หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2568

วันที่ 5 มิถุนายน 2568 เวลา 05:44 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2568


>> รัฐบาล ออกแถลงการณ์ ไทย-กัมพูชา ยืนยัน ปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ปัจจุบันสถานการณ์บริเวณชายแดน มีความสงบเรียบร้อย

07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย แถลงการณ์รัฐบาล “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” ยืนยันว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม

เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ขณะที่กองกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่ฝ่ายไทย ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลังจากเกิดเหตุรัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับรวมถึงนายกรัฐมนตรี ของทั้งสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะร่วมมือกันทำให้สถานการณ์กลับสู่ปกติและไม่ลุกลามบานปลาย และเห็นพ้องที่จะใช้กลไกทวิภาคีต่างๆที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งหนึ่งในกลไกนั้น คือกลไก JBC ตามที่ ผู้บัญชาการทหารบก ของทั้งสองฝ่ายได้หารือกันไว้ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ รัฐบาลทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันที่จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับประชาชน เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ 
รัฐบาล ยืนยันว่า ปัจจุบันสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทั่วไป มีความสงบเรียบร้อย ขอให้พี่น้องประชาชน มั่นใจ ว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ตามขั้นตอนในการปกป้องอธิปไตยของไทย และรักษาสิทธิทางกฎหมายของไทยอย่างครบถ้วน และเชื่อมั่นว่า ไทยและกัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ความปลอดภัย และสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดน รวมถึงความเป็นครอบครัวของ”อาเซียน”ด้วยกัน


>> พบเต่าตนุ โผล่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด บ่งชี้ความสมบูรณ์ทะเลไทย

07.30 น. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด สร้างความยินดีด้วยการพบเต่าตนุ สัตว์ทะเลหายาก บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นสัญญาณอันดีถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่

นายพิทยา สะศรีสังข์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เปิดเผยว่า เต่าตนุที่พบมีความยาวลำตัว 69 เซนติเมตร และกว้าง 62 เซนติเมตร อยู่ในสภาพมีชีวิต เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เข้าตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือในทันที ก่อนจะส่งมอบเต่าตนุตัวดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าที่ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เพื่อทำการตรวจสุขภาพและรักษาฟื้นฟูต่อไป ก่อนที่จะปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

การพบเต่าตนุในครั้งนี้เน้นย้ำถึงความสำเร็จของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และเป็นผลมาจากการดูแลรักษาพื้นที่อย่างต่อเนื่องของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ตลอดจนความร่วมมือจากชุมชนและนักท่องเที่ยวในการร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล เต่าตนุเป็นสัตว์ทะเลที่ได้รับการคุ้มครองและจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์หายาก การพบเจอครั้งนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดได้เป็นอย่างดี


>> รถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม สาวเมียนมานั่งซ้อนท้ายร่างกระเด็นถูกรถเทรลเลอร์ทับ เสียชีวิตกลางถนน

08.14 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เกิดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม คนซ้อนร่างกระเด็นเข้าใต้รถบรรทุก มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บนถนนเทพารักษ์ ขาเข้า บริเวณใกล้เคียงตลาดเยส บางพลี ในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีดำ-แดง ป้ายทะเบียน ราชบุรี ล้มคว่ำ ห่างออกไปพบรถเทรลเลอร์ ป้ายทะเบียน สมุทรปราการ จอดอยู่โดยที่ใต้ท้องรถ พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นผู้หญิง อายุ 42 ปี ชาวสัญชาติเมียนมา ทราบว่าเป็นผูัซ้อนท้ายรถ จยย. ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี


>> ขนส่งฟันโทษแท็กซี่ทิ้งผู้โดยสาร เหตุไม่ยอมขึ้นทางด่วน สั่งปรับ-พักใช้ใบอนุญาต 1 เดือน

10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปบนสื่อออนไลน์ ผู้โดยสารถูกคนขับรถแท็กซี่ให้ลงระหว่างทางเนื่องจากไม่ยอมขึ้นทางด่วน โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 68 บริเวณเยาวราชนั้น

ล่าสุด กรมการขนส่งทางบก โดยกองตรวจการขนส่งทางบก ได้เรียกตัว ผู้ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าว มาสอบสวนข้อเท็จจริง โดย คนขับรถแท็กซี่ ให้การยอมรับว่าได้กระทำตามที่ออกสื่อจริง กองตรวจการขนส่งทางบกพิจารณาแล้ว เห็นว่าพฤติกรรมของ คนขับรถแท็กซี่ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 จึงได้ดำเนินการ ดังนี้

