24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 5 มิถุนายน 2568
>> ไฟไหม้โกดังสินค้า กลางตลาดค้าส่งเมืองนครศรีธรรมราช เสียหายทั้งหลังวอดนับล้าน
09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย ดับเพลิงเทศบาลนครนครศรีธรรมราช หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาร่วมใจ ระดมกำลังเข้าควบคุมเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าประเภทน้ำตาล ข้าวสาร และลังโฟมบรรจุสินค้าขนาดย่อม บริเวณประตู 4 ตลาดรวมพืชผลหัวอิฐ ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อย่างรุนแรง
โดยจุดต้นเพลิงพบว่า อยู่บริเวณชั้นลอยเก็บกล่องโฟมบรรจุสินค้าจำนวนมาก จากนั้นได้ลุกลามอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องท่ามกลางความโกลาหลของความพยายามในการเคลื่อนย้ายสินค้าหนี จากความรุนแรงของแนวเพลิง รวมทั้งมีเสียงไฟฟ้าช็อตตลอดเวลาเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าต้องเร่งเข้าตัดกระแสไฟที่จ่ายเข้าบริเวณประตู 4 ทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ได้เร่งควบคุมเพลิงอย่างต่อเนื่องโดยใช้วิธีการโอบแนวเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด พร้อมทั้งฉีดน้ำควบคุมไม่ให้ลุกลามไปยังคูหาข้างเคียง ท่ามกลางกลุ่มควันสีดำหนาทึบพุ่งขึ้นบนท้องฟ้ามองเห็นได้จากในระยะไกล เบื้องต้นพบความเสียหายไปอย่างน้อย 5 คูหาและบริเวณใกล้เคียงอีกส่วนหนึ่ง ส่วนสินค้ากลุ่มข้าวสารและน้ำตาลรวมทั้งสิ่งปลุกสร้างเสียหายไปนับล้านบาท
เบื้องต้น รวบรวมข้อมูลก่อนเกิดเหตุได้ความว่า ขณะที่คนงานกำลังจัดสินค้าอยู่บริเวณชั้นล่าง ได้ยินเสียงปะทุรุนแรงจากแนวแผงไฟฟ้าภายในโกดังชั้นลอยซึ่งมีลังโฟมเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนเกิดเปลวเพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว คนงานทำงานอยู่ภายในได้หนีเอาชีวิตรอดออกมาได้ทั้งหมด หลังจากนั้นมีการแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเพลิง แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบแล้ว
>> ไฟไหม้ห้องพักนักกีฬา ภายในโรงเรียนดังย่านปากเกร็ด จนท.ฉีดน้ำควบคุมเพลิงได้
10.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ พร้อมรถดับเพลิงจากเทศบาลบางพลับ และใกล้เคียง เดินทางเข้าตรวจสอบหลังจากได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้อาคารที่พักนักเรียนของโรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
ที่เกิดเหตุ เป็นอาคารสูง 10 ชั้นไฟลุกไหม้บริเวณชั้น 4 เป็นซึ่งเป็นที่ห้องพักและห้องเก็บเสื้อผ้าของนักฟุตบอลโรงเรียน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและรถดับเพลิงว่า 10 คันเร่งต่อสายน้ำขึ้นจุดเกิดเหตุและใช้น้ำฉีดเพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังห้องใกล้เคียงโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ หลังเพลิงสงบลงพบว่าจุดเกิดเหตุเป็นห้องเก็บเสื้อผ้า และรองเท้ากีฬา เพลิงได้ลุกไหม้กองเสื้อผ้าและตู้เสื้อผ้าเสียหาย ขณะเกิดเหตุไม่มีนักเรียนอยู่ในห้องพัก
ทางด้านครูของโรงเรียนกล่าวว่ามีครูในโรงเรียนส่งภาพจากตึกสูงอีกอาคารหนึ่งมาให้ดูในกลุ่มว่าพบเห็นกลุ่มควันจำนวนมากบริเวณชั้น 4 ของอาคารที่เป็นห้องพักนักกีฬาจึงรีบวิ่งขึ้นมาดูก็พบว่าแสงเพลิงและกลุ่มควันลุกไหม้อยู่ในห้องเก็บเสื้อผ้า จึงได้พยายามใช้น้ำและถังดับเพลิงฉีดดับแต่ไม่เป็นผลเพลิงเริ่มลุกไหม้แรงขึ้นก่อนจะลุกลาม จนกระทั่งรถดับเพลิงมาถึง ส่วนชั้น 4 เป็นห้องพักนักกีฬาฟุตบอลและห้องเก็บเสื้อผ้า โดยจุดที่เพลิงไหม้นั้นเป็นห้องเก็บเสื้อผ้าขณะเกิดเหตุไม่มีนักเรียนพักอยู่เด็กนักเรียนจะกลับเข้ามาในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนเท่านั้น
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า เบื้องต้น ได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุพร้อมกับสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ไว้ ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องประสานไปยังเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเหตุไฟไหม้ที่แท้จริงต่อไป
>> “มท.1” แสดงวิสัยทัศน์แผนสาธารณภัยไทย บนเวทีโลกที่เจนีวา
11.56 น. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นำคณะไทยร่วมประชุมระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (GP2025) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 3–5 มิ.ย.
