หน้าแรก > อาชญากรรม

รอลุ้น! 4 จำเลย รอดหรือคุก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี "แตงโม" วันนี้

วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 10:03 น.


เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 23 พ.ค.68 ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นัดตัดสินคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา หรือแตงโม พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวที่พลัดตกเรือเสียชีวิต โดยแยกฟ้องออกจากคดีเดิมของ นายตนุภัทร หรือ ปอ เลิศทวีวิทย์ และนายไพบูลย์ หรือ โรเบิร์ต ตรีกาญจนานันท์ ที่ให้การรับสารภาพไปก่อนแล้ว 
   
ส่วนคดีที่แยกฟ้องมีจำเลย 4 คน ประกอบด้วย นายวิศาพัช หรือแซน มโนมัยรัตน์ น.ส.อิจศรินทร์ หรือ กระติก จุฑาสุขสวัสดิ์ นายนิทัศน์ หรือ จ๊อบ กีรติสุทธิสาธร นายภีม หรือเอ็ม ธรรมธีรศรี ซึ่งจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ จากนัดได้มีการนัดสืบพยานจำเลยทั้ง 4 คน โดยจะทำการตัดสินพิพากษาในวันนี้

บรรยากาศที่ด้านหน้าศาลจังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่ช่วงเช้า น.ส.อิจศรินทร์ หรือ กระติก จุฑาสุขสวัสดิ์ เดินทางถึงศาลเป็นคนแรก โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์ จากนั้นตามมาด้วยทนายของกระติก ต่อมาคือนายนิทัศน์ หรือ จ๊อบ กีรติสุทธิสาธร ซึ่งลงจากรถได้เดินขึ้นศาลทันที ตามมาด้วยทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน คุณแม่ของนางเอกสาว แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์

ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์  เปิดเผยว่า วันนี้ คุณแม่ยังไม่อยากให้สัมภาษณ์ วันนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ว่าศาลจะฟังว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือประมาท ประเด็นมีอยู่แค่นี้ นอกจากนั้น ยังมีการแจ้งความเท็จหรือยุยง ส่งเสริม หรือไม่ และมีการทำลายหลักฐานหรือไม่ประมาณนี้ ตนมั่นใจในหลักฐานของตำรวจภูธรภาคหนึ่งและอัยการ ซึ่งคดีนี้หลายคนยังไม่เข้าใจว่าคุณแม่ไม่ได้เป็นโจทก์ เพียงแต่เป็นโจทก์ร่วม คดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์เพราะฉะนั้นหลักฐานจึงเป็นหลักฐานจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และสำนักงานอัยการ ซึ่งตนได้คุยกับทางอัยการแล้วมีความมั่นใจว่าการตัดสินในวันนี้จะมีการเขียนคำพิพากษาอย่างละเอียดเนื่องจากมีประเด็นทางโซเชียลที่ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยในการทำคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อปิดช่องให้คนอื่นเอาคำพิพากษาไปหาประโยชน์ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะดำเนินการอย่างไรก็แล้วแต่ทางสำนักงานดีเอไอ สำหรับคุณแม่ยอมรับคำตัดสินของศาลไม่มีความกังวลและท่านก็ไม่ได้ผูกพยาบาลกับจำเลยในคดีนี้ท่านยอมให้อภัยหมดทุกคน ซึ่งหลังจากตัดสินแล้วคู่ความคนไหนไม่พอใจก็สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้

ทนายเดชา กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 คน แซน กระติก และจ็อบ ไม่มีใครติดต่อคุณแม่มา มีแต่ทางแซนยื่นเงิน 100,000 บาท ในการพิจารณาคดีครั้งสุดท้าย เมื่อเดือนมีนาคม เป็นการชดใช้เงินด้านมนุษยธรรม 

สำหรับคดีนี้ ที่ทั้งสี่คนปฏิเสธเท่าที่ตนทราบนายปอกับนายโรเบิร์ตเป็นคนขับเรือ จึงยอมรับในเรื่องนี้ว่าสลับกันขับ และได้มีการชดใช้เงินให้คุณแม่ไป ประมาณ 9 ล้านบาท ส่วนคนที่อยู่บนเรือที่เหลือมองว่าไม่ได้เป็นคนขับเรือ เป็นเพียงผู้โดยสารจึงไม่มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลแตงโม แต่ทางอัยการบรรยายฟ้องว่าต่างคนต่างมีส่วนในการรับผิดชอบ มีการกินแอลกอฮอล์จนมึนเมา และมีการชักชวนลงเรือ และดื่มแอลกอฮอล์ซ้ำ นอกจากนี้ คนขับเรือยังไม่มีใบอนุญาต เพราะฉะนั้นทุกคนบนเรือ ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบเนื่องจากมีการชักชวนกันมา ไม่มีชูชีพไม่มีห่วงยาง เพราะเกิดอุบัติเหตุคนบนเรือมีการแจ้งช้า ซึ่งต้องรอศาลตัดสิน ซึ่งในการฟ้องครั้งนี้ทางอัยการฟ้องทั้งหมดพร้อมกันแต่เมื่อมีคนรับสารภาพแค่สองคนศาลจำเป็นต้องตัดสินไปก่อน จึงทำให้ต้องมีการแยกฟ้อง หากวันนี้ศาลมีการยกฟ้องก็เนื่องจากเป็นคดีเดียวกันแต่การกระทำคนละส่วน