เปรียบเทียบปรับในข้อหาพาผู้โดยสารไปทอดทิ้งระหว่างทาง ตามมาตรา 57 ประกอบมาตรา 66/2 ในอัตราสูงสุดเป็นเงิน 1,000 บาท, พักใช้ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ เป็นเวลา 1 เดือน และ ส่งเข้ารับการอบรมจิตสำนึกการให้บริการประชาชน เป็นเวลา 3 ชั่วโมงพร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากยังกระทำผิดซ้ำอีกจะพิจารณาลงโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต่อไป


>> ราชทัณฑ์ยันแล้ว "เสก โลโซ" ไม่ได้ออกมาเล่นคอนเสิร์ตนอกเรือนจำ

10.49 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีที่ เก๋ วิรังรอง น้องสาวของ กานต์ วิภากร ภรรยาเสก โลโซ โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งว่า ในวันนี้(4 มิ.ย.68) นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ เตรียมออกมาร้องเพลงข้างนอกเรือนจำฯ

ล่าสุด พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวยังไม่มีการส่งเรื่องจากเรือนจำพิเศษมีนบุรี มายังกรมราชทัณฑ์เพื่อให้พิจารณา ยืนยันไม่มีการออกมาเล่นดนตรีข้างนอกเรือนจำแต่อย่างใด และ เสก โลโซ ยังถูกควบคุมอยู่ภายในเรือนจำตามปกติ เป็นนักโทษชั้นกลาง และคณะกรรมการเลื่อนชั้น กรมราชทัณฑ์ เป็นผู้ประเมินและพิจารณาเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในระเบียบกรมราชทัณฑ์ ทุก ๆ 6 เดือน

ด้าน นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า สำหรับ เสก โลโซ ตัดสินโทษเกิน 3 ปี การพิจารณาเลื่อนชั้นจะประเมิน ปีละ 2 ครั้ง ตอนนี้เป็นนักโทษชั้นกลาง โดยจะมีการพิจารณาในเดือน ธ.ค.68 
ส่วนการออกมาเล่นดนตรีข้างนอกเรือนจำฯ ถือเป็นโครงการทักษะพิเศษ ต้องจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะเป็นผู้มีอำนาจประเมิน


>> ผู้เช่าห้องพักอพาร์ทเม้นท์ ใจกลางเมืองเบตง ได้กลิ่นเหม็นเน่า แจ้งแม่บ้านตรวจสอบ พบสาวใหญ่นอนตายขึ้นอืดคาห้อง คาดเสียชีวิตมา 3 วันแล้ว

11.30 น. พนักงานสอบสวน สภ.เบตง ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิต ภายในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา

ที่เกิดเหตุ มีเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ ผู้ดูแล และชาวบ้านในซอย ยืนอยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์ และนำเจ้าหน้าที่ไปที่ชั้น 1 ของอาคาร ติดกับโรงจอดรถ เมื่อเดินเข้าไปในตัวอาคารก็ได้กลิ่นเหม็นลอยมาเป็นระยะๆ เปิดประตูห้องก็พบร่างของผู้เสียชีวิต ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 42 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง โดยสวมเสื้อยืดสีขาวคอกลมลายสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีดำ สภาพนอนหงาย ตัวบวมขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวนไปทั้งห้อง และมีแมลงวันบินตอมเต็มไปหมด จนกู้ภัยต้องจุดธูป และใช้สเปรย์น้ำหอม ฉีดไปทั่ว

ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบบาดแผล ร่องรอยการต่อสู้ รื้อค้นข้างของแต่อย่างใด พบเพียงยาลดความอ้วน ยานอนหลับ วางอยู่ในห้องเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่จึงถ่ายรูปเก็บรายละเอียดต่างๆ พร้อมนำศพผู้เสียชีวิตไปโรงพยาบาลเบตง เพื่อให้แพทย์ ชันสูตร อย่างละเอียดอีกครั้ง และทำการติดต่อหาญาติของผู้เสียชีวิต

