หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2568

วันที่ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 05:40 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2568


>> เพลิงไหม้ชุมชนล็อค 1-2-3 เขตคลองเตย เสียหายวอดหลายหลัง

06.19 น. สถานีดับเพลิงและกู้ภัยคลองเตย ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ ชุมชนล็อค 1-2-3 เขตคลองเตย เจ้าหน้าที่เร่งเข้าควบคุมสถานการณ์

โดยในจุดเกิดเหตุเป็นชุมชนแออัด ซอยแคบ รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าถึงได้โดยตรง เจ้าหน้าที่ต้องลากสายดับเพลิงเข้าไปภายในชุมชน พบว่าเพลิงเผาผลาญบ้านเรือนเสียหายทั้งหมด 2-3 หลัง

ด้าน หนึ่งในผู้ประสบภัย เล่าว่าขณะเกิดเหตุ กำลังเช็ดพัดลมอยู่ในบ้านตามลำพัง จู่ๆ ก็ได้กลิ่นไหม้ลอยมาจากบ้านข้างเคียง ก่อนเปลวไฟจะลุกโหมอย่างรวดเร็ว โดยมีสองสามีภรรยาซึ่งเป็นผู้เช่าบ้านต้นเพลิงวิ่งหนีออกมาอย่างโกลาหล เธอสามารถหยิบของมีค่าและเงินติดตัวออกมาได้บางส่วน ก่อนบ้านถูกเพลิงเผาวอด

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนที่ปลูกสร้างด้วยไม้ จำนวนทั้งสิ้น 5 หลังคาเรือน ส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบรวม 9 ราย ในจำนวนนี้มีผู้พิการ 1 ราย ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน


>> หนุ่มวัย 28 ปีขับรถเก๋ง ชนเข้ากองไม้ท้ายรถบรรทุก เสียชีวิตในยานพาหนะ จ.ฉะเชิงเทรา

07.00 น. รับแจ้งจากกู้ภัยพนมสารคาม มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถบรรทุกไม้ และมีผู้เสียชีวิตติดค้างในยานพาหนะ บนถนนในพื้นที่บ้านเทพเจริญ ซอย 9 ม.17 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล เชฟโลเล็ต สีฟ้ ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนกับกองไม้ ที่บรรทุกอยู่บนรถ 6 ล้อ อีซูซุ สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน ฉะเชิงเทรา

ตรวจสอบพว่ามีผู้เสียชีวิต 1 รายยังติดอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครดำเนินการเคลื่อนย้ายรถ และดำเนินการนำร่างออกมาตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 28 ปี

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าตะเกียบ พร้อมด้วยแพทย์เวรร่วมตรวจสอบ ก่อนจะมอบร่างผู้เสียชีวิตให้อาสาสมัครนำส่ง รพ.ท่าตะเกียบ เพื่อชันสูตรเพิ่มเติมและรอญาติดำเนินการตามประเพณีต่อไป


>> นายกฯ ยัน ไม่ยกเลิก ดิจิทัลเฟส 3 แค่เลื่อนออกไปในเวลาที่เหมาะสม

08.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ประจำเดือนมิถุนายน 2568 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT2HD และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญที่นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการว่า การตัดสินใจเลื่อน Digital Wallet เฟส 3 รัฐบาลต้องการจะทำรูปแบบของ Digital จริงๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น แต่พอมีกำแพงภาษีของสหรัฐฯ รัฐบาลจึงปรับเปลี่ยนแผน ตามข้อท้วงติงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึง feedback จากประชาชน ฝ่ายค้าน และทุกคน ซึ่งรัฐบาลได้นำความเห็นมารวมกันและหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศต่อการบริหารงบประมาณที่จะหมดภายใน 30 กันยายนนี้ โดยรัฐบาลมองภาพรวมของประเทศเป็นหลัก ดังนั้น รัฐบาลจึงพิจารณาเลื่อน Digital Wallet เฟส 3 ออกไป หากเศรษฐกิจดีขึ้นรัฐบาลพร้อมให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

“ยืนยัน Digital Wallet เฟส 3 ยังอยู่ การเปลี่ยนแปลงงบประมาณ เป็นเพียงแผนระยะสั้น และต่อไปจะเป็นการวางแผนระยะกลาง ระยะยาว จะต้องใช้เวลาให้เห็นเป็นรูปธรรม งบประมาณดังกล่าว ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมในระยะสั้น ซึ่งได้มีการคิดมาแล้ว และเรียงลำดับความสำคัญ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อมีปัจจัยแทรกเข้ามา จะต้องถอยออกมา รัฐบาลให้ความสำคัญต่อคนหมู่มากที่สุด อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบเหล่านี้เป็นพื้นฐานของโครงสร้างทางสังคมทั้งสิ้น และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และการนำงบประมาณไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมานั้น ต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์และคนเกิดการจ้างงานทั้งระบบให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแผนต่อไปในระยะยาว ซึ่งคือประโยชน์ที่จะได้จากการเลื่อน Digital Wallet เฟส 3” นายกรัฐมนตรี ย้ำ


