วันที่ 8 มิถุนายน 2568 เวลา 19:36 น.
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุดว่า ตามที่ได้นำเรียนทุกท่านเมื่อวานนี้ ตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ได้นำมาซึ่งการมอบอำนาจให้กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ออกคำสั่งกำหนดมาตรการควบคุมการปิด-เปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการออกคำสั่ง ในทุกจุดครบถ้วนแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งขณะนี้ สถานการณ์ชายแดนยังคงสงบเรียบร้อย
ตามที่ฝ่ายทหารได้ชี้แจงแล้ว ผมขอเรียนยืนยันว่า มาตรการเหล่านี้ ไม่ใช่คำสั่งปิดด่านทั้งหมด หรือในทันที แต่เป็นแนวปฏิบัติที่เป็นขั้นเป็นตอน เหมาะสมตามระดับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 ขั้น ได้แก่
ขั้นที่ 1 จำกัดการผ่านแดนโดยอนุญาตเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย ขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่น ๆ โดยจำกัดและเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย
ขั้นที่ 2 ปรับลดช่วงเวลาในการเปิด–ปิดจุดผ่านแดน พร้อมทั้งกำหนดวัน–เวลา เข้า–ออกอย่างชัดเจน
ขั้นที่ 3 ปิดจุดผ่านแดนบางจุด (Selective Closure)
ขั้นที่ 4 ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดนในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤต เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด
สำหรับจุดผ่านแดนตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการปรับเวลาปิด-เปิด เอกสารที่ต้องใช้ และข้อจำกัดต่าง ๆ ในระยะนี้ ซึ่งแต่ละจุดจะกำหนดมาตรการแตกต่างกันไป ดังนี้
กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพา – เป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดสระแก้ว
กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังสุรนารี – เป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดอุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์
กองทัพเรือ โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็นผู้กำหนดมาตรการสำหรับจุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนการค้า ในจังหวัดจันทบุรี และตราด
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจุดผ่านแดน ไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย จุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนการค้า ที่มีการปรับเปลี่ยนเวลาปิด-เปิด และข้อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งผมขอยกหนึ่งตัวอย่าง คือ จุดผ่านแดนถาวร อรัญประเทศ - ปอยเปต จังหวัดสระแก้วที่ยังคงเปิดระหว่างเวลา 08.00 – 16.00 น. และห้ามเฉพาะคนไทยที่จะออกไปท่องเที่ยวหรือเล่นการพนัน ส่วนการจำกัดการผ่านของยานพาหนะ รถบรรทุกขนาด 6 ล้อขึ้นไป ก็สามารถเข้า-ออก ที่จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ได้ครับ ขอให้ทุกท่านตรวจสอบข้อมูลของแต่ละจุดผ่านแดนจากหน่วยงานทางการหรือทางเพจของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้อีกครั้ง
ตามที่ได้รับการสอบถามเรื่องการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นการดำเนินการฝ่ายเดียว ขอย้ำว่า มาตรการเกี่ยวกับจุดผ่านแดนที่ฝ่ายไทยประกาศนั้น มีเป้าหมายเพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน และแน่นอนครับ เราจำเป็นต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจ การค้าชายแดน ชีวิตความเป็นอยู่ และมนุษยธรรมควบคู่ไป จึงได้พยายามอย่างที่สุดไม่ให้มาตรการเหล่านี้กระทบถึงคนไทยและชาวกัมพูชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ และขอย้ำอีกครั้ง ว่านี่ไม่ใช่การปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด และจะพิจารณาจากความจำเป็นต่าง ๆ ในพื้นที่ ซึ่งการจำกัดเวลาปิด-เปิด เป็นไปเพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนได้อย่างเหมาะสม มาตรการต่าง ๆ ถูกกำหนดขึ้นตามลักษณะเฉพาะ และการใช้งานของแต่ละจุดผ่านแดน โดยเฉพาะการผ่านแดนที่เกิดขึ้นเป็นประจำและที่จำเป็น เพื่อเหตุผลทางการค้าขาย การศึกษา การเข้ามารับบริการทางการแพทย์ และอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ตามปกติ
ดังที่ฝ่ายไทยยืนยันมาตลอด ตั้งแต่ต้นและในทุกระดับ เราปฏิบัติตามและพร้อมใช้กลไกทวิภาคี โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดน ไทย – กัมพูชา (JBC) ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน ที่กำลังจะมาถึง และยังคงปฏิบัติตาม MOU ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ปี 2543 (ค.ศ. 2000) ที่เป็นเอกสารทางกฎหมาย เป็นกติกาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันและย่อมต้องยึดถือ
รัฐบาลไทยขอยืนยันความเชื่อมั่นว่า การใช้กลไกที่ไทยและกัมพูชามีอยู่ระหว่างกัน เช่น JBC ที่จะมาถึงนี้ มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อลดความตึงเครียดในสภาวะที่เปราะบางเช่นนี้ และเพื่อหาทางออกอย่างสันติ เคารพซึ่งกันและกัน และด้วยความจริงใจต่อกัน เพื่อให้ชายแดนของเรากลับสู่ภาวะปกติ มีความสงบสุขและปลอดภัยครับ
ดังนั้น ไทยจึงขอเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้ฝ่ายกัมพูชาลดระดับความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน หันมาใช้กลไกทวิภาคีให้เป็นประโยชน์สูงสุด เพื่อมิให้สถานการณ์ลุกลามออกไป
16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568
16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568