วันที่ 6 มิถุนายน 2568 เวลา 13:46 น.
นายกรัฐมนตรี เผยผลประชุม สมช.แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำจุดยืนใช้สันติวิธี พร้อมรักษาอธิปไตย ขณะที่ ผบ.ทสส.แจงกองทัพสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลในการแก้ไข
วันนี้ (6 มิ.ย.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมกับ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่ง พร้อมตัวแทนเหล่าทัพ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมร่วมกันแถลงข่าวสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมจับตามาตรการกดดัน เปิดพื้นที่พูดคุยวันที่ 14 มิ.ย.นี้ คาดลดเวลาการเปิดปิดด่านถาวร-จุดผ่อนปรน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการประชุมและพูดคุยกันเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่าทุกหน่วยงานได้ปรึกษากันก่อนดำเนินการใด ๆ ขณะนี้สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมด ไม่อยากให้เกิดกระแสปลุกปั่นว่ารัฐบาลกับกองทัพมีปัญหากัน เพราะไม่ได้มีปัญหาและทำงานสนับสนุนกันโดยตลอด แบ่งอำนาจหน้าที่ชัดเจน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า วันนี้ได้พูดคุยบนหลักการที่ไทยต้องปกป้องอธิปไตยของประเทศ และดำรงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด หลักสำคัญ 3 ด้าน คือ ด้านต่างประเทศ ด้านกองทัพ และด้านการสื่อสาร โดยได้ปรับให้ชัดเจนและร่วมกันทำงานให้มากขึ้น ส่วนการสื่อสารได้ตกลงกันแล้วว่ากระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพหลัก โดยประสานโฆษกการต่างประเทศ กองทัพบกและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมด้วย เพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศที่ยากลำบากในการเจรจา ขณะที่ความสัมพันธ์ชายแดน อยากให้จำกัดวงความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด
ขณะที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การต่างประเทศและการทหารต้องไปด้วยกัน เป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างยาวนาน เห็นพ้องกันว่าการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาต้องใช้กลไกทวิภาคีเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยตั้งแต่ต้นในการใช้การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ซึ่งเป้าหมายของการเจรจาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ต้องเน้นในเรื่องของจุดปะทะ เพื่อแก้ปัญหาการกระทบกระทั่งกันเป็นหลักก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ยังจะไม่ให้ความสำคัญ ณ ขณะนี้ ส่วน JBC ที่จะเจรจาเรื่องเขตแดน ก็จะดำเนินการไปพร้อมกัน แต่สิ่งแรกคือลดความรุนแรงและบรรยากาศที่จะมีการกระทบกระทั่งกัน
ด้าน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส.กล่าวว่า ของชี้แจงใน 3 ประเด็นคือ 1.กองทัพสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและคลี่คลายสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยสันติวิธี 2.กองทัพปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ในการรักษาอธิปไตย และคุ้มครองปกป้องประชาชน ตามแนวชายแดนซึ่งได้ดำเนินการมาโดยตลอด และ 3.ในการประชุม ผบ.เหล่าทัพ วันนี้ เป็นการประชุมตามวงรอบปกติในทุก 2 เดือน แน่นอนว่าจะมีการพูดคุยถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ในลักษณะที่สนับสนุนแนวทางของรัฐบาล และแนวทางตามที่ที่ สมช.ได้พุูดคุยวันนี้ โดยหลังการประชุมจะมีการแจ้งข่าวต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า เมื่อวานนี้ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายไทย–กัมพูชาจะต้องเคารพซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีรับทราบว่าประชาชนต้องการทราบรายละเอียดของการหารือ ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการเจรจาแต่ขอยืนยันว่ากองทัพพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ และได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยแนวนโยบายหลักของรัฐบาลคือการยึดแนวทางสันติวิธี เพื่อป้องกันเหตุปะทะที่ไม่จำเป็น ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์แล้ว 2 ฉบับเกี่ยวกับท่าทีและแนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไป
ในส่วนของมาตรการเพิ่มเติม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุว่า ได้มีการเตรียมการไว้ในหลายด้าน หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ก็พร้อมใช้มาตรการตามความเหมาะสม โดยยืนยันว่าขณะนี้ได้มีการวางแผนไว้อย่างรอบคอบ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการถอนกำลัง รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาตามสถานการณ์ และมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ ซึ่งประกอบไปด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และกองทัพ ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าทุกมาตรการจะดำเนินไปตามกรอบของสถานการณ์อย่างเหมาะสมและรอบคอบ
สำหรับกระแสในโซเชียลมีเดียที่มีการเรียกร้องให้มีการปกป้องอธิปไตย ขอยืนยันว่า สถานการณ์ยังอยู่ในภาวะปกติ และกองทัพยังคงพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า พร้อมใช้กลไกการเจรจา เช่น JBC เป็นเวทีหลักในการสร้างความร่วมมือ ซึ่งครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น การปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และปัญหาข้ามพรมแดนอื่น ๆ โดยแต่ละฝ่ายมีภารกิจและหน้าที่ชัดเจน และดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการลดความตึงเครียดและสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนกับประเทศเพื่อนบ้าน
กรณีที่กัมพูชาแถลงว่า การประชุม JBC จะไม่มีการหารือเกี่ยวกับพื้นที่พิพาททั้ง4แห่งนั้น ทางฝ่ายไทยจะขอหารือในรายละเอียดกับกัมพูชาอีกครั้งในการประชุม JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ โดยความมุ่งหมายของไทย คือการใช้กลไกการประชุม JBC ครั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ลดความรุนแรง ลดการกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้น ไม่ให้ลุกลามบานปลาย
29 กรกฎาคม 2568
29 กรกฎาคม 2568
เปิดปฏิบัติการกองปราบปราม ทลายขบวนการสวมบัตรเถื่อน ฟอกตัวเป็นไทย
29 กรกฎาคม 2568
29 กรกฎาคม 2568
เปิดปฏิบัติการกองปราบปราม ทลายขบวนการสวมบัตรเถื่อน ฟอกตัวเป็นไทย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