นายอนุทิน กล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อ “Leave no one behind” โดยย้ำว่าไทยได้นำกรอบเซนไดและเป้าหมาย SDGs มาผสานในแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564–2570 พร้อมขยายแนวทางสู่ระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น รวม 17,646 ชุมชน โดยเน้นกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และชนกลุ่มน้อย พร้อมกันนี้ยังผลักดันให้มีหลักสูตรความรู้เรื่องภัยพิบัติตั้งแต่ระดับประถมฯ และโครงการอาสาสมัครเยาวชนเพื่อสร้างความพร้อมรับมือในอนาคต
จากนั้น รมว.มหาดไทยเข้าร่วมโต๊ะกลมหารือเรื่องการเงินเพื่อความยั่งยืน ย้ำไทยพัฒนาระบบเตือนภัย Cell Broadcast เต็มรูปแบบ ก.ค. นี้ พร้อมเรียกร้องการลงทุนเพิ่มด้านประเมินความเสี่ยง แผนที่ความเสี่ยง และการประกันภัย
“ภัยพิบัติข้ามพรมแดน เช่น น้ำท่วมฉับพลันและ PM2.5 จำเป็นต้องมีความร่วมมือระดับภูมิภาค พร้อมการสนับสนุนทางเทคนิคและวิจัยจาก UN” นายอนุทินกล่าวย้ำบนเวทีโลก
>> รวบยกบ้าน แก๊งปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 1,921 ต่อปี
13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจับเจ้าหนี้ดอกเบี้ยโหดยกบ้าน ปล่อยกู้ดอกลอยร้อยละ 1,921 ต่อปี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พบบัญชีเฟซบุ๊กหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความโฆษณาให้ชาว จ.นครศรีธรรมราช กู้เงินออนไลน์โดยติดต่อผ่านเฟซบุ๊กของตนเอง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติจากศาลเข้าตรวจค้น
จากการตรวจค้นพบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.8 ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช พบ น.ส.รอ (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี รวมทั้ง นายธอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี น.ส.จอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี และ น.ส.ออ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว นอกจากนี้พบของกลางคือ อาวุธปืนพกสั้น ชนิดลูกโม่ ยี่ห้อ Holek ขนาด.38 สเปเชียล ความยาวลำกล้อง 2 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก ภายในบรรจุกระสุนปืนขนาด .38 สเปเชียล จำนวน 3 นัด และปลอกกระสุน ขนาด .38 สเปเชียล จำนวน 1 ปลอก ซุกซ่อนอยู่ในตู้วางของภายในห้องนอนของบ้าน จากการสอบถาม น.ส.รอ แจ้งว่าอาวุธปืนและกระสุนปืนเป็นของ นายธอ ลูกชายของตนเอง ซึ่ง นายธอ ยอมรับว่าเป็นของตนจริง
ต่อมาได้ตรวจสอบข้อมูลในอุปกรณ์แท็บเล็ต ของ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พบมีแช็ตข้อมูลพูดคุยเกี่ยวกับการยืมเงินจริง โดยมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเป็นรายวัน วันละ 50 บาท จนกว่าจะครบตามจำนวน และบังคับให้จ่ายคืนให้ครบตามกำหนด หากไม่ครบจะต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน จนกว่าจะครบทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.26 ต่อวัน หรือ 157.89 ต่อเดือน หรือ 1,921.05 ต่อปี เบื้องต้น แจ้งข้อหา ก่อนควบคุมตัวพร้อมตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดี
>> กำแพงหมู่บ้านทรุดตัว ล้มทับคนงาน ได้รับบาดเจ็บหลายราย
14.10 น. ศูนย์วิทยุกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ได้รับแจ้งกำแพงรั้วปูนถล่มทับคนงาน ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย เหตุเกิดในไซต์งานก่อสร้าง เลียบถนนทางรถไฟภายในซอยเขาตาโล ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ เป็นไซต์งานก่อสร้าง พบคนงานชาวต่างด้าว 2 ราย นอนได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ใต้ก้นบ่อเสาเข็ม ลักษณะถูกกำแพงทับ นอนหมดสติจมกองเลือด เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงช่วยเหลือผู้บาดเจ็บขึ้นจากบ่อดิน และพบอีก 2 ราย เป็นคนงานชาวไทย ได้รับบาดเจ็บตามตัวเจ็บปวดขาแขน เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ และทีมแพทย์จากโรงพยาบาล ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ผู้บาดเจ็บทั้งหมดก่อนเคลื่อนย้ายนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน
