หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2568

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 05:38 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2568


>> พบระเบิด ถูกวางเพิ่มอีก 2 จุด ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี โชคดีระเบิดยังไม่ทำงาน

07.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และพบระเบิดเพิ่มอีก 2 จุด รวมทั้งหมดเป็น 4 จุดในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี โดยจุดแรก เจ้าหน้าที่พบระเบิดแสวงเครื่องอีก 1 ลูก ถูกซุกซ่อนไว้บริเวณสามแยกสันติสุข ด้านหน้าร้านแว่นตา ติดกับโต๊ะในซุ้มขายน้ำ ที่ถนนมะกรูด เขตเทศบาลเมืองเช่นกัน พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตั้งเวลา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงในการเก็บกู้ไว้ได้ตั้งแต่เวลา 08.20-09.40 น. โดยช่วงแรกใช้หุ่นยนต์ EOD บังคับรีโมทคอนโทรล เข้าทำการตรวจสอบเบื้องต้น

ก่อนที่ผุู้เชี่ยวชาญชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจะเข้าปลดชนวน พบว่าเป็นระเบิดแบบตั้งเวลา น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม โดยตั้งเวลาระเบิดไว้ราว 20.00 น.แต่ไม่ระเบิด เป็นระเบิดผสมดินระเบิดหวังทำลาย บรรจุในกล่องเหล็ก


>> รถเก็บขยะถอยหลังทับรถจักรยานยนต์ คุณยาย 62 ปีเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

10.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. บางกรวย ได้รับแจ้งมีรถเก็บสิ่งปฏิกูลชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เหตุเกิดซอยชุมชนวัดไทร ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางสีทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

ที่เกิดเหตุพบรถเก็บสิ่งปฏิกูลสีเขียว ของเทศบาลตำบลบางสีทอง ยี่ห้อ อีซูซุ ทะเบียนนนทบุรี จอดอยู่ลักษณะล้อหน้า และล้อหลังขวาเบี่ยงขึ้นมาบนถนน ล้อหลังและล้อหน้าซ้ายอยู่ไหล่ทาง ส่วนล้อหลังซ้ายทับศีรษะของหญิง อายุ 62 ปี คนขับขี่รถจักรยานยนต์เสียชีวิต ติดอยู่ใต้ท้องรถ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียนกทม. ของผู้เสียชีวิตอยู่ และเหตุการณ์นี้ยังมีผู้บาดเจ็บเป็นหญิงอายุ 68 ปี อีก 1 ราย รถพยาบาลของเทศบาลตำบลบางสีทอง นำส่งที่โรงพยาบาลบางกรวยไปก่อนหน้า

จากการสอบถามข้อมูลทราบว่า รถเก็บสิ่งปฏิกูลคันดังกล่าว กำลังถอยหลังเพื่อจอดในที่ประจำแต่ในจังหวะนั้นไม่เห็นรถจักรยานยนต์ที่อยู่ด้านท้ายที่ขี่ตามหลังมา จึงเป็นเหตุให้ถอยหลังทับดังกล่าว

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าเบื้องต้นได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุ พร้อมกับสอบปากคำคนขับรถสิ่งปฏิกูลไว้ ซึ่งหลังจากนี้จะทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและสอบปากคำคนขับเพิ่มเติม ส่วนผู้เสียชีวิตไเจ้าด้มอบให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อชันสูตรต่อไป


>> นายกฯ ติดตามโครงการน้ำบาดาลตามแนวพระราชดำริ บ้านปากชัดหนองบัว แก้ปัญหาน้ำกินน้ำใช้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

10.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านปากชัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี พร้อมรับฟังรายงานปัญหาภัยแล้งและการจัดหาน้ำบาดาลในพื้นที่ ซึ่งเตรียมโครงการเสนอของบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในหมวดโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ 12 โครงการ จำนวน 3,194 รายการ คาดช่วยเหลือประชาชนกว่า 563,239 ครัวเรือน เพิ่มปริมาณน้ำได้ถึง 211.46 ลูกบาศก์เมตรต่อปี