ชาวบ้านที่อยู่แถวอพาร์ทเมนท์ เล่าว่า ผู้เสียชีวิต มาเช่าอยู่นานแล้ว และชอบออกมานั่งคุยโทรศัพท์บริเวณด้านหน้าอพาร์ทเมนท์ ซึ่งมีคนเห็นผู้เสียชีวิตครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อวานชาวบ้านที่จอดรถในโรงจอดรถของอพาร์ทเมนท์ ที่ติดกับห้องผู้เสียชีวิต ขณะเดินไปเอารถก็ได้กลิ่นเหม็น ก็ยังคิดว่าแมวตาย แต่ก็มองหาไม่เจอ มาวันนี้ผู้ที่พักอยู่ในอพาร์ทเมนท์ ได้กลิ่นเหม็นลอยออกมาจากในห้อง จึงแจ้งแม่บ้านให้มาตรวจสอบ ก็พบเป็นศพขึ้นอืดแล้


>> กรมชลฯ ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา หลังเขื่อนภูมิพล–สิริกิติ์ชะลอการระบายต่อเนื่อง

12.16 น. กรมชลประทาน ปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งลดผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำด้านท้ายเขื่อนด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ได้ปรับลดการระบายน้ำลงเหลือวันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) ประกอบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมีปริมาณฝนลดน้อยลง จึงส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ ในอัตรา 1,196 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยตั้งแต่วันนี้ (4 มิถุนายน 2568) เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จะมีการปรับลดปริมาณการระบายน้ำจากเดิมประมาณ 1,100 ลบ.ม.ต่อวินาที เหลือประมาณ 1,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ภายในช่วงเวลา 18.00 น. ของวันนี้ ซึ่งการปรับลดดังกล่าวเป็นไปตามสถานการณ์ฝนที่เริ่มลดลงในบางพื้นที่ของตอนบน และเป็นการลดผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำด้านท้ายเขื่อน โดยเฉพาะเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี

ทั้งนี้ กรมชลประทานจะติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด


>> ไฟไหม้รถยนต์ ซอยวชิรธรรมสาธิต 25 เสียหายวอดทั้งคัน

12.34 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ สถานที่เกิดเหตุ ซอยวชิรธรรมสาธิต 25 ถนนสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ชนิดเก๋ง สีเทา ป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยพระโขนง


>> จับคาด่านฯ รวบคาสนามบินดอนเมือง หนุ่มจีนหลอกโอนเงินล้าน เตรียมหนีออกนอกประเทศ

14.30 น. เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานดอนเมือง (ตม.ทอ.ดอนเมือง) ได้รับแจ้งเบาะแสสำคัญว่ามีบุคคลต้องสงสัยกำลังเตรียมเดินทางออกนอกประเทศ ณ โถงผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 3

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม. จึงเร่งรุดเข้าดำเนินการและสามารถจับกุมตัว ชายชาวจีน วัย 38 ปี ได้ขณะกำลังเช็กอินเพื่อขึ้นเครื่องบิน มุ่งหน้าสู่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม

การจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากการตรวจสอบพบว่า ชายชาวจีน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพัทยา ในคดี "ฉ้อโกง" ซึ่งออกเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา

จากการสอบสวนเบื้องต้นเผยว่า ชายชาวจีน และผู้เสียหายเคยเป็นเพื่อนกัน โดย ชายชาวจีน ได้ใช้กลอุบายหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเหรียญดิจิทัลสกุล USDT จำนวน 38,712.77 เหรียญ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงกว่า 1.26 ล้านบาท เพื่อแลกกับเงินหยวนจำนวน 178,000 หยวน แต่เมื่อผู้เสียหายดำเนินการโอนเงินไปแล้ว ชายชาวจีน กลับบิดพลิ้ว ไม่ยอมโอนเงินหยวนตามที่ตกลงกันไว้ ทำให้ผู้เสียหายต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีในที่สุด หลังการจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ ตม.ทอ.ดอนเมือง ได้ประสานและส่งตัว ชายชาวจีน ให้กับ สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> รวบยกครัวสาวกัมพูชา ตระเวนขโมยเงินตู้บริจาควัดหลายอำเภอ ในเมืองนครศรีธรรมราช