สอบถาม หญิงไทย แฟนสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุทุกคนกำลังทำงานขุดปรับหน้าดินบริเวณรั้วกำแพง กั้นระหว่างหมู่บ้านกับไซต์งาน เพราะกำแพงเกิดการเอียง ระหว่างที่กำลังใช้สว่านเจาะปูนอยู่ด้านล่างก้นบ่อที่วางเสาเข็มไว้แล้ว กำแพงเกิดเอียงจากนั้นก็ถล่มมาทับคนงานที่อยู่ด้านล่างก้นบ่อ ส่วนคนงานด้านบนที่เป็นคนไทยที่กำลังขนดิน ได้กระโดดหลบทัน จึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
>> รถกระบะยางแตกแล้วเสียหลักชนเสาไฟพลิกคว่ำลงข้างทาง ผู้บาดเจ็บอาการสาหัสก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.
15.00 น. รับแจ้งจาก สภ.ยี่งอ มีอุบัติเหตุรถกระบะยางแตกแล้วเสียหลักชนเสาไฟฟ้าก่อนพลิกคว่ำลงข้างทาง และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนหมายเลข 42 ใกล้เคียงทางเข้าสำนักงานการเกษตรยี่งอ บ้านทุ่งคา อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ นิสสัน สีดำ ป้ายทะเบียนต่างประเทศ สภาพรถพลิกตะแคงพังเสียหายทั้งคัน พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย มีอาการสาหัสได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยี่งอ
>> สาวใหญ่ใจบาป ย่องฉกเงินเจ้าอาวาสวัดดังย่านปากเกร็ด หนีลอยนวล
17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด เดินทางเข้าตรวจสอบหลังจากได้รับแจ้งคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์เป็นเงินสดของเจ้าอาวาสวัดโพธิ์บ้านอ้อย และหลบหนีไป เหตุเกิดในกุฎิเจ้าอาวาสวัดโพธิ์บ้านอ้อย ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
บริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาสพบกับพระครูโพธินันทวัฒน์ อายุ 67 ปี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์บ้านอ้อย ให้ข้อมูลว่า ขณะที่อาตมาทำธุระอยู่ในห้องน้ำได้ยินเสียงดังเหมือนมีคนรื้อค้นสิ่งของ หลังออกมาจากห้องน้ำก็เดินไปดูอังสะที่แขวนไว้บนหัวนอน พบว่าเงินสดประมาณ 20,000 บาท ที่อยู่ในอังสะหายไปหมดเลย คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นผู้หญิงรายหนึ่ง ที่เข้ามาที่วัดบ่อยๆ มาชวนพูดคุย มาขอขนม ขอแกง และมาดูลาดเลา คนร้ายน่าจะอาศัยจังหวะที่อาตมาเข้าห้องน้ำ ย่องเข้ามาในห้องแอบขโมยเงินไป
หลังเกิดเหตุพระลูกวัดได้พาพระครูโพธินันทวัฒน์ เจ้าอาวาส เดินทางเข้าแจ้งความ ที่สภ.ปากเกร็ด เพื่อให้ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตาม
>> "รัฐบาลไทย" ออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ฉบับที่ 2 ยืนยัน ประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก
17.42 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน แถลงการณ์จากรัฐบาล กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไข ปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568
ทั้งนี้ ตามที่ กัมพูชา แสดงความตั้งใจที่จะใช้กลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ นั้น ประเทศไทย ประกาศไม่ยอมรับในเขตอำนาจของ ICJ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 จนถึงปัจจุบัน โดยทั้งสองฝ่ายมีกลไกทวิภาคีในการจัดการประเด็นปัญหาชายแดนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรก สิ่งที่สำคัญคือ ทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ซึ่งจะสร้างความซับซ้อนของปัญหามากขึ้น
