หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 26 พฤษภาคม 2568

วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เวลา 05:45 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 26 พฤษภาคม 2568


>> ต้นไม้โค่นทับรถ พ่อ-แม่เสียชีวิต ส่วนลูกสาวได้รับบาดเจ็บ

08.30 น รับแจ้งเหตุต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับรถยนต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย บาดเจ็บอีก 1 ราย บนถนนสายบ้านหนองนกเขียน - ตำบลโชคชัย อำเภอนิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร

ที่เกิดเหตุ พบต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน มุกดาหาร สภาพห้องโดยสารยุบ ในรถพบผู้เสียชีวิตเป็นคนขับ เป็นชายอายุ 54 ปี ส่วนหญิงที่นั่งข้างเป็นภรรยา อายุ 49 ปี ก็เสียชีวิตเช่นกัน โดย สภาพศีรษะถูกทับ ส่วนลูกสาวอยู่ในแคปด้านหลังคนขับบาดเจ็บไม่มาก

ก่อนเกิดเหตุ 3 คนพ่อแม่ลูก เดินทางออกจากบ้านเพื่อที่จะไปเยี่ยมญาติที่ป่วยอยู่ที่ โรงพยาบาลนิคมคำสร้อย โดยคาดว่าระว่างขับรถผ่าน ต้นไม้ได้ล้มลงมาพอดีจึงทำให้ทับลงบริเวณห้องคนขับด้านหน้าทำให้ คนขับ เป็นอายุ 54 ปี และ คนนั่งข้างคนขับ เป็นหญิง อายุ 49 ปี ทำให้เสียชีวิตทันที่ ส่วนลุกสาวอายุ 16 ปีได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งโรงพยาบาล

จากการสอบถามที่เห็นเหตุการณ์คนแรก เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนขับรถจะกลับบ้านแล้วก็มาเจอ ต้นไม้ล้มลงมาทับรถกระบะคันดังกล่าวจึงได้เดินเข้าไปดู พบว่าด้านหน้าบริเวณห้องคนขับยุบลงไปทับตัว และศีรษะของผู้เสียชีวิตทั้งสองคน ส่วนด้านหลังพบว่ามีเด็กวัยรุ่นผู้หญิง ได้รับบาดเจ็บ จึงแจ้งกู้ภัยเข้าช่วยเหลือเอาผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตออกมาจากตัวรถดังกล่าว


>> สืบภาค 2 บุกค้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์กลางพัทยา พบ 3 ต่างชาติ ลักลอบทำงาน โดยไม่ได้รับอนุญาต

10.11 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนภาค 2 และ ตม.จว.ชลบุรี นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา เข้าตรวจค้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ย่านพัทยาใต้ จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสอบแรงงานต่าวด้าวลักลอบทำงานโดยผิดกฏหมาย รวมถึงตรวจยึดสิ่งของผิดกฏหมาย 
จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าว เปิดเป็นสำนักงานซื้อขายบ้านพักที่ดินขนาดใหญ่ ในอาคารพาณิชย์รวม 4 คูหา มีด้วยกันทัังหมด 3 ชั้น ตำรวจจึงอ่านหมายค้นให้ นายคำ (นามสมมุติ) CEO ประธานกรรมบริษัท รับทราบถึงวัตถุประสงค์ จากการกระจายกำลังตรวจโดยตรวจชั้น 1-2 ทำเป็นที่บริการรับรองลูกค้า ส่วนชั้นที่ 3-4 เปิดเป็นออฟฟิศมีด้วยกันหลายแผนก ประกอบด้วยแอดมินฝ่ายบริการด้านทำความสะอาดและซ่อมแซม แอดมินฝ่ายเจาะทรัพย์ ผู้ช่วยเซลส์ และการตลาด โดยมีพนักงานคนไทย-ต่างชาติ จำนวนมาก กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ขณะที่บางส่วนก็กำลังพูดคุยบริการลูกค้า

จากนั้นตำรวจจึงทำการคัดแยก พบว่ามีพนักงานในออฟฟิศทั้งหมดรวม 79 คน โดยแบ่งเป็นพนักงานต่างชาติจำนวน 16 คน จากการตรวจสอบพบว่า มีพนักงานต่างชาติ ฝ่ายการตลาดจำนวน 3 คน ทำงานไม่มีใบอนุญาต โดยบอกว่าอยู่ในระหว่างการยื่นขออนุญาต ส่วนพนักงานคนไทยพบว่าทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตำรวจจึงควบคุมตัวพนักงานต่างด้าวทำงานโดยผิดกฏหมายส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนบริษัทดังกล่าวตรวจสอบแล้วพบว่าเปิดอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และยังไม่พบความผิดอื่นๆ นอกจากต่างด้าวลอบทำงาน


>> รถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักฟาดเสาไฟ ริมถนนหมายเลข 24 มีผู้บาดเจ็บเป็นพระภิกษุ มีสาหัส ก่อนไปมรณภาพที่ รพ.

