วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 05:34 น.
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 12 มิถุนายน 2568
>> ระทึกแต่เช้า ชายวัย 53 ปี ถือเลื่อยยนต์ บุกเข้าทำเนียบ อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม
08.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ได้มีผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อกั๊กสะท้อนแสงสีส้ม กางเกงยีนส์ขายาว ขณะที่มือทั้งสองได้ถือเลื่อยยนต์ ซึ่งได้ติดเครื่องไว้ตลอด บุกเข้ามาและพยายามจะเข้าไปบริเวณภายในทำเนียบฯ สร้างความแตกตื่นทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้าราชการ และ บุคคลที่เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ ในทำเนียบฯ ที่กำลังเดินอยู่ในบริเวณดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำเอาแผงเหล็กกั้นปิดทางเข้าและพยายามเกลี้ยกล่อม ให้ใจเย็นๆ ก่อนที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ และเจรจาจนชายคนดังกล่าวสงบสติอารมณ์ลงได้ ก่อนพาตัวข้ามไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบฯ
ทั้งนี้ ได้ข้อมูลว่า บุคคลดังกล่าว เป็นชายไทย อายุ 53 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดน่าน เคยมาร้องเรียนและพยายามจะเข้าไปพบผู้ใหญ่ในทำเนียบฯ หลายครั้งแล้ว เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องค่าจ้างงานจากการก่อสร้างโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง
นอกจากนี้ พบว่า ชายคนดังกล่าว ยังเคยมาร้องเรียนเรื่องต่างๆ อีกหลายครั้ง และยังเคยปีนต้นไม้ข้างรั้วทำเนียบฯ ฝั่งถนนราชดำเนินขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกกองรักษาการณ์ตำรวจ ทำเนียบฯ เพื่อชูป้ายร้องเรียนความเดือดร้อนมาแล้ว จนเจ้าหน้าที่ต้องเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ลงมาจากดาดฟ้าอาคาร ในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี อีกด้วย
>> รวบสาวรับจ้างถอนเงิน 9 แสนบาท หลังมิจฉาชีพสวมรอยเป็นหลานผู้เสียหายทักเฟซบุ๊กลวงให้โอนเงิน
10.24 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกันจับกุม น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”โดยจับกุมได้ ริมถนนหน้าบ้านในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ธนาคารว่า มีผู้มาถอนเงินสดที่สาขาในเขตเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จำนวน 900,000 บาท ในลักษณะมีพิรุธต้องสงสัย เนื่องจากมีคนมาคุมเวลาถอนเงินและรับเงินที่ถอนไป เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนพิสูจน์ทราบ พบว่าในจำนวนนั้น เป็นเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยเป็นกรณีที่คนร้ายได้แฮกเฟซบุ๊กของหลานผู้เสียหาย ก่อนจะทักหาผู้เสียหายเพื่อยืมเงิน จำนวน 50,000 บาท อ้างนำไปซื้อโทรศัพท์ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ จากนั้นเมื่อโทรไปสอบถามหลาน กลับพบว่าหลานไม่ได้ติดต่อขอยืมเงิน ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าโดนหลอก จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอหมายจับผู้ต้องหา และตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ในเมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่า ได้มีเพื่อนที่พัทยามาติดต่อ ขอใช้บัญชีธนาคาร ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าตนเองร้อนเงิน จึงได้ขายบัญชีธนาคารให้เพื่อนคนดังกล่าวไปจำนวน 2 บัญชี ในวันเกิดเหตุ ได้มีกลุ่มคนจำนวน 3-4 คน พาไปเพื่อถอนเงินสดที่ธนาคาร จำนวน 900,000 บาท จากนั้นตนเองก็ได้ส่งมอบต่อให้กับกลุ่มคนร้ายทันที โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 7,500 บาท โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ ต่อไป