ประเทศไทยไม่ต้องการเห็นฝ่ายใดได้รับความสูญเสียใดๆ และประเทศไทยกัมพูชา มีกลไกเรื่องเขตแดนอยู่แล้ว ซึ่งกลไกดังกล่าวโดยเฉพาะการทำงานของ JBC ในช่วง 26 ปีที่ผ่านมา ก็มีความคืบหน้าในหลายพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด ดังเช่นในกรณีของสะพานมิตรภาพไทย - กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน ตำบทท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว -และบ้าน สตึงบทตำบลปอยเปต อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย) และการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ไทย กัมพูชา ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี กับบ้านปรม จังหวัดไพลิน กัมพูชา
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 นี้ และหวังว่า ฝ่ายกัมพูชาจะแสดงถึงความปรารถนาเช่นเดียวกันในการร่วมมือกับไทยในลักษณะที่สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันของเราในสันติภาพ เสถียรภาพ และการเคารพซึ่งกันและกัน“
>> คนร้ายสวมชุดดำคลุมผ้าคล้ายผ้าฮิญาบ ก่อเหตุปาระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐานปฏิบัติการที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
18.40 น. ร.ต.อ.กรกฎ ทวยไธสง ร้อยเวรสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง รับแจ้งจาก ผบ.มว.ฉก.นปพ.นธ.31 ม.1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ว่ามีคนร้ายไม่ทราบชื่อ จำนวน 2 คน ก่อเหตุขว้างระเบิดแสวงเครื่องชนิดระเบิดไปป์บอมบ์ เข้าไปในฐานปฏิบัติการบริเวณที่พักของกำลังพล เบื้องต้นระเบิดไม่ทำงาน
โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพ บริเวณด้านข้างฐานปฏิบัติการ มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับรถ จยย.ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดด้านข้าง และหนึ่งในคนร้ายเดินลงจากรถ ลักษณะสวมชุดคลุมสีดำ มีผ้าคลุมฮิญาบสีดำ เดินมาด้านข้าง ก่อนจะปาระเบิด หลังก่อเหตุได้รีบวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่คนร้ายอีกคน จอดรออยู่ และพากันหลบหนี หลังก่อเหตุ ซึ่งระเบิดไม่ทำงาน จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บรายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบต่อไป
>> จับพ่อค้าขายส้มตำ รับจ๊อบเปิดบัญชีม้า ถอนเงินกว่า 5 ล้านบาทให้เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
18.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุม นายปอ (นามสมมุติ) อายุ 60 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญา ฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณหน้าบ้าน ซอยงามวงศ์วาน 43 เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 128/2566 ของกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ โดยผู้ต้องหามีอาชีพเป็นพ่อค้าขายส้มตำได้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อรับโอนและถอนเงินจากบัญชีให้กับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 20 ครั้ง จำนวน 5,286,000 บาท จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานำตัวมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบคดีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจตรี จตุพล บงกชมาศ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
>> อดีตพระพรหมเมธี ได้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน วงเงิน 400,000 บาท
18.53 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวน พิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวพระจำนงค์ ธัมมจารี หรืออดีตพระพรหมเมธี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงินจากกรณีเงินทอนวัด หลังจากเดินทางกลับถึงประเทศไทยเพื่อกลับมาต่อสู้คดี หลังจากลี้ภัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนีนานกว่าถึง 7 ปี
