืองเชียงราย จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าเป็นรถยนต์เช่าจากร้านรถเช่าหน้าสนามบินเชียงราย โดยรถเก๋งคันดังกล่าว ลักษณะบรรทุกสิ่งของมีน้ำหนักมาก เวลา 21.50 น. ชุดสืบสวนจึงได้แสดงตัวสกัดรถยนต์เก๋งเพื่อตรวจสอบได้ที่บริเวณใกล้แยกไฟแดงสวนดอก ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พบ 1 ในผู้ต้องหา เป็นผู้ขับขี่ และผู้ต้องหาอีกคน เป็นผู้โดยสาร และได้ทำการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) จำนวน 25 กระสอบ หรือประมาณ 5,000,000 เม็ด อยู่ภายในที่นั่งห้องโดยสารหลังเบาะคนขับ จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมทั้งได้แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาแก่ทั้ง 2 คน จากนั้นตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมด มายัง นปส.เชียงราย เพื่อทำบันทึกจับกุม ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดีพร้อมขยายผลหาเครือข่ายตามกฎหมายต่อไป