>> CIB ค้น 3 จุด ทลายครีมปลอม กว่า 2,300 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 1.9 ล้านบาท
10.44 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และตัวแทนผู้ปกป้องสิทธิทรัพย์สิน ทางปัญญาของแบรนด์สินค้า ร่วมกันตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง 3 จุด เป็นอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ซอยเพชรเกษม 81 และบ้านแห่งหนึ่ง ถนนมาเจริญ เขตเขตหนองแขม กรุงเทพ และร่วมกันจับกุม นายสุ (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี แจ้งข้อหา “มีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าที่ปลอมและเลียน เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร” ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 พร้อมตรวจยึดของกลาง รวม 2,327 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 1,972,084 บาท โดยมีของกลางเป็น ครีมกันแดด คลีนเซอร์ทำความสะอาดผิว และน้ำมันถนอมผิว แบรนด์ต่างๆ
จากการตรวจสอบเป็นสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้า จึงได้ร่วมกันตรวจยึดสินค้าดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นร่วมกับตัวแทนผลิตภัณฑ์ พบว่าของกลางที่ตรวจพบมีการปลอมผลิตภัณฑ์ และกล่องแพ็กเกจมาจากโรงงานต้นทาง จากนั้นจะส่งมายังสถานที่ตรวจค้นทั้ง 3 จุด ในครั้งนี้ พร้อมกับจับกุมบุคคล ที่เป็นเจ้าของสินค้าปลอมดังกล่าว โดยผู้ต้องหาเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองสถานที่ทั้ง 3 จุด ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน และที่ตั้งอยู่ห่างกันไม่มาก นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะได้ทำการขยายผลถึงร้านค้าที่ส่งสินค้าปลอมเหล่านี้จำหน่ายในแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการสืบสวนถึงช่องทางนำเข้า หรือแหล่งผลิตต่อไป
>> "นายสมศักดิ์" ลุยแจงเหตุวีโต้แพทยสภา ท่ามกลางเสียงโห่จากม็อบหน้ากระทรวงสาธารณสุข
11.00น. ที่ อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา เดินทางเข้าชี้แจงเหตุผลการใช้สิทธิวีโต้ มติของแพทยสภาเมื่อ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า แม้เวลาชี้แจงเพียง 15 นาทีจะสั้นเกินไป แต่ตนเตรียมเอกสารเพื่ออธิบายต่อคณะกรรมการแพทยสภาอย่างครบถ้วน โดยยืนยันว่าตัดสินใจมาด้วยตนเอง เพราะต้องการปกป้องวิชาชีพแพทย์ ไม่ให้เกิดความแตกแยกหรือความเกลียดชังในวงการ
ส่วนกรณีหนังสือจากนายกแพทยสภาที่ส่งถึงตนก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เข้าใจในบทบาทและอำนาจของอีกฝ่าย และไม่ถือเป็นการ "ตอกหน้า" แต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่าการประชุมเป็นแบบลับ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแรงกดดันจากกลุ่มมวลชนที่รวมตัวด้านหน้าอาคาร นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่กังวลส่วนตัว แต่เป็นห่วงว่าคณะกรรมการอาจได้รับผลกระทบจากแรงกดดันภายนอกมากกว่า
ทั้งนี้ ขณะนายสมศักดิ์ เดินทางมาถึงอาคารแพทยสภา มีกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนมติของแพทยสภาโห่ร้องแสดงความไม่พอใจอย่างต่อเนื่อง สร้างบรรยากาศกดดันตลอดการเข้าชี้แจงของรัฐมนตรีฯ
>> รถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักพุ่งชนต้นสักใหญ่ข้างทาง ริมถนนสายสันทราย - บ้านวังศิลา พ่อ-ลูกสาวเจ็บ ส่วนแม่ไปเสียชีวิตที่ รพ.