กระทั่งเวลา 14:00 น. ได้มีรถตู้ประมาณ 4-5 คัน จอดบริเวณด้านหน้าอาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก่อนที่จะมีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งเดินลงมาจากอาคารแล้วเดินไปขึ้นรถทันที โดยพระสงฆ์เหล่านั้นไม่ได้พูดคุยในตอบคำถามอะไรกับสื่อมวลชน คาดว่าเป็นพระลูกศิษย์ของอดีตพระพรหมเมธีที่เดินทางกลับมาพร้อมกันจากประเทศเยอรมนี ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 14:30 มีรายงานข่าวว่า อดีตพระพรหมเมธีเตรียมจะเดินทางออกจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยอดีตพระพรหมเมธี พร้อมผู้ติดตาม แต่งกายชุดสูท ได้ลงมาฝั่งลิฟท์ เดินมาขึ้นรถตู้คันสีเทา ออกไปจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทันที
เบื้องต้นมีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวระดับสูงระบุว่า อดีตพระพรหมเมธีใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ
ทั้งนี้ อดีตพระพรหมเมธีขอทำคำให้การเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรส่งมายังพนักงานสอบสวนในภายหลัง พร้อมรับปากกับพนักงานสอบสวนว่า จะรีบยื่นคำให้การให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดีตามกฎหมาย แต่ยังไม่กำหนดวันยื่นคำให้การอย่างแน่ชัด
>> เพลิงไหม้รถยนต์ บริเวณแยกศุลกากร พื้นที่เขตคลองเตย
19.13 น. เหตุไฟไหม้รถยนต์ สถานที่เกิดเหตุ แยกศุลกากร ถนนเกษมราษฎร์ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ชนิดเก๋ง สีเทา หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียเฉพาะห้องเครื่อง ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายความร้อน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่สายไฟภายในห้องเครื่อง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยคลองเตย
>> ผบ.ตร. ย้ำแสดงจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของชาติ จากกรณีที่ช่องบก
19.26 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ในการอ้างสิทธิเกี่ยวกับพื้นที่ และเกิดการปะทะระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทีีผ่านมา อันอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญสูงสุดในการพิทักษ์ปกป้องรักษาชาติ และคุ้มครองอธิปไตยของดินแดนไทย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ ตำรวจตระเวนชายแดนเตรียมความพร้อมกำลัง และนำเครื่องมืออาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมในการปฏิบัติและสนับสนุนอย่างเต็มที่ กรณีการปฏิบัติการ หากกำลังพลและเครื่องมืออาวุธยุทโธปกรณ์ของหน่วยปฏิบัติการไม่เพียงพอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสนับสนุนอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำอธิปไตยของชาติไทยอย่างเด็ดขาด
พร้อมได้สั่งการให้ตำรวจพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย สืบสวนหาข่าวในพื้นที่ จัดเตรียมความพร้อมแผนปฏิบัติการ แผนเผชิญเหตุ สนับสนุนการปฏิบัติเมื่อได้รับการสั่งการ และให้กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีติดตามเฝ้าระวัง การโจมตีทางไซเบอร์ การปล่อยข่าวปลอมทางสื่อโซเชียล ให้บังคับใช้กฎหมาย ปิดกั้นกรณีที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทางเทคโนโลยีอย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้มีการแพร่กระจายข่าวหรือปล่อยข่าวปลอมที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