นายกฯ ระบุว่า โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง ช่วยให้ประชาชนเกือบ 100,000 ครัวเรือน ได้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ลดต้นทุนทั้งในการดำเนินชีวิต และต้นทุนทางการเกษตร นับเป็นการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน 
นายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงให้กับประชาชนทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว โดยพร้อมสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียงและจังหวัดอื่น ๆ ให้ได้รับประโยชน์ร่วมกัน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนในทุกภูมิภาคของประเทศอย่างยั่งยืน


>> มท.1 ยืนยัน แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังปลอดภัย พร้อมเดินหน้า ‘บำบัดทุกข์ บำรุงสุข’ สร้างความมั่นใจและความปลอดภัย

13.22 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบัน บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังกลับจากการลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีวานนี้ ว่า จากการลงพื้นที่พบว่ามีประชาชนบางส่วนในกลุ่มผู้สูงอายุเกิดความกังวลใจ แต่ส่วนมากในช่วงวัยอื่นๆ ยังมีกำลังใจที่ดีอยู่ จึงได้สร้างความมั่นใจใก็กับกลุ่มดังกล่าวว่าพื้นที่อยู่อาศัยยังมีความปลอดภัยอยู่ และยังห่างไกลจากพื้นที่ที่เกิดการปะทะ โดย ในวันพุธที่ 11 มิถุนายนนี้จะมีการนำคณะลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อยืนยันว่ากระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดูแลแนวหลัง สร้างความมั่นใจ ความปลอดภัย และดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเต็มที่ตามภารกิจในการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ของกระทรวงมหาดไทย

ขณะเดียวกันยังต้องสร้างความมั่นใจด้านการค้าชายแดน ที่ไทย-กัมพูชา เคยมีนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เพื่อให้เศรษฐกิจ การหารายได้ของประชาชนในพื้นที่ชายแดนยังคงขับเคลื่อนได้ต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่ที่เกิดการปะทะก่อนหน้านี้ และพื้นที่ที่มีความเสี่ยงอาจเกิดอันตรายขึ้นนั้น รับทราบว่าทหารในพื้นที่ได้จัดการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว จึงอยากขอให้ประชาชนในพื้นที่หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ป่า หรือชายแดนในระยะนี้ไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่า แม้จะมีรายงานการถอนกำลังของฝั่งกัมพูชาบางส่วนแล้ว แต่เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) และ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จะยังประจำการดูแลประชาชนในพื้นที่ชายแดน ในแนวหลัง ต่อจนการสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ยังคงปักหลักรักษาความมั่นคงบริเวณชายแดนอยู่


>> ตำรวจไซเบอร์รวบสาวเจ้ากรมข่าวลือ โพสต์เฟคนิวส์ใส่ไฟกรณีพิพาทไทย-เขมร พร้อมรวบสาวใหญ่โพสต์ปืนอวดโซเชียล

13.58 น. สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการ สอท.3 ตรวจพบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก บัญชีหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับปัญหาแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมีข้อความบางส่วนเป็นข้อมูลที่ไม่เกิดขึ้นจริง ที่อาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อแตกตื่นได้ อาทิ โพสต์ว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนทำให้มีทหารเสียชีวิตหลายราย โพสต์ว่ามีการสั่งให้อพยพประชาชนบริเวณชายแดน และโพสต์ข้อความอื่นๆ อีกหลายครั้ง จนมีบัญชีเฟซบุ๊กของคนทั่วไปเข้ามากดไลก์โพสต์ดังกล่าวจำนวนหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำดังกล่าวและหมายค้นพื้นที่เป้าหมาย

โดยมีการนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.กุดลาด อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ผลการตรวจค้น สามารถจับกุม น.ส.พอ(นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ชาวอุบลราชธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ลงวันที่ 8 มิ.ย.68 แจ้งข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศฯ” พร้อมตรวจยึดของกลางเป็น โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง

เบื้องต้น ผู้ต้องหาสารภาพว่า ปัจจุบันตนเองไม่ได้ประกอบอาชีพ แต่เคยทำธุรกิจคอกควาย แล้วเจ๊ง ปัจจุบันสามีทำงานที่เกาหลีแล้วส่งเงินมาให้ใช้ ที่ตนเองทำไปเพราะได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อโซเชียลต่าง ๆ ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าเป็นข้อมูลที่จริงหรือไม่ อีกทั้งตนเองมีอคติเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา อยู่แล้ว จึงได้คิดข้อความและโพสต์ลงในสื่อโซเชียลของตนเอง โดยที่โพสต์ไปไม่ได้ทำเพื่อสร้างรายได้ใดใด จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> สอบสวนกลาง เรียก 3 หน่วยงาน ถกปมที่มาเงิน 12 ล้าน ได้มาถูกต้องหรือไม่

14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกเจ้าหน้าที่ ปปช. ,ปปง. ร่วมประชุมคดีเงิน 12 ล้านบาท ถูกทิ้งข้างถังขยะ ในเมืองทองธานี โดยต้องมีการตรวจสอบหาที่มาที่ไปของเงิน นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ,นางสาวอรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. และ พลตำรวจตรี ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ผบก.ปปป. กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

นายสุขสันต์ กล่าวว่า ป.ป.ช. จะต้องแบ่งการตรวจสอบเรื่องนี้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกอยู่ระหว่างการเสนอไปที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อให้มีมติในการตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของภรรยานายทวีวัฒน์ เนื่องจากตัวภรรยา มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการในหน่วยงาน ป.ป.ช. ซึ่งตามปกติก็ต้องยื่นแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินทั้งของตัวเองและคู่สมรสและครอบครัวทุก 3 ปี ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งคาดว่าการเสนอเรื่องนี้จะมีมติภายใน 1 -2 วันนี้ และหากพบว่ามีการปกปิดบัญชีทรัพย์สินจะมีโทษทางอาญาและทางวินัย

อีกส่วนที่ทางป.ป.ช. จะต้องร่วมในการตรวจสอบ คือที่มาที่ไปของเงิน โดยหน่วยงาน 3 ป. จะต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่พิสูจน์ทราบก่อนว่าเงินดังกล่าวเป็นของผู้ใด และมีที่มาที่ไปอย่างไร โดยเบื้องต้นทางตำรวจพื้นที่มีการส่งหลักฐานไปที่กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว หากได้ข้อสรุปเรื่องเงินแล้ว จึงจะนำมาสู่อำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน 3 ป. ที่ต้องพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไรและได้มาจากอาชีพสุจริตหรือไม่ หากเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบ ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งตอนนี้ยังต้องรอผลสอบของตำรวจในพื้นที่ก่อน โดยตอนนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่ถูกส่งมาที่ หน่วยงาน 3 ป. แต่ทางตำรวจในพื้นที่ ยังคงมีเวลาในการสอบสวนอยู่


>> รถบรรทุกถังแก๊สหุงต้มพลิกคว่ำระเบิดสนั่น ไฟลุกไหม้รถวอดทั้งคัน คนขับบาดเจ็บไม่สาหัส

15.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลหนองชาก จ.ชลบุรี พร้อมกับเจ้าที่ตำรวจ , กู้ภัย รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถบรรทุกถังแก๊สหุงต้ม เสียหลักพลิกคว่ำตกข้างทาง บนถนนสาย 344 ก่อนขึ้นต่างระดับแยกหนองชาก หมู่ 3 ฝั่งขาเข้าหนองชาก ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

รถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหนองชาก และ อบต.หนองอิรุณ จำนวน 4 คัน เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ โดยพบเพลิงกำลังลุกไหม้รถบรรทุกถังแก๊ส ในระหว่างที่ดับเพลิงเกิดระเบิด และมีประกายไฟพุ่งสูง ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระวังเนื่องจากมีถังแก๊สหุงต้มอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงได้ ตรวจสอบเป็นรถกระบะบรรทุก 4 ล้อที่บรรทุกแก๊สหุงต้มมาเต็มคันรถเกิดพลิกคว่ำถูกไฟไหม้วอดเหลือแต่โครงเหล็ก

ส่วนคนขับรถบรรทุกคันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บปวดตามร่างกาย จากการสอบถามคนขับ เล่าว่า ตนขับรถมาจากมาบคล้า จะนำก๊าซหุงต้มไปส่งให้กับลูกค้าบริเวณถนนหนองชากพนัสนิคม ระหว่างทางรถที่ขับขี่มาเกิดเสียหลัก จากนั้นควบคุมรถไม่ได้ก่อนที่จะพลิกคว่ำเกิดเสียงระเบิด ตนขึ้นมาจากริมถนนวิ่งหนีเอาตัวรอดกระทั่งมีคนมาช่วย หลังเพลิงสงบตรวจสอบพบถังแก๊สขนาด 40 กิโลกรัม จำนวน 20 ถัง , ถังออกซิเจน 23 ถัง


>> รถกระบะ 2 คันชนกันกลางถนนสายหนองวัวซอ - อูบมุง มีทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

15.10 น. รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงอุดรธานี จุดบริการอำเภอหนองวัวซอ มีอุบัติเหตุ รถกระบะ 2 คนชนกัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บนถนนหมายเลข 2315 เส้นทางหนองวัวซอ - อูบมุง บริเวณใกล้เคียงวัดบ้านโนนหวาย ในพื้นที่ ต.โนนหวาย อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ อีซูซุ สีดำ ป้ายทะเบียน หนองบัวลำภู ลักษณะชนกับ รถกระบะ โตโยต้า สีขาว ป้ายทะเบียน อุดรธานี ตรวจสอบพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 4 ราย โดยเป็น ผู้ชาย 3 รายและผู้หญิง 1 ราย ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพ - กู้ภัยให้การช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลหนองวัวซอ และได้รับแจ้งว่า มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 74 ปี มีอาการสาหัสและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองวัวซอ


>> รวบแก๊งโจรแสบ งัดโกดังของเก่า ฉกทรัพย์หลักล้าน แต่เกมตำรวจตามรวบยกแก๊ง เพราะความหิว

15.30 น. พ.ต.อ.ณัชพิสิษฐ์ เสียงหวาน ผกก.สน.ร่มเกล้า พร้อมฝ่ายสืบสวนนครบาล 3 ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาชาย 3 ราย โดยจับกุมได้ที่บ้านพัก ซอยพัฒนาชนบท 3 แยก17 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

สืบเนื่องเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ ที่ สน.ร่มเกล้า ว่า ได้เข้าไปตรวจดูโกดัง ซอยร่มเกล้า 21 พบว่าของเก่าที่สะสมไว้จำหน่าย ถูกคนร้ายงัดโกดังลักเอาทรัพย์สินไปแทบเกลี้ยงโกดัง ซึ่งมีมูลค่าหลักล้านบาท โดยทรัพย์สินถูกขโมยไป อาทิ รถกระบะ 1 คัน รวมราคา 250,000 บาท,รถยนต์ 2 คัน ราคา 950,000 บาท, เครื่องยนต์ดีเซล ,รถจักรยานยนต์ จำนวน 13 คัน ,จักรยาน 40 คัน รวมราคา 100,000 บาท,ล้อแม็กรถยนต์ ,รถจักรยานติดเครื่องโบราณ ,ปั้มลม ,เครื่องฉีดน้ำแรงดัน