12.15 น. ร.ต.อ.ประพัฒน์ ก๋าคำ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.จุน รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 รายและติดภายในรถ ริมถนนเส้นทาง บ้านสันทราย – บ้านวังศิลา ในพื้นที่ ต.หงส์หิน อ.จุน จ.พะเยา
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีเทา ทะเบียน ลำปาง สภาพด้านหน้าพังยับหลังพุ่งชนต้นสักใหญ่ริมถนน พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ติดอยู่ภายในรถ ทางอาสาสมัครดำเนินการงัดรถเพื่อนำผู้บาดเจ็บออกมา
ตรวจสอบ พบว่า ชาย วัย 47 ปี เป็นคนขับรถเก๋ง มีอาการแน่นหน้าอก, มีเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ศีรษะปูดบวม แผลถลอกทั่วร่าง เจ้าหน้าที่นำตัวผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลจุน
และพบว่า มีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 45 ปี เป็นผู้โดยสารบาดเจ็บสาหัส ติดอยู่ภายในรถ ชีพจรอ่อนหยุดเต้นเจ้าหน้าที่ทำการสตาร์ท CPR พร้อมเครื่อง AED และนำส่งโรงพยาบาลจุน และได้รับแจ้งต่อมาว่าได้เสียชีวิตแล้ว
จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ทั้ง 3 คนเป็นพ่อแม่และลูกสาว ขับรถเดินทางจากบ้านถ้ำ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา เพื่อไปหาญาติที่ จ.เชียงราย โดยใช้เส้นทางดังกล่าว เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุรถเกิดเสียหลักไถลพุ่งชนต้นไม้ สาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง
>> ทอ. แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตของข้าราชการ ระหว่างปฏิบัติภารกิจปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ลำน้ำโขง
12.27 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศได้รับรายงานกรณีการเสียชีวิตของ พันจ่าอากาศเอก สุขเกษม พรหมพันธ์ชัย ซึ่งปฏิบัติภารกิจสนับสนุนการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจที่จัดตั้งโดยศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.)
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 18.00 น. ระหว่างการเข้าตรวจการณ์บริเวณบ้านบุ่งขี้เหล็ก ตำบลนาแวง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบ ถุงสัมภาระต้องสงสัยบนเกาะกลางแม่น้ำโขง จึงจัดกำลังเข้าไปพิสูจน์ทราบโดยใช้เรือเป็นพาหนะ ขณะปฏิบัติหน้าที่เรือเกิดอุบัติเหตุชนโขดหินกลางแม่น้ำจนพลิกคว่ำ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ 1 นาย คือ พันจ่าอากาศเอก สุขเกษม พรหมพันธ์ชัย สูญหายไป หลังจากระดมกำลังค้นหาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้พบร่างของ พันจ่าอากาศเอก สุขเกษม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. บริเวณห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร
พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้แสดงความเสียใจและสั่งการให้เร่งดำเนินการตามระเบียบในการดูแลสิทธิและสวัสดิการ พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต และจะดำเนินการพิธีทางทหารอย่างสมเกียรติ เพื่อเชิดชูความเสียสละ
>> กรมจัดหางาน กวาดล้างแรงงานเถื่อน จับ 13 ชาวจีนไลฟ์สดขายของกลางห้างดังย่านรัชดา
13.00 น. นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน ร่วมกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง และ อย. จับกุมแรงงานจีน 13 ราย ขณะไลฟ์สดขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าย่านรัชดา ทั้งที่ถือเพียงวีซ่าท่องเที่ยว และไม่มีใบอนุญาตทำงาน พร้อมตรวจยึดผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลากภาษาไทยและไม่มีเครื่องหมาย อย. มาดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้กระทำผิดประกอบด้วยนายจ้าง 1 ราย และแรงงานจีน 13 ราย (ชาย 7 คน หญิง 6 คน) ซึ่งถูกแจ้งข้อหาและนำตัวส่งดำเนินคดีแล้ว โดยแรงงานต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเดินทางเข้ามาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว หากทำงานในประเทศไทย ถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษปรับ 5,000–50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศทันที พร้อมถูกห้ามยื่นขอใบอนุญาตทำงานในไทยเป็นเวลา 2 ปี