>> กลุ่มชายฉกรรจ์เข้าไปขโมยบุหรี่ไฟฟ้า รปภ.เห็นจึงไล่ตามจับ แต่ถูกคนร้ายขับรถตู้พุ่งชนเสียชีวิต

08.47 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สน.ท่าเรือ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถตู้พุ่งชนรถจักรยานยนต์มีผู้เสียชีวิต บริเวณหน้าโกดังแห่งหนึ่ง ช่วงการท่าเรือแห่งประเทศไทย แขวงและเขตคลองเตย กทม.

ที่เกิดเหตุอยู่ถนนเกษมราษฎร์ พบร่างชาย อายุ 58 ปี สภาพสวมเครื่องแบบ รปภ. มีบาดแผลที่ด้านหลังศีรษะ 1 แผลและด้านหลัง 1 แผลเลือดออกจมูกจำนวนมาก นอนหงายเสียชีวิต ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ทะเบียน กทม. สภาพล้มคว่ำอยู่มีรอยชนอย่างรุนแรง และยังพบรถกระบะ สีเทา 1 คัน มีรอยเฉี่ยวชนด้านข้างซ้ายได้รับความเสียหาย

จากการสอบถามเพื่อนร่วมงาน รปภ.ให้การว่า ขณะเข้าเวรยามอยู่ได้เห็นรถตู้ สีขาว 1 คัน โดยมีชาย 5 คนต้องสงสัยเข้ามาขโมยสินค้าที่โกดังตู้คอนเทนเนอร์ โดยภายในตู้เป็นที่เก็บบุหรี่ไฟฟ้าและหัวน้ำยา จากนั้นเจ้าหน้าที่ รปภ.หลายนายจึงเข้ามาระงับเหตุ รถตู้คันดังกล่าวจึงได้ขับออกเพื่อจะหลบหนี กลุ่มเจ้าหน้าที่ รปภ.จึงได้ขับรถไล่ติดตาม รถตู้คันดังกล่าวได้ขับถอยหลังพุ่งชนรถจยย.ของเจ้าหน้าที่รปภ.จนล้มคว่ำทำให้ รปภ.เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีรถกระบะของชาวบ้านได้รับความเสียหาย หลังก่อเหตุรถตู้คันดังกล่าวจึงขับรถหลบหนี มุ่งหน้าไปห้าแยก ณ ระนอง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้วเป็นใคร อยู่ระหว่างการติดตามตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> ผนึกกำลังปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย สกัดนอมินีใช้คนไทยถือครองที่ดินแทน

09.00 น. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าปัจจุบันมีคนต่างด้าวเข้ามาถือครองที่ดินในไทย โดยใช้วิธีให้คนไทยถือครองที่ดินแทน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของกฎหมาย และยังพบว่ามีการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ สำหรับประกอบธุรกิจที่ต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว หรือธุรกิจที่คนไทยยังไม่พร้อมแข่งขัน ซึ่งเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด จนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อให้การตรวจสอบสามารถทำได้ครอบคลุมมากขึ้นนั้น

นายคารม กล่าวว่า กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการ MOU ระหว่างกันด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้คนไทยถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว และเพื่อปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย ป้องกันไม่ให้คนต่างด้าวใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ทางกฎหมายเข้ามาถือครองที่ดิน สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะส่งต่อรายชื่อนิติบุคคลเสี่ยงให้กับกรมที่ดิน ทั้งนี้ ได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่า มีนิติบุคคลที่เสี่ยงเป็นนอมินีจากการที่มีคนต่างด้าวเข้ามาถือหุ้นตั้งแต่ 0.001-49.99% ใน 6 ธุรกิจเสี่ยง จำนวน 46,918 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ จำนวน 26,038 ราย คิดเป็น 55.49% ของธุรกิจเสี่ยงทั้งหมด โดยจะดำเนินการส่งรายชื่อทั้งหมดให้กรมที่ดิน เพื่อพิจารณาประกอบการอนุญาตให้ถือครองที่ดิน และป้องกันไม่ให้คนต่างด้าวเข้ามาถือครองที่ดินต่อไป