15.17 น. พ.ต.อ.ภูวศิษฎิ์ วังแก้ว ผกก.สภ.ฉวาง จ.นครราชสีมา พร้อมชุดสืบสวน เข้าจับกุมครอบครัวหนึ่ง ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก รวม 8 ชีวิต โดยทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชา หลังตระเวนก่อเหตุงัดตู้บริจาคหลายวัด ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้ โดยเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมคนเป็นแม่ได้เป็นคนแรก ส่วนสามีเห็นว่าภรรยาถูกจับ จึงหลบหนีไปทาง อ.ทุ่งสง แต่ตำรวจได้คุมตัวได้ในเวลาต่อมา และนำตัวมายัง สภ.ฉวาง

จากการประสานกับนักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นครศรีธรรมราช ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมสอบสวน และดูแลเด็กซึ่งเป็นลูกของผู้ต้องหาจำนวน 6 คน เป็นหญิง 2 คน ชาย 4 คน โดยคนโตเป็นหญิงอายุเพียง 12 ขวบ โดยคนพ่อชื่อนายสมชาย อายุ 46 ปี เป็นคนไทย ส่วนคนแม่ อายุ 39 ปี เป็นชาวกัมพูชา ไม่มีเอกสารบุคคลต่างด้าว หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ จนกระทั่งมามีสามีและอยู่กินมาได้ราว 19 ปี มีลูกด้วยกันทั้งหมด 6 คน

นางขอ (ผู้เป็นแม่)ให้การว่า เนื่องจากไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ จึงได้ตระเวนเข้าไปลักทรัพย์เป็นเงินสดในตู้บริจาคเงินทำบุญประมาณ 2 วัด ต่อ 1 ครั้ง โดยส่วนใหญ่จะมีสามีไปส่งและมีลูกไปด้วย ได้เงินมาเพื่อใช้จ่ายในครอบครัวและให้ลูกไปโรงเรียน ซึ่งแต่ละตู้จะมีเงินไม่เท่ากัน บางตู้มีเงินแค่เหรียญไม่กี่สิบบาท บางตู้มีเงินเป็นหมื่นบาท ขณะที่นายสมชาย ยังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าได้ตักเตือนแล้ว แต่นางขอไม่ฟัง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวทั้ง 2 ส่งดำเนินคดี ส่วนลูกทั้ง 6 คน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ซื้ออาหารให้กิน จากนั้นส่งให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้ดูแลต่อไป


>> ไฟไหม้บนอาคารพาณิชย์ ซอยเฉลิมเขต 2 เพลิงลุกไหม้ห้องเก็บของเสียหายวอด

15.24 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยเฉลิมเขต 2 ถนนยุคล 2 แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคาร 5 ชั้น ประกอบกิจการ จำหน่ายอะไหล่เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ประดับยนต์ ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 4 ภายในห้องเก็บของ เพลิงลุกไหม้ห้องเก็บของเสียหายหมดทั้งห้อง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 4 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก ไฟฟ้าลัดวงจรที่หลอดไฟบนเพดาน ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสวนมะลิ


>> นายกฯ สั่ง “สาธารณสุข-คมนาคม” พิจารณาการจัดพื้นที่สูบบุหรี่ในสนามบิน

16.05 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย ได้เรียกร้องให้จัดสถานที่สูบบุหรี่ในสนามบินให้เป็นสากลเหมือนเช่นกับสนามบินทั่วโลก ว่า การจัดพื้นที่สูบบุหรี่ในท่าอากาศยานนั้นในฐานะที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินและการเดินทางของภูมิภาค และการท่องเที่ยว ซึ่งมีผู้โดยสารจำนวนมากใช้บริการท่าอากาศยานในแต่ละวัน ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารควรจัดพื้นที่สูบบุหรี่ที่เหมาะสม แยกเป็นสัดส่วนและมีระบบระบายอากาศที่ได้มาตรฐาน

โดยการดำเนินการต้องคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในระดับสากล ทั้งนี้ ควรพิจารณาทบทวนหรือแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หรือ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับบริบทการดำเนินงาน และนโยบายในปัจจุบันด้วย จึงขอมอบหมาย ให้ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (AOT) กรมท่าอากาศยาน บูรณาการความร่วมมือในการจัดพื้นที่สูบบุหรี่ภายในท่าอากาศยานให้เหมาะสม ไม่กระทบต่อผู้ไม่สูบบุหรี่ และไม่ขัดต่อกฎหมาย

ทั้งนี้ ให้ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนหรือแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับพื้นที่สูบบุหรี่ต่อไป