“ด้านนายจ้าง หากจ้างแรงงานผิดกฎหมาย มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000–100,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำ อาจถูกจำคุก และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าว 3 ปี กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน จะไม่ละเลยต่อการลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของตลาดแรงงานไทย การเข้าทำงานของแรงงานต่างชาติในประเทศไทย ต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้น วีซ่าท่องเที่ยวไม่ได้หมายความว่าอนุญาตให้ทำงาน” นายสมชาย กล่าวปิดท้าย
>> รวบลูกค้าสาวแสบ ใช้สลิปปลอมกว่า 3พันบาท ซื้อทุเรียนร้านของผู้กำกับฯ สภ.คูคต สารภาพรู้เท่าไม่ถึงการณ์
14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณี พ.ต.อ.กานตภณ วรรณา ผกก.สภ.คูคต ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สุชัย แสงส่อง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.คลองหลวง หลังถูกลูกค้าแสบใช้สลิปปลอมซื้อทุเรียนที่ร้านมูลค่ากว่า 3 พันบาท แต่โอนมาแค่ 80 บาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุม นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
จากการสอบถามผู้ต้องหารับสารว่าตนเองทำจริงและกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ชั้นปีที่ 3 ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และทำมาแล้ว 2 ครั้ง ที่สี่มุมเมือง 1 ครั้ง เป็นร้านขายไข่ ตนเองได้ซื้อไข่มา แต่ได้โอนเงินไม่ครบจำนวน จำนวน 12 ครั้ง โดยการปลอมเลขเงินหน้าสลิปโอนเงิน เช่น เมื่อ 1 ต.ค. 67 เวลา 01.45 น. ราคาไข่ 870 บาท แสดงสลิป 870 บาท แต่เงินเข้าบัญชีจริง 20 บาท รวมผู้แจ้งได้รับความเสียหาย จำนวน 7,700 บาท และตนเองใช้วิธีการตัดต่อสลิป เช่น ค่าทุเรียน 3,300 บาท ตนเองก็โอนเงินเข้าไปบัญชีของตนเองอีกบัญชีหนึ่ง จำนวน 3,300 บาท จากนั้นก็โอนเงินค่าทุเรียน 80 บาท และก็ได้ใช้โปรแกรมตัดต่อในโทรศัพท์และเอายอดเงิน 3,300 บาท มาแปะกับบัญชี 80 บาท จากนั้นก็เอาไปให้คนขายดู
ด้าน พ.ต.ท.วีระ สุขชนะ สว.สส.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า ผู้ต้องหายอมรับว่าเขาทำจริง ที่ซื้อทุเรียนราคา 3,300 บาท แต่โอนเงินไปให้กับทางร้านแค่ 80 บาท จากการตรวจสอบประวัติแล้วทางผู้ต้องหาเคยถูกจับที่ สภ.คูคต ก็โอนสลิปค่าสินค้าปลอมเช่นกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.คลองหลวง จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวงเพื่อดำเนินคดีต่อไป
>> นายกฯ เปิดโครงการ พลังสตรีฯ ยืนยันพร้อมสานต่อ - ยกระดับกองทุนให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อสร้างโอกาสผู้หญิงไทยให้เติบโต งอกงาม และไปได้ไกล
14.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “พลังสตรีเพื่อการพัฒนา เสริมสร้างโอกาส สร้างอนาคต” โดยกล่าวแสดงความยินดีที่ได้อยู่ท่ามกลางพลังของผู้หญิง ทั้งผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น คนรุ่นใหม่ พร้อมย้ำว่า “ผู้หญิงไทยมีศักยภาพมหาศาล ถ้าได้รับโอกาส”
นายกฯ ระบุว่า “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” ก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้หญิงมีทุนในการลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยตลอด 13 ปีที่ผ่านมา กองทุนได้เปลี่ยนชีวิตผู้หญิงจำนวนมาก ให้เป็นเจ้าของกิจการ หรือผู้นำชุมชน รัฐบาลจึงมุ่งสานต่อนโยบายนี้ และยกระดับกองทุนให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมลงทุน “ฝึกทักษะแห่งอนาคต” ทั้งการตลาดออนไลน์ การบริหารจัดการธุรกิจยุคใหม่ การสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืน และโดยเฉพาะการใช้ AI รวมถึงจะเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพื่อสานต่อกองทุนให้มีคณะกรรมการรุ่นใหม่ต่อไป
นายกฯ กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมผลักดันให้กองทุนนี้เติบโต กองทุนนี้ไม่ใช่แค่กลไกของรัฐ แต่เป็นพลังของประชาชน ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้จริง ยืนยันว่า รัฐบาลจะขยายความฝันและความหวังในชีวิตของผู้หญิงทุกคนให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้เติบโต งอกงาม และไปได้ไกล ไม่ว่าจะอยู่ในเมือง บนดอย หรือชายแดน
>> "หมอแอร์" นอนคุกคืนแรก ไม่เครียด เผยเตรียมใจเข้าเรือนจำฯ มาแล้ว หลังไม่ยื่นประกันตัว