>> “ภูมิธรรม” ยันไทยไม่เผชิญหน้ากัมพูชา เดินหน้าใช้ JBC หาทางออกปมชายแดน

09.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศสิงคโปร์ ระบุสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาคลี่คลายลง โดยทั้งสองฝ่ายยึดหลักไม่เผชิญหน้า และเตรียมประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อหาทางออกอย่างสันติ

นายภูมิธรรมเผยว่า ฝ่ายไทยมีการประสานงานใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก และกองทัพไทย โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะเข้าร่วมการหารือด้วย ย้ำไทยยึดแนวทางสันติภาพ และรักษาความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนบ้าน

ส่วนการพูดคุยในระดับรัฐมนตรีนั้น มีการสื่อสารและพบปะกับผู้นำกัมพูชาอย่างต่อเนื่องในเวทีต่าง ๆ เพื่อร่วมกันรักษาความสงบและเสถียรภาพในภูมิภาค


>> ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ชุมชนล็อค 1-2-3 เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย

09.15 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางสาวเกศจริน สามิภักดิ์ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์และเร่งสั่งการให้มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน

นอกจากนี้ ยังพบว่า ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนชุมชนล็อค 1-2-3 ได้รับผลกระทบบางส่วนจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว ผู้ว่าฯ ได้สั่งการให้สำนักงานเขตคลองเตยเร่งเข้าดำเนินการซ่อมแซมเพื่อให้สามารถกลับมาเปิดได้โดยเร็ว

ทั้งนี้ สำนักงานเขตคลองเตยได้จัดตั้ง ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ บริเวณมัสยิดนูรู้ลฮิดาย่าติ้ลอิสลาม เพื่ออำนวยความสะดวกและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด


>> ตร.สัตหีบ แจกใบสั่งนักบิด "ทริปเฮีย" เกือบ 400 ใบ ยึดรถตรวจสอบหลายสิบคัน

13.23 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีกลุ่มรถจักรยานยนต์จัดทริป “ทริปเฮีย” รวมกลุ่มมาเที่ยวในพื้นที่ หาดนางรำ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ประมาณกว่า 700-1,000 คัน ทำให้กระแสโซเชียลของชาว อ.สัตหีบ ต่างออกมาโพสต์ถึงความเดือดร้อนจากกลุ่มรถจักรยานยนต์ดังกล่าว

โดย พ.ต.ท.พัฒนนันท์ สมนวล สว.ฯ ควบคุมงานจราจร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จราจร สายตรวจ จยย. และชุดปฏิบัติการพิเศษ ชุดสืบสวน ร่วมกับตำรวจทางหลวง ตั้งด่านตรวจสอบตาม พ.ร.บ.จราจร บนถนน หมายเลข 3126 ทางเข้าหาดนางรำ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังมีรายงานข่าวว่ามีกลุ่มรถจักรยานยนต์จัดทริป “ทริปเฮีย” รวมกลุ่มมาเที่ยวในพื้นที่ หาดนางรำ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ประมาณกว่า 700-1,000 คัน ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน

หลังจากได้ตั้งด่านกวดขัน ตรวจสอบจักรยานยนต์ท่อดัง ดัดแปลงสภาพ ไม่มีเอกสาร ไม่มีใบขับขี่ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่สวมหมวกกันน็อก พบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.สัตหีบ ได้เขียนใบสั่งไปทั้งหมดเกือบ 400 ใบ ในข้อหาผิด พ.ร.บ.จราจร ทางบก ส่วนมากผิดข้อหา ท่อดัง, ดัดแปลงสภาพ และไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมทั้งยังได้ตรวจยึดจักรยานยนต์มาตรวจสอบหลายสิบคัน


>> รมว. อุตสาหกรรม ปิดเกมแก๊งฟอกฝุ่นแดง รวบ 3 บริษัทตัวการลักลอบ ผลิต - ส่งออก กากอุตสาหกรรม

14.00 น. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เผยความคืบหน้าคดี “ฝุ่นแดง” โดยมอบหมายทีม “สุดซอย” ลงพื้นที่ตรวจโรงงานเหล็ก 11 แห่ง พบขบวนการฟอกฝุ่นนำของเสียอันตรายมาผลิตเป็นสังกะสีแท่งและผง ก่อนส่งออก

จุดสำคัญคือโรงงานในนิคมฯ อมตะซิตี้ ระยอง พบ นายพาน เป็นเจ้าของกิจการและยอมรับว่าควบคุมอีก 2 บริษัทในเครือ ใช้โครงสร้างธุรกิจรับกาก-ผลิต-แปรรูป-ส่งออก ครบวงจร ทั้งนี้ บริษัทฯ ถูกดำเนินคดีทั้งจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมฯ ฐานใช้เอกสารปลอม-ผลิตไม่ได้รับอนุญาต-นำเข้าของเสียผิดกฎหมาย

นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าชุด “สุดซอย” ย้ำว่า นี่คือตัวการสำคัญของขบวนการฟอกฝุ่นแดง การสืบสวนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปิดเกมเครือข่ายผิดกฎหมายในวงการอุตสาหกรรม


>> นายกฯ เปิดงาน บางกอกไพรด์ 2025 ยืนยัน รัฐบาลสนับสนุนสิทธิเสรีภาพ

14.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน Bangkok Pride Parade 2025 โดยนายกฯ สวมชุดเดรสกระโปรงสีรุ้ง

โดย นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาร่วมงานภายในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ 4 แล้วรู้สึกว่าเป็นปีสดใส รัฐบาลสนับสนุนในเรื่องเสรีภาพ สิทธิ และความเป็นตัวเอง อย่างชื่องาน Born This Way รักในการเกิดมาเป็นตัวของตัวเอง มีสิทธิ์ที่จะได้รับการดูแลจากรัฐบาล ไม่ว่าเราจะเป็นใครเป็นแบบไหน รัฐบาลสามารถให้ความให้ดูแลอย่างทั่วถึงได้ คือสิ่งที่รัฐบาลผลักดันและปีนี้เป็นปีหนึ่งที่น่าภูมิใจมาก เพราะกฎหมายสมรสเท่าเทียม เราได้บังคับใช้แล้วยินดีกับประเทศไทย ยินดีกับคนไทยทุกคนจริงๆ

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า วันนี้ขอให้สนุกเต็มที่ เป็นตัวของตัวเอง และรักในการเป็นตัวของตัวเอง เราไม่ได้ทำร้ายใคร เราเป็นเรา เราจะแต่งตัวแบบไหน เราจะหน้าตาแบบไหน เราจะเปลี่ยนเป็นอะไรยังไง เราก็เป็นเราที่สามารถเป็นคนดี และสามารถเป็นคนไทยที่มีกฎหมายควบคุม และดูแลเราทุกๆคนได้ ขอยินดีกับคนไทยทุกคน และขอเปิดงานอย่างเป็นทางการ

จากนั้น นายกฯ ได้ร่วมริ้วขบวนจากสนามเทพหัสดินมายังหน้าอาคารสยามเซ็นเตอร์ และปีนี้นายกรัฐมนตรี ยังให้เกียรติมอบธงไพรด์ประจำจังหวัด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การเปิดเทศกาลเฉลิมฉลองเดือนไพรด์ เพื่อส่งต่อเจตนารมณ์ให้กับ Pride City Network


>> เด็กชายวัย 13 ปีจมน้ำต่อหน้าเพื่อน เสียชีวิตในแม่น้ำปัตตานี พ่อแม่ร่ำไห้แทบขาดใจ

14.30 น. เจ้าหน้าที่​ตำรวจ​ สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุเด็กจมน้ำบริเวณแม่น้ำปัตตานี พื้นที่ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี

ที่เกิดเหตุ พบประชาชนจำนวนมากยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ โดยมีบางรายลงไปช่วยค้นหาร่างของเด็กชายที่จมหายไปแล้ว แต่ยังไม่พบตัว เจ้าหน้าที่ประดาน้ำจึงลงพื้นที่ปฏิบัติงานโดยทันที กระทั่งเวลาประมาน 15.10 น. เจ้าหน้าที่สามารถพบร่างของเด็กชายผู้ประสบเหตุ โดยใช้เวลาค้นหาประมาณ 20 นาที จากนั้นนำขึ้นมาบนฝั่ง ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าสะเทือนใจ จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิต เด็กชาย อายุ 13 ปี ภูมิลำเนาอยู่ชาวเมืองปัตตานี

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าในขณะเกิดเหตุ เด็กชายผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยกลุ่มเพื่อน กำลังลงเล่นน้ำในแม่น้ำปัตตานีอย่างสนุกสนาน ระหว่างนั้นผู้เสียชีวิตเกิดมีอาการเหมือนตะคริวที่ขา จึงพยายามเกาะหลังเพื่อนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เพื่อนที่ถูกเกาะเริ่มหมดแรง และจำเป็นต้องว่ายกลับเข้าฝั่ง ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตหลุดจากการเกาะและจมหายไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ

เพื่อน ๆ จึงรีบร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกนั้น เมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงจึงรีบมาที่เกิดเหตุและพยายามลงน้ำช่วยค้นหา แต่ไม่ทันการณ์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ประดาน้ำเดินทางมาถึงและสามารถนำร่างขึ้นมาจากน้ำได้ในเวลาต่อมา

