วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 11:53 น.
วันนี้ (30 พ.ค.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วานนี้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ “ทีมสุดซอย” กระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบ บริษัท ฟงหงษ์หยวนเฮง รับเบอร์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการรีไซเคิลยาง ตั้งอยู่ที่ ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง โดยร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากได้รับเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ว่ามีรถบรรทุกลักลอบขนเศษยางนำเข้าจากประเทศกัมพูชา ผ่านทางชายแดน จ.สระแก้ว มายังบริษัทดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะเข้าตรวจค้น พบเพียงอาคารลักษณะโกดังโล่ง ไม่มีสิ่งของหรือผู้ใดอยู่ในพื้นที่ โดยประชาชนละแวกนั้นให้ข้อมูลว่า บริษัท ฟงหงษ์หยวนเฮงฯ เพิ่งขนย้ายเครื่องจักรและเศษยางออกไปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ทีมสุดซอย ได้แกะรอยขยายผลจนได้เบาะแสเพิ่มเติมว่า มีการย้ายเครื่องจักรและเศษยางไปไว้ที่ บริษัทแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี เมื่อไปตรวจสอบ ก็พบเครื่องจักรและเศษยางกว่า 5 พันตัน โดยกรรมการบริษัทชาวไทยสารภาพว่าบางส่วนเป็นเศษยางที่ลักลอบนำมาจากประเทศกัมพูชา และอ้างว่าแฟนหนุ่มชาวจีนเป็นผู้ประสานงานจัดการทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบการกระทำความผิดอีกหลายข้อหา เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมกรรมการบริษัทชาวไทยไปแจ้งความดำเนินคดีในทุกข้อหา และหากพบการกระทำความผิดอีกก็จะแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป” นายเอกนัฏ ระบุ
นางสาวฐิติภัสร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบ บริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ซึ่งประกอบกิจการหั่น ตัด บด รียางแผ่นเพื่อส่งออกต่างประเทศ มีนางสาว บี (นามสมมติ) เป็นกรรมการบริษัท และพบว่าเพิ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ตรวจค้นภายในโรงงานพบเครื่องจักรที่คาดว่าขนย้ายมาจากจังหวัดระยอง และพบเศษยางกว่า 5 พันตัน เบื้องต้นบริษัทฯ แจ้งว่าเศษยางบางส่วนนำเข้าผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง แต่เมื่อสอบถาม นางสาว บี (นามสมมติ) กรรมการบริษัท ยอมรับว่าเป็นเศษยางที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศกัมพูชา โดยแฟนหนุ่มชาวจีนเป็นผู้ติดต่อประสานซื้อขายทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบใบขนสินค้าขาเข้าที่สำแดงพิกัดสินค้าเป็นเศษยางจากประเทศเบลเยียม ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะนำเศษยางรถยนต์และยางรถยนต์ที่ใช้แล้วมาเข้ากระบวนการตัด บดย่อย รีดเป็นแผ่นแปรรูปยาง ซึ่งเป็นการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงยึดอายัด และประทับตรายางเครื่องจักรทั้งหมด พร้อมจับกุมตัว นางสาว บี (นามสมมติ) กรรมการบริษัท ไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ ด้วยข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติโรงงาน และเป็นนายจ้างรับบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
นางสาวฐิติภัสร์ เปิดเผยอีกว่า ได้มอบหมายให้ ทีมสุดซอยอีกชุด ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ฉะเชิงเทรา ปลัดอำเภอพนมสารคาม เจ้าหน้าที่เทศบาลเขาหินซ้อน บก.ปทส. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสจ.) ภาค 13 ลงพื้นที่ บริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีการแจกดินปนเปื้อนเศษพลาสติก ซึ่งนับว่าเป็นวัตถุอันตรายให้กับประชาชนในพื้นที่นำไปถมที่ดิน จนเกิดผลกระทบมีกลิ่นเหม็นแสบจมูกหลังจากถมที่ดินแล้ว
จากการเข้าตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวประกอบกิจการคัดแยกของเสียประเภทเศษเปลือกสายไฟ เศษพลาสติก เศษยาง ชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งมีความผิดในข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และเดิมมีการปล่อยเช่าที่ดินให้ชาวจีนเพื่อลักลอบเก็บกากอุตสาหกรรมเพื่อจำหน่าย เมื่อกักตุนไว้จำนวนมาก จึงต้องการระบายออกโดยการแจกจ่ายให้ชาวบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงทำการยึดเครื่องจักร วัตถุดิบ และกากของเสีย พร้อมดำเนินคดีกับบริษัทในข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต
"ผู้ประกอบการที่ครอบครองวัตถุอันตรายถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และอาจสร้างผลกระทบต่อประชาชน กระทรวงอุตสาหกรรมจึงต้องเร่งมือผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจ จับ และดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด หากท่านใดมีเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งผ่านแพลตฟอร์ม "แจ้งอุต" ในระบบ ทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue) ได้ทันที หลังรับแจ้งจะมีการตรวจสอบข้อมูลและสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น ก่อนส่ง ทีมสุดซอย ลงจัดการปัญหาเพื่อปราบปรามและกวาดล้างขบวนการเหล่านี้ให้หมดไปจากอุตสาหกรรมไทยโดยเร็ว" นางสาวฐิติภัสร์กล่าว
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