14.49 น. นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมาทัณฑสถานหญิงกลาง ได้รับตัว พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี หรือ หมอแอร์ ตามหมายขังระหว่างสอบสวน ครั้งที่ 1 ของศาลอาญา
ในฐานความผิดสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกันแล้ว และร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (ฟลูไนตราซีแพรม หรือ Flunitrazepam) ภายหลังกระบวนการรับตัวได้นำตัวกักโรคโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในแดนระหว่างพิจารณาคดี ผลตรวจสุขภาพเบื้องต้นปกติ
โดย หมอแอร์ ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลดี ไม่มีอาการเครียดชัดเจน และมีสีหน้าหน้าตาปกติ เพราะเตรียมใจเข้าเรือนจำฯ มาแล้ว เนื่องจากไม่ยื่นประกันตัว และมีการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อเยี่ยมของญาติและทนายความ
ส่วนอาหารมื้อเย็นที่ทัณฑสถานจัดเลี้ยง เป็นเมนูข้าวสวย แกงเลียงผักรวม ปลาแห้ง ผัดวุ้นเส้นใส่ไข่ ซึ่ง หมอแอร์ ได้แจ้งว่ารับประทานอาหารมาแล้ว จึงไม่ได้รับประทานอาหารที่ทัณฑสถานฯ จัดไว้ ทั้งนี้ สำหรับแผนการปฎิบัติรายบุคคล จะพิจารณาอีกครั้งภายหลังครบการกักตัวตามความเหมาะสม
>> แพทยสภามีมติ 'ยืนยัน' ลงโทษแพทย์ 3 ราย ปมชั้น 14 มีผลบังคับใช้พรุ่งนี้ ยืนยันยึดหลักวิชาการและเหตุผล
15.10 น. ที่อาคารแพทยสภา ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการแพทยสภา แถลงผลการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ซึ่งพิจารณาคดีลงโทษ 3 แพทย์ที่ดูแล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
หลังจากที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ เข้าชี้แจงเพื่อขอให้ทบทวนมติแพทยสภา ว่า กรณีพิจารณาจริยธรรมของแพทย์ กล่าวโทษแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ประพฤติผิดจริยธรรม
โดยการประชุมแพทยสภาวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาขอยับยั้งมติของแพทยสภา จากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีกรรมการแพทยสภาจำนวน 68 คน จากจำนวนที่มีสิทธิลงคะแนน 69 คน พิจารณาแล้วมีมติด้วยคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 ของกรรมการยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาวันที่ 8 พฤษภาคม 2568
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า กระบวนการต่อไปจะออกคำสั่งและบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้ เมื่อแพทยสภารับรองมติแล้ว แสดงว่าสามารถดำเนินการได้เลย
กระบวนการในวันนี้เรารับฟังข้อคิดเห็นอย่างชัดเจน นายสมศักดิ์ มาให้ความเห็นของท่านในการวีโต้ ซึ่งวันนี้กรรมการได้รับเอกสารที่นายสมศักดิ์ ส่งถึงแพทยสภาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาถึงเหตุผลการวีโต้ และนำข้อมูลมาเปรียบเทียบให้ห็นเหตุผล มีบทวิเคราะห์ ทั้งหมดนี้ กรรมการแพทยสภาใช้ดุลยพินิจด้วยตัวเอง วันนี้เป็นกระบวนการโปร่งใส ชัดเจน ทุกคนใช้ดุลยพินิภายใต้หลักวิชาการและเหตุผล
>> ไฟฟ้าลัดวงจรบนอาคาร ภายในสถานศึกษา ย่านบางแวกซอย 3 อาสาสมัครใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ
18.12 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซอยบางแวก 3 ถนนบางแวก แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคาร 6 ชั้น เหตุเกิดที่ชั้น 3 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเป็นไฟฟ้าลัดวงจรที่คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ ลุกลามเครื่องคอมพิวเตอร์ เสียหายจำนวน 2 เครื่อง ไม่ส่งผลกระทบต่อตัวอาคาร อาสาสมัครใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยทำการระบายควัน ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค
>> หนุ่มวัย 16 ปีขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะเข้ากลางลำ เสียชีวิตกลางถนนประเสริฐมนูกิจ
20.45 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนประเสริฐมนูกิจ ใกล้เคียงร้านอาหารร้านช็อคโกแลตวิลล์ ในพื้นที่ เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ โตโยต้า สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. จอดอยู่ในสภาพข้างรถข้างขวา มีการชนเสียหาย ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. ล้มคว่ำ และ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม., รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า จีออโน่ สีขาว - ชมพู ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนเข้ากับรถกระบะด้วยกันทั้งคู่ ใกล้กันพบผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นผู้ชาย 2 ราย ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ใกล้เคียง