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายร่างของผู้เสียชีวิตส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปัตตานี เพื่อทำการชันสูตรพลิกศพและหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด ก่อนจะมอบร่างคืนให้ญาตินำไปประกอบพิธีตามหลักศาสนาต่อไป


>> โฆษก ทบ.ยัน กัมพูชา อ้างสิทธิ์พื้นที่พิพาทชายแดน ไร้ผลตามหลักสากล

16.00 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึง กัมพูชาอ้างสิทธิ์พื้นที่พิพาทชายแดนชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า การอ้างสิทธิ์พื้นที่ชายแดนของกัมพูชาไม่มีผลตามหลักสากล ย้ำปัจจุบันใช้กติกาตามที่ตกลงร่วมกันผ่านกลไกคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดน (JBC) โดยมองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นฝ่าย กัมพูชากล่าวอ้างสิทธิ์ในบางพื้นที่บริเวณชายแดน เนื่องจากแต่ละฝ่ายต่างยึดถือตามหลักฐานอ้างอิงที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างทราบดีว่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างกันไปมาเท่านั้น และยังไม่มีผลต่อพื้นที่เขตแดนจริง ตามข้อตกลง ผู้ที่สามารถระบุเขตแดนระหว่างประเทศคือ คณะกรรมาธิการปักปันเขตแดน (JBC) ดังนั้นฝ่ายไทยจึงเน้นการอยู่ร่วมกันในพื้นที่ ภายใต้กฎกติกาและข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้กำหนดร่วมกันเป็นสำคัญ

“ยืนยันว่าในทุกเหตุการณ์ที่ทหารฝ่ายไทยได้แสดงออก ล้วนเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ตามหลักกติกาสากล และได้เตรียมความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ยังต้องรอฟังผลการหารือในระดับ JBC ต่อไป” พล.ต.วินธัย กล่าว


>> พายุล้มต้นไม้ขวางถนน ชายหนุ่มโชคร้ายขี่ จยย.ชนเข้าเต็มๆ บาดเจ็บสาหัสก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.

19.30 น. รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัยสว่างอุทยานฯ มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับต้นไม้ที่ล้มขวางถนน และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนสายพานทอง - บางหัก ช่วงก่อนถึงวัดบางหัก อ.พานทอง จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ ป้ายทะเบียน ชลบุรี ล้มคว่ำสภาพรถพังเสียหาย และใกล้กันพบร่างของผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 45 ปีสวมหมวกนิรภัยนอนคว่ำหน้า ตรวจสอบอาการของผู้บาดเจ็บสาหัส หมดสติ ปลุกไม่ตื่น ตรวจพบไม่มีชีพจร ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยเร่งทำการ CPR และประสานทีมแพทย์โรงพยาบาลพานทอง ร่วมช่วยเหลือและนำส่ง รพ. และรับแจ้งจากโรงพยาบาลพานทองผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทอง


>> คนร้ายลอบวางระเบิด และยิงจุดตรวจ กองร้อยทหารพรานที่ 4614 เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย

20.10 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ลอบวางระเบิดรถประชาชน และใช้อาวุธปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่จุดตรวจหน้าฐานปฏิบัติการ กองร้อยทหารพรานที่ 4614 ขณะที่ตั้งจุดตรวจหน้าฐานปฏิบัติการ เหตุเกิดในพื้นที่บ้านปอเนาะ หมู่ 6 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

จากการตรวจสอบขั้นต้น เจ้าหน้าที่ได้ยิงปะทะกับคนร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่นำส่ง โรงพยาบาลรือเสาะ และเสียชีวิตในเวลาต่อมาจำนวน 1 นาย ทราบชื่อ อส.ทพ.ไมตรี บุดดา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด ในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี


>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง มีผู้เสียชีวิตกลางถนนสาย 304

20.13 น. รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัย ฮุก 31 จุดไทยสามัคคี มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง และมีผู้บาดเจ็บอากาสาหัส บนถนนหมายเลข 304 ฝั่งขาเข้า จ.นครราชสีมา ในพื้นที่ บ้านบุตะโก ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก กึ่งพ่วง วัตถุไวไฟ สีขาว ป้ายทะเบียน นครศรีธรรมราช ลักษณะชนกับรถจักยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีดําแดง ป้ายทะเบียน นครราชสีมา ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 50 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว

>> แผ่นดินไหว ประเทศเมียนมา

04.09 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.1 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 323 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย 
 

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