>> รถกระบะชนคนเดินเท้าแล้วหลบหนี คุณลุงวัย 60 กว่าปีเสียชีวิต กลางถนนสายบางระกำ - ลานกระบือ

19.22 น. รับแจ้งจาก กู้ภัยข่าวภาพพิษณุโลก มีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะไม่ทราบชนิดเฉี่ยวชนคนเดินเท้า และมีผู้เสียชีวิต กลางถนนสาย บางระกำ - ลานกระบือ ฝั่งตรงข้ามจุดตรวจนิคมสร้างตนเอง ต.หนองกุลา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

ที่เกิดเหตุ พบร่างของผู้เสียชีวิต ชาย 1 ราย มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ แต่ไม่พบรถคู่กรณี ตรวจสอบเอกสารทราบชื่อต่อมา คือ นายล่ำ อายุ 67 ปี

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางระกำ พร้อมด้วยแพทย์เวรร่วมตรวจสอบ ก่อนมอบให้อาสาสมัครนำร่างส่งชันสูตร ที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร


>> ไฟไหม้บ้านเรือน ภายในชุมชนซอยรามอินทรา 65 เสียหายวอดหลายหลัง

20.09 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ชุมชนลำชะล่า ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-2-10 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวปลูกติดกันหลายหลัง ใช้เป็นที่พักอาศัย เพลิงลุกไหม้บ้านต้นเพลิงเสียหายหมดทั้งหลัง และลุกลามบ้านข้างเคียงเสียหายทั้งหมด 4 หลังคาเรือน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 300 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางเขน


>> รวบ ‘นกแล’ มือยิงคนสวนอินทผลัมดับ อ้างปะทะอารมณ์แล้วฟิวส์ขาด

21.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน นายบอ (นามสมมุติ) หรือ นกแล ชาวกทม.ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสกลนคร คดียิงนายทองทิพย์ คนสวนอินทผลัมดับ เมื่อค่ำของวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา

จากการกดดันของ จนท.ตำรวจ อย่างหนัก จึงทำให้ผู้ต้องหาทนแรงกดดันไม่ได้และอิดโรย จึงสามารถจับกุมได้ที่บริเวณ ตลาด บ.ดงมะไฟ ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร คุมตัวมาสอบสวน ที่ สภ.ตาดโตน

เบื้องต้นอ้างเกิดโมโหฟิวส์ขาดจากการปะทะอารมณ์กัน โดนผู้ตายผลักอกและชกจึงลงมือก่อเหตุ จากนั้นหลบหนีและทิ้งอาวุธปืนของกลาง ช่วงหลบหนีไปพักในบ้านร้างและถูกกดดันหนักเริ่มอิดโรยจึงต้องหาข้าวและน้ำกินจนถูกจับกุมในที่สุด


>> คนร้ายเสื้อคลุมสีเขียว ตามมารัวยิงซ้ำคู่อริดับ 2 รายหน้าโรงพยาบาล ก่อนซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนี ตร.ปทุมธานี ตั้งชุดไล่ล่า

00.00 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีเหตุผู้เสียชีวิต 2 รายถูกยิงด้วยอาวุธปืน ที่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี

ที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายที่ถูกยิงเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเข้าไปภายในโรงพยาบาลก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อต่อมา คือ นายนรินทร์ อายุ 32 ปี และ นายมานะ อายุ 32 ปี ส่วนจุดเกิดอยู่บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลดังกล่าว พบปลอกกระสุนปืน ยังไม่ทราบชนิดและขนาดตกอยู่จำนวนหลายปลอก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหลุมแก้ว ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นทราบว่า เมื่อช่วงเวลา 22.30 น. (4 มิ.ย.) เกิดเหตุยิงกันและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ภายในซอยโรงปุ๋ย พื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว ทางญาติได้ช่วยเหลือนำทั้ง 2 รายมาส่งที่ รพ. แต่คนร้ายได้ติดตาม และมาก่อเหตุยิงที่หน้าโรงพยาบาล จนทำให้ทั้ง 2 รายนั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชาย สวมเสื้อคลุมสีเขียว ขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ได้หลบหนีไปไม่ทราบเส้นทาง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวบรวมพยานหลักฐานไล่ล่าติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ  


>> โชเฟอร์ผวา หนุ่มคล้ายนักโทษโดดขึ้นรถแท็กซี่ ชักดาบค่าโดยสาร โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ ตามจับพบพึ่งพ้นคุก พ่วงหลบหนีหมายศาล  