10.15 น. รับแจ้งจาก กู้ภัยจานใหญ่กตัญญู มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักชนเสาไฟส่องสว่าง และมีผู้บาดเจ็บติดค้างภายในยานพาหนะ ริมถนนหมายเลข 24 ช่วงทางหลับรถใกล้เคียงทางเข้าเรือนรักรีสอร์ท ตำบลจานใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า สีน้ำเงิน ลักษณะชนอัดเข้ากับเสาไฟส่องสว่าง ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย มีอาการสาหัสและหมดสติ ทางอาสาสมัครต้องใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถเพื่อนำร่างออกมา ก่อนจะส่งมอบให้รถกู้ชีพดำเนินการนำส่ง รพ.ศรีสะเกษ และได้รับแจ้งว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบ เป็นพระภิกษุ อายุประมาณ 50 - 60 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป


>> หมอธีระ ชี้โควิดระบาด แรงกว่าไข้หวัดใหญ่ 10 เท่า

12.31 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากสถานการณ์ ของโควิด-19 ที่กลับมาระบาดรุนแรงอีกครั้ง ล่าสุด นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

"สัปดาห์ที่ผ่านมา โควิด-19 มากกว่าไข้หวัดใหญ่ 10 เท่านะครับ แม้ตัวเลขขณะนี้ เคสสัปดาห์ที่ 21 (18-24 พ.ค.) จะอยู่ที่ 53,597 ราย ตาย 5 ราย แต่ติดตามต่อไป delayed report อาจทำให้สูงขึ้นกว่านี้ได้อีกมาก ดังที่เห็นจากสัปดาห์ที่ 20 ที่โป่งจาก 33,168 ราย ตาย 2 ราย เพิ่มไปเป็น 57,386 ราย และตายไปถึง 13 รายแล้ว"


>> เพลิงไหม้บ้าน ย่านพระยาสุเรนทร์ซอย 35 เสียหายวอดทั้งหลัง

13.19 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยพระยาสุเรนทร์ 35 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวโครงสร้างเหล็กพื้นไม้ 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัยและจำหน่ายเสื้อผ้าถุงเท้า ต้นเพลิงเกิดขึ้นชั้นล่าง เพลิงลุกไหม้เสียหาย 4 ห้องนอน และห้องไว้สำหรับเก็บเสื้อผ้าและถุงเท้าเพื่อรอการจำหน่าย พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 120 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่ทราบสาเหตุเนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 ราย เป็นเพศชาย อายุประมาณ 66 ปี ถูกของมีคมบาดบริเวณแขนและฝ่าเท้าด้านขวา อาสาสมัครปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุและนำตัวส่งโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางชัน


>> รถนั่งส่วนบุคคล ชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต 2 รายเป็นคุณตาและคุณยาย กลางถนนหมายเลข 340

14.25 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคล ชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 340 ฝั่งขาเข้า จ.สุพรรณบุรี ช่วงทางกลับรถใกล้เคียงวัดสามชุก ในพื้นที่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า สีขาว ป้ายทะเบียน ประจวบคีรีขันธ์ ลักษณะชนอัดติดอยู่กับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีเทา ป้ายทะเบียน กระบี่ ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 72 ปี และหญิงไทย อายุ 84 ปี และพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นหญิงไทย อายุ 19 ปี ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.สามชุก ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามชุก


>> “อนุทิน”เผย มิ.ย.นี้ รู้ผลสอบตึก สตง.ถล่ม ด้าน DSI ส่งคดีฮั้วตึกให้ ป.ป.ช. เป็นไปตามกฎหมาย

14.46 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการสอบสวนสาเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ภายหลังที่มีกระแสข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จะส่งสำนวนคดีฮั้ว 3 สัญญา (ก่อสร้าง ออกแบบ คุมงาน) ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ในส่วนนั้นเป็นเรื่องกฎหมายฮั้ว แต่กระทรวงมหาดไทยดูเรื่องเหตุที่ทำให้อาคารถล่มลงมา ขณะที่การประชุมของคณะกรรมการที่ตั้งมาสอบสวน ก็มีหลายวาระ และงวดเข้ามาทุกที

นายอนุทิน ย้ำว่า เรื่องดังกล่าวมีผลกระทบกับการให้ข้อมูล เราต้องมั่นใจ 100% ว่าอะไรผิดตรงไหน คนที่ออกมาพูดก็ต้องกังวลเพราะจะเป็นเรื่องภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ อีกทั้งต้องรอการพิสูจน์ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิศวะกรรม เมื่อมีข้อมูลการพิสูจน์ออกมาแล้วก็ต้องเหมือนกันทุกหน่วยที่ตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ข้อมูลจากการสอบสวน ตนทราบว่าสาเหตุของตึกถล่มเป็นไปในทางเดียวกันแล้ว