และ ตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 16 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บึงกุ่ม
>> สนธิกำลัง จังหวัดนนทบุรี ลุยตรวจตลาดแรงงานต่างด้าวที่ใหญ่สุดย่านบางใหญ่ พบผู้กระทำผิดกฎหมาย ส่งตัวดำเนินคดี
00.30 น. ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ระดมกำลังประมาณ 250 นาย ออกตรวจจับบุคคลต่างด้าว ที่ตลาดย่านบางใหญ่ ในพื้นที่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
พล.ต.อ.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภว.นนทบุรี กล่าวว่า หลังจากได้รับนโยบายจากท่านผู้ว่าราชการ จึงได้มีการกำหนดเป้าหมาย เพื่อปฏิบัติการและการตรวจสอบ จัดกลุ่มแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ ไม่ได้ออกปฏิบัติการที่ตลาดย่านบางใหญ่ที่เดียว แต่มีการปูพรมทั้งจังหวัด โดยแบ่งกำลังตามกลุ่มเสี่ยง ในพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ตลาดบางใหญ่ แคมป์คนงานก่อสร้าง โดยในวันพรุ่งนี้จะสรุปตัวเลขออกมา สำหรับตลาดดังกล่าว จากการตรวจสอบของตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนนทบุรี พบว่ามี แรงงานต่างด้าวทำผิดประมาณ 5% ถือว่าน้อย ซึ่งถือว่าได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดีและหวังว่าในพื้นที่อื่นๆ จะได้รับความร่วมมือเหมือนกัน ในขณะเดียวกัน หน้าที่ในการตรวจสอบและจับกุมก็ยังยังคงดำเนินการต่อเนื่อง
นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการ จว.นนทบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายและทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่าเป็นปัญหา ที่ได้รับผลกระทบ ทางด้านเศรษฐกิจสังคม ทางจังหวัดนนทบุรีจึงได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจค้นที่ได้รับการแจ้งเบาะแส ตามพื้นที่เสี่ยงที่คาดว่าจะมีแรงงานต่างด้าวที่กระทำความผิดอยู่ในพื้นที่ โดยในพื้นที่ตลาดดังกล่าว ที่ลงตรวจสอบมีจำนวนต่างด้าวที่เข้าตรวจสอบ 400 ราย เบื้องต้นพบว่ามีกลุ่มที่กระทำความผิดชัดเจน และคาดว่าจะมีความผิดประมาณ 20 ราย หรือว่ายังมีการกระทำผิดไม่มากนัก นับว่าได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ไม่จ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานในจังหวัดนนทบุรีได้พยายามแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่พบว่ากระทำความผิดโดยเป็นเจ้าของกิจการ ทางจังหวัดถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงที่ต้องเร่งรัดให้หมดไป
เบื้องต้นนำแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฏหมายส่งดำเนินคดี ก่อนส่งตัวให้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนนทบุรี ดำเนินการตามขั้นตอนและผลักดันออกนอกประเทศตามความผิดต่อไป
>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยาน แถวแยกบางคูวัด หนุ่มวัย 45 ปีเป็นผู้ขับขี่รถ จยย. เสียชีวิต จ.ปทุมธานี
00.45 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยาน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนหมายเลข 345 มุ่งหน้าบางบัวทอง เลยแยกบางคูวัด เล็กน้อย ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกูปปี้ สีขาว - น้ำเงิน ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนกับรถจักรยาน แล้วพลิกคว่ำ สภาพรถพังเสียหายทั้งคู่ ตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บ 2 ราย โดย 1 ราย เป็นชายชาวกัมพูชา เป็นคนขี่รถจักรยาน ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ปทุมธานี
ส่วนอีก 1 รายนั้นเป็นผู้ขับขี่รถ จยย. มีอาการสาหัส และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 45 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปทุมธานี
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
03.48 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.7 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไป ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 233 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