02.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับแจ้งเหตุจากนายชอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี คนขับรถแท็กซี่ ว่าพบผู้ต้องสงสัยวิ่งหนีออกมาจากด้านหน้าเรือนจำนนทบุรี เปิดประตูรถให้ไปส่งที่ ซอยสามัคคี 47 อ.เมืองนนทบุรี มีท่าทางลุกลี้ลุกลน เมื่อถึงที่หมาย ชายดังกล่าวกลับไม่จ่ายค่าโดยสารแล้วเดินหนีไป จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณท้ายซอยสามัคคี 47 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพบ นายนอ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำตาล กางเกงขาสั้นสีชมพู ตัดผมสั้นเกรียน จึงได้ควบคุมตัวมาที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ทำการตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นบุคคลพ้นโทษ จากเรือนจำนนทบุรี เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 68 ข้อหาเสพยาเสพติด นอกจากนี้ยังพบว่าบุคคลดังกล่าวได้หนีหมายจับระหว่างพิจารณคดี ศาลแขวงดุสิต ที่ 72/2568 ลงวันที่ 3 เม.ย.68 ในข้อหา ความผิดต่อประมวลกฏหมายยาเสพติด จึงได้ควบคุมตัวส่ง สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อตรวจสอบ

จากการสอบถาม คนขับแท็กซี่ เล่าว่า ตนจอดรถอยู่ข้างทางใกล้แยกศรีพรสวรรค์ เปิดไฟว่างเพื่อรอลูกค้า จากนั้นชายคนดังกล่าวได้วิ่งออกมาทางซอยใกล้กับเรือนจำนนทบุรี เปิดประตูรถแล้วเข้ามานั่งคู่กับคนขับ แล้วบอกตนว่าให้ไปส่งเขารีบ ตนจึงบอกว่า มาเร่งตนอย่างนี้ตนไม่ไป เขาบอกว่าถ้าอย่างนั้นเขาจะขับเอง ตนจึงบอกไปว่า รถตนเช่ามาจะมาขับได้อย่างไร เขาจึงให้ตนขับไปส่งที่ ซอยสามัคคี 47 โดยตนก็ขับมาตามถนนประชาราษฎร์ มุ่งหน้าแยกติวานนท์ ผ่านแยกแคราย เลี้ยวเข้าใต้ทางด่วนวัดบัวขวัญ ไปส่งที่ซอยสามัคคี 47 เมื่อถึงที่หมายบริเวณท้ายซอย เขาได้ให้ตนจอดรอ บอกว่าจะเข้าไปเอาเงินค่ารถในบ้าน ตนก็รออยู่เกือบ 1 ชั่วโมง เห็นทีท่าว่าคงไม่ได้เงินแน่ และนานผิดปกติจึงได้โทรแจ้ง สวพ.91 และแจ้ง 191 เพราะตนก็รู้สึกกลัว ด้วยท่าทางหันซ้ายกันขวา และเร่งรีบให้ตนขับเร็วตลอดเวลา

โชเฟอร์ กล่าวต่อว่า และจากการแต่งกาย ทรงผม และซอยที่เขาวิ่งออกมา ทำให้ตนสงสัยว่าเขาหนีมาออกมาจากเรือนจำ คิดว่าเป็นนักโทษหรือเปล่า ประกอบกับระหว่างที่นั่งรถมาก็กระวนกระวาย มองซ้ายมองขวาตลอดทาง ตนจึงหวาดกลัว แถมไม่จ่ายค่าโดยสารอีก 120 บาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติ พร้อมควบคุมตัวตามหมายจับศาลแขวงดุสิต ก่อนนำตัวส่งศาลดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


>> หนุ่มขี่รถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ ร่างกระเด็นข้ามฝั่ง เสียชีวิตกลางถนนอาจณรงค์

03.50 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำและมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนอาจณรงค์ บริเวณใกล้เคียงประตูทางเข้าการท่าเรือ สถานี 3

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า แอร์รอกซ์ สีแดง ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะพลิกคว่ำอยู่กลางถนน ห่างออกไปในฝั่งถนนตรงข้าม พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุประมาณ 25 ปี สภาพมีแผลเปิดที่ศีรษะและมีเลือดไหลจำนวนมาก ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ

 

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