นายอนุทิน ทิ้งท้ายว่า ข้อสรุปน่าจะเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายนนี้ เพราะกำหนดกรอบไว้ให้ 3 เดือน ขณะนี้ก็งวดเข้ามาเต็มทนแล้ว


>> DSI ส่งสำนวนจำนวน 46 ลัง 17,000 หน้า สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินี ให้อัยการแล้ว

15.18 น. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวภายหลังประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือ คดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด กรณีโครงการก่อสร้างอาคาร สตง.ถล่ม ระบุว่า

“พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องต่ออัยการคดีพิเศษ มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน เป็นนอมินีคนไทย 3 คน นายชวน และนายบิน ที่ยังหลบหนีอยู่และการข่าวพบว่ายังอยู่ในไทย เชื่อว่าจะจับกุมตัวได้โดยเร็ว ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าวกำลังเร่งติดตามตัว ยังไม่มีการประสานเข้ามอบตัว โดยการสอบสวนยังพบว่านอมินีคนไทยเกี่ยวข้องมีตำแหน่งในอีก 17 บริษัท ซึ่งดีเอสไอจะแยกสำนวนเป็นอีกคดี เพื่อสืบสวนขยายผล ทั้งนี้ หากอัยการต้องการให้สอบสวนเพิ่มในประเด็นใดก็ดำเนินการได้”

ส่วนกรณีมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ สตง. มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ก่อให้เกิดความเสียหายเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ดีเอสไอจะต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ หาก ป.ป.ช.พิจารณาแล้วให้ดีเอสไอทำต่อหรือให้ตั้งอนุกรรมการสอบสวนต่อ ดีเอสไอก็พร้อม สำหรับสำนวนที่จะส่งถึงอัยการวันนี้ มีจำนวน 46 ลัง 17,000 หน้า


>> รวบหนุ่มต่างชาติ ก่อเหตุปล้นทรัพย์ มีหมายแดงอินเตอร์โพล หนีกบดานในไทย

16.26 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุมชายชาวต่างชาติ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 คดีหมายเลขดำ และคดีหมายเลขแดง ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปล้นทรัพย์” โดยจับกุมได้ บริเวณท่าเรือแห่งหนึ่ง ม.4 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

พฤติการณ์ เมื่อปลายปี 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม ได้รับการประสานจากหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ สหราชอาณาจักร (NCA) ให้ติดตามตัว ซึ่งคนร้ายรายนี้ เป็นบุคคลที่ทางการสหราชอาณาจักรต้องการตัว ขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้ความรุนแรง แล้วหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย จากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวนจนกระทั่งพบตัว อยู่กับแฟนสาวสัญชาติยูเครน ระหว่างที่ชุดจับกุมนำกำลังเข้าพื้นที่ พบว่าคนร้ายกับแฟนสาว ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก และไปจอดที่บริเวณท่าเรือ ม.4 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและจับกุมตัวได้ ก่อนจะประสานกับพนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ สหราชอาณาจักร (NCA) เพื่อนำตัวส่งศาลอาญา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป​ ซึ่งจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา


>> นายกฯ แพทองธาร พร้อมผู้นำอาเซียน ร่วมพิธีลงนาม “ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045”

17.15 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีลงนาม “ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045: อนาคตร่วมกันของเรา”

โดย นายกฯ มาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ปี 2568 ลงนามเป็นลำดับแรก และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในฐานะประธานอาเซียน ปี 2569 ตามด้วยประเทศสมาชิกตามลำดับชื่อประเทศภาษาอังกฤษ โดยนายกฯ ไทยได้ลงนามเป็นลำดับที่ 6

วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2045 พร้อมทั้งแผนยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว มีความครอบคลุมในด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ความเชื่อมโยงและการเสริมสร้างความเข้มแข็งเชิงสถาบัน เพื่อให้บรรลุการเป็นประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

การลงนามในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือรอบด้านระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงประเทศนอกภูมิภาค


>> น้ำป่าดอยขุนตาล ไหลเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.เกาะคา จ.ลำปาง ได้รับผลกระทบประมาณ 10 หลังคาเรือน

17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง ส่งผลให้ปริมาณน้ำจากลำห้วยแม่ตาลเพิ่มสูงและไหลหลากทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ บ้านม้าเหนือ และ บ้านม้ากลาง ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง

น้ำจากลำห้วยแม่ตาล ได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน เบื้องต้นมีรายงานความเสียหายแล้วประมาณ 10 หลังคาเรือน บางจุดน้ำไหลดันท่อระบายน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ขณะนี้ชาวบ้านได้เร่งนำกระสอบทรายมากั้นน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเพิ่มเติม