ซึ่งจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบถุงใส่อาหารและเครื่องดื่มของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง และมีการเขียนหมายเลขโทรศัพท์ไว้ที่ถุงใส่ของ ซึ่งน่าจะเป็นของคนร้ายที่สั่งมาส่ง เพราะความหิว ตำรวจจึงตรวจสอบข้อมูลกับทางร้านสะดวกซื้อ พบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นสั่งอาหารและเครื่องดื่มแบบดิลิเวอรรี่ แล้วให้ไปส่งที่โกดังที่เกิดเหตุจริง

สืบสวนนครบาล 3 จึงออกติดตามเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ ทำให้ทราบตัวคนร้าย เพราะมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน และตามไปจับกุมได้ที่บ้านพักรวบได้ทั้ง 3 ราย ขณะกำลังถอดอะไหล่ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ เพื่อนำออกขาย และพบอุปกรณ์เสพยาอีกจำนวนหนึ่ง

จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพ โดยบอกว่าของกลางที่ได้นำไปขาย นำเงินมาใช้จ่ายและซื้อยาบ้าและยาไอซ์มา เบื้องต้นแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร ในเวลากลางคืน ฯ” ควบคุมตัวส่ง สน.ร่มเกล้า ดำเนินคดีตามกฎหมาย


>> เพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ เปิดเป็นร้านขายของชำ ซอยสุขุมวิท 65 เสียหายวอดทั้งชั้น

17.49 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยสุขุมวิท 65 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง ประกอบกิจการ ร้านขายของชำและที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นชั้นที่ 1 เพลิงลุกไหม้ ชั้นที่ 1 ลุกลามชั้นลอย เสียหายทั้งหมด พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 32 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ 
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก ไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟติดผนัง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางกะปิ


>> เพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ ซอยเอกชัย 133 เสียหายวอดทั้งคัน

18.38 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ สถานที่เกิดเหตุ ซอยเอกชัย 133 ถนนเอกชัย แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นเพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ สีเขียว ป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก อุบัติเหตุ ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นเพศชาย จำนวน 1 ราย บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทั่วลำตัว อาสาสมัครนำตัวส่งโรงพยาบาลบางปะกอก 8 พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางบอน


>> หนุ่มวัย 21 ปีขับขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักชนเสาไฟ เสียชีวิตริมถนนสายสกลนคร - นครพนม

19.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างนาวาธาตุพนม จุดเมือง ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนเสาไฟฟ้า และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บนถนนนิตโย เส้นทางสกลนคร - นครพนม ฝั่งขาเข้าเมืองนครพนม ในพื้นที่ บ้านเทพพนม ตำบลบ้านผึ้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ-แดง ป้ายทะเบียน 8437 สกลนคร ลักษณะชนเสาไฟข้างทาง สภาพหน้ารถพังเสียหาย และใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร ทราบชื่อ นายชิดชัย อายุ 21 ปี ภูมิลำเนาชาว อ.นาหว้า จ.นครพนม ในส่วนของสาเหจุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม


>> พบร่างหญิง ถูกฆาตกรรมภายในรถยนต์ ย่านเพชรเกษมซอย 67 ตร.คุมสามีต้องสงสัยก่อเหตุ ไปสอบปากคำ

22.00 น. พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตในรถยนต์ บริเวณทาวเฮ้าส์แห่งหนึ่ง ซอยเพชรเกษม 67 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. จึงประสานอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ พบรถอเนกประสงค์ ฮอนด้า สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ ภายในพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้หญิงไทย อายุ 36 ปี คาดว่าถูกฆาตกรรมแล้วนำร่างไปยัดในรถ ต่อมามีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุเป็นสามีของผู้เสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเข้าเจรจา สอบปากคำ  


>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดลำปาง

02.46 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 1.4 ความลึก 3 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.เสริมขวา อ.เสริมงาม จ.ลำปาง ไม่มีรายงายการับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน 

 
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

04.01 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.9 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 296 กม. ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย 

 

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