จากนั้น แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ และทนายตุ๋ย พรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์” ทนายความ เดินทางมาถึงศาล เปิดเผยความพร้อมในวันนี้ ว่า จากการตรวจสอบกับทนายทุกคน วันนี้ในส่วนของจำเลยทุกคนพร้อมที่จะมารับฟังคำพิพากษา ส่วนวันนี้หากศาลพิจารณาออกมาแบบไหนก็แล้วแต่ ตนเชื่อว่าจำเลยทุกคนพร้อมและน้อมรับคำพิพากษาของศาล โดยทาง ”แซน“ ก็ตื่นเต้นนิดหน่อย ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็จะได้ทราบกันว่าหลังจากที่ศาลพิพากษาแล้ว ทนายจำเลยต้องดูว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่

เมื่อถามถึงแนวทางการต่อสู้ที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้ถึงพฤติกรรมของลูกความแต่ละคนใช่หรือไม่  นายพรศักดิ์ ระบุว่า ทนายแต่ละคนก็ต่อสู้ตามฐานความผิดที่จำเลยแต่ละคนถูกกล่าวหา เพราะจำเลยแต่ละคนมีคดีที่แตกต่างกัน แต่ฐานความผิดหลักก็คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

เมื่อถามต่อว่าความผิดฐานประมาทจะตรงกับ 2 คนแรกที่ศาลพิพากษาไปก่อนหน้านี้ แต่ในส่วนของ 4 คนนี้ทนายมองอย่างไร นายพรศักดิ์ เผยว่า เป็นกลุ่มคนบนเรือที่อยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน ถูกกล่าวหาในข้อหาเดียวกัน เมื่อมีการรับสารภาพจากจำเลยบางคนแล้ว ตามหลักกฏหมายก็แยกสำนวนออกมา เมื่อจำเลยที่ถูกแยกออกมาปฏิเสธก็มีการต่อสู้คดีจนมาถึงวันนี้

เมื่อถามต่อว่า  4 คน ที่ปฏิเสธมั่นใจว่าไม่ได้ฆ่า ‘แตงโม‘ หรือมีเหตุผลอื่น นายพรศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องฆ่า แต่เป็นเรื่องประมาท เพราะคนขับเรือที่ควบคุมเรือในวันนั้นเขารับสารภาพไปแล้ว ส่วนทุกคนที่เหลือก็อยู่ในฐานะผู้โดยสาร โดยต่อสู้ในพฤติการณ์ข้อเท็จจริง และลักษณะการอยู่ในเรือว่าใครมีหน้าที่อย่างไร

เมื่อถามว่าการที่ชักชวนให้แตงโมไปทานข้าวหรือดื่มแอลกอฮอล์ในเรือจะเข้าข่ายประมาทหรือไม่  นายพรศักดิ์ เผยว่า ส่วนนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการประเมินใครไปเที่ยวไหนแล้วเป็นเหตุให้เกิดความประมาท มิเช่นนั้นทุกคนที่ชวนไปไหนก็จะโดนข้อหานี้กันหมด โดยส่วนตัวตนไม่ได้มั่นใจว่าผลคดีจะเป็นอย่างไร ต้องรอดูว่าศาลจะพิพากษาหรือตัดสินอย่างไรซึ่งเราก็น้อมรับ เพียงแต่ทนายความก็ทำหน้าที่กันไป

เมื่อถามต่อว่ามีประเด็นไหนที่สุ่มเสี่ยงให้ถูกมองว่าเป็นความประมาทให้เกิดขึ้นหรือไม่ นายพรศักดิ์ ระบุว่า ตนมองเรื่องข้อหาอื่นๆ ของจำเลยคนอื่นที่โดนข้อกล่าวหาอื่นมากกว่า ส่วนข้อหาประมาทในส่วนหนึ่งคือคนบนเรือเป็นผู้โดยสาร นอกเหนือจากคนที่น้อมรับไปแล้ว

ด้านนายวิศาพัช กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้กังวลใจอะไร แต่ตื่นเต้น ระยะเวลา 3 ปี ถือว่านาน และระหว่างทางก็เกิดเหตุการณ์เยอะแยะ ดีใจด้วยที่หมดเวลาของเฟคนิวส์แล