ขณะที่ในพื้นที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมยังน่าเป็นห่วง โดยชาวบ้านในหลายหมู่บ้านของ ต.ลำปางหลวง ต่างเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่ท่วมครั้งนี้มาจากฝนตกหนักทางตอนเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ซึ่งน้ำจากภูเขาดอยขุนตาลได้ไหลมาตามลำห้วยแม่ตาลและเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของประชาชน รายงานเบื้องต้นพบว่า ทุ่งนาของชาวบ้านในพื้นที่ ต.ลำปางหลวง ถูกน้ำท่วมเสียหายแล้วกว่า 20 ไร่


>> ตำรวจทางหลวง กวาดล้างจับกุมรถเถื่อน ใช้การปลอมเอกสารราชการ - สวมทะเบียน ดัดแปลงตัวถัง

18.00 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จากสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 3 จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมของกลาง คือ รถยนต์ จำนวน 4 คัน โดยแจ้งข้อหา “มีและใช้เอกสารราชการปลอม” ตามกฎหมายมาตรา 268 นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถต้องสงสัย จำนวน 8 คัน

พฤติการณ์ ด้วยตำรวจทางหลวงชลบุรี ในห้วงวันที่ 21 เม.ย.-20 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งการร้องเรียน ผ่านทางสื่อออนไลน์และเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามตามพื้นที่ต่างๆ กรณีได้รับใบสั่งจำนวนหลายใบจากเจ้าพนักงานจราจร ส่งผลให้ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชลบุรีติดตามสืบสวน จนพบรถที่นำไปกระทำความผิด ซึ่งมีการนำแผ่นป้ายทะเบียนที่ผิดกฎหมาย และป้ายทะเบียนที่ไม่พบข้อมูลในระบบขนส่งมาใช้งาน จึงได้ระดมสืบสวนจับกุมข้อหา“มีและใช้เอกสารราชการปลอม”

ต่อมาผู้ต้องหาให้การว่า ได้ทำการซื้อรถยนต์ที่ติดพร้อมแผ่นป้ายทะเบียนและแผ่นป้ายภาษีมาจากตลาดมืด ผ่านช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊กเพจรถหลุดจำนำมือสอง บางรายมีการนำข้อมูลรถของผู้อื่น มาทำแผ่นป้ายทะเบียนหรือแผ่นป้ายภาษีขึ้นมาใหม่นำมาสวมใส่รถตนเองในเหมมือนเป็นลักษณะ “รถแฝด” และบางรายซื้อมาจากร้านค้าหรือร้านรับทำป้ายปลอมย่านพัทยา ซึ่งอยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูลสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดเชียงใหม่

19.39 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 1.3 ความลึก 2 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ไม่มีรายงานผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน


>> ไฟไหม้บ้านเรือน ซอยลาดพร้าว 41 ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ สาเหตุคาดเกิดจากจุดธูปเทียนทิ้งไว้

23.05 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดหตุ ซอยลาดพร้าว 41 แยก 6 -11 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นชั้นบน ภายในห้องพระ เพลิงลุกไหมเสียหายเฉพาะโต๊ะหมู่บูชา พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 1 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนเจ้าหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควัน

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น สาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากจุดธูปเทียนทิ้งไว้ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดพร้าว


>> รถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ เชิงขึ้นสะพานข้ามคลองบางกอกน้อย ผู้บาดเจ็บอาการสาหัส กู้ชีพ-กู้ภัยทำ CPR แต่ไม่เป็นผล

23.30 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนบรมราชชนนี ขาออก ช่วงทางโค้งเชิงขึ้นสะพานข้ามคลองบางกอกน้อย ในพื้นที่เขตบางพลัด กทม.

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ฟอร์ซ่า สีขาว ป้ายทะเบียน 1451 กทม.ล้มคว่ำสภาพรถพังเสียหาย และห่างออกไปพบร่างของผู้บาดเจ็บ 1 ราย มีอาการสาหัสและหมดสติ ทางอาสาสมัครเร่งช่วยเหลือปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 25 - 30 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน


>> เพลิงไหม้โรงอัดถ่าน ซอยคลองสิบ-สิบสี่ 7 พื้นที่เขตหนองจอก

01.06 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ไม่มีเลขที่ ซอยคลองสิบ-สิบสี่ 7 ถนนคลองสิบ-สิบสี่ แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นเพิงพักชั้นเดียว ประกอบกิจการถ่านอัดแท่ง โครงสร้างไม้หลังคาเมทัลชีท เพลิงลุกไหม้เสียหายถ่านอัดแท่งและชั้นวางของ พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 5 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควัน

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่สายไฟที่หลังคา ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหนองจอก  


>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา    

05.14 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.3 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 372 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย 

 

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