อีกทั้งได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มความเข้มในการคัดกรองคนต่างด้าวเข้าประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวด โดยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมทั้งด้านแผนการปฏิบัติ แผนเผชิญเหตุ กำลังพล เครื่องมือ อาวุธยุทโธปกรณ์ ให้พร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติกับฝ่ายทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำจุดยืนในการปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติ จะไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำอธิปไตยของชาติไทยอย่างเด็ดขาด พร้อมบังคับใช้กฎหมายและสนับสนุนการปฏิบัติทางยุทธการ พิทักษ์พื้นที่ชายแดนและพื้นที่ส่วนหลังอย่างเต็มกำลังความสามารถ
>> รถยนต์ชนคนข้ามถนน มีผู้เสียชีวิตเป็นชายสัญชาติจีน
21.00 น. รับแจ้งจาก อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสยามระยอง มีอุบัติเหตุ รถกระบะชนคนข้ามถนน และมีผู้บาดเจ็บการสาหัส กลางถนนหมายเลข 3191 ใกล้เคียงโรงแรมเดอะสแควร์ มาบข่า ในพื้นที่ อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง
ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ นิสสัน สีเทา ป้ายทะเบียน ระยอง จอดอยู่สภาพกระโปรงหน้ารถมีร่องรอยการชนพังเสียหาย และห่างออกไปพบร่างของผู้บาดเจ็บ 1 รายมีอาการสาหัส ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยให้การช่วยเหลือปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นผู้ชายสัญชาติจีน อายุประมาณ 30 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา
>> เพลิงไหม้รถบรรทุก 4 ล้อเล็ก บนคู่ขนานลอยฟ้า เสียหายวอดทั้งคัน
22.55 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ สถานที่เกิดเหตุ ไม่มีเลขที่ บนคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีฝั่งขาเข้ากรุงเทพ ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 4 ล้อเล็ก สีขาว ป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่คอนโซลด้านหน้ารถ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนนนท์
>> สาววัย 36 ปีขับขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุก เสียชีวิตกลางถนนภายในนิคมฯ ย่านบางปู จ.สมุทรปราการ
00.50 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุก และมีผู้เสียชีวิต ภายในซอย 14 บี ถนนนิคมอุตสาหกรรมบางปู ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีขาว ไม่พบป้ายทะเบียน ลักษณะชนท้าย รถบรรทุก 6 ล้อ อีซูซุ สีขาว ป้ายทะเบียน สมุทรปราการ ตรวจสอบใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปู
>> รถนั่งส่วนบุคคเสียหลักพลิกตะแคง ริมถนนฉลองกรุง มีผู้เสียชีวิต 1 รายถูกรถทับร่าง ส่วนอีก 1 รายเจ็บสาหัส จนท.ทำ CPR แต่ไม่เป็นผล
02.40 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลพลิกคว่ำและผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในยานพาหนะ บนถนนฉลองกรุง มุ่งหน้าต่างระดับข้ามถนนมอเตอร์เวย์ เลยซอยฉลองกรุง 2 ประมาณ 100 เมตร
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า ฟรีด สีขาว ทะเบียน กทม. ลักษณะเสียหลักพลิกตะแคง ตรวจสอบพบว่ามีผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัส ชาย 2 ราย โดยมี 1 รายนำออกมาจากตัวรถ ทางอาสาร่วมกตัญญู กำลังให้การช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ ส่วนอีก 1 รายนั้นสภาพถูกตัวรถทับร่าง ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพร่วมตรวจสอบพบว่าได้เสียชีวิตแล้ว และในเวลาต่อมา ผู้บาดเจ็บ 1 รายที่อาการสาหัส ทางเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเต็มที่แล้ว แต่ไม่เป็นผล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายเป็นชายไทย อายุประมาณ 20 - 25 ปี และมีผู้บาดเจ็บอีก 3 รายอาการไม่สาหัส กู้ภัยช่วยเหลือปฐมพยาบาล และนำส่ง รพ.จุฬารัตน์ 9 ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ฉลองกรุง
28 กรกฎาคม 2568
28 กรกฎาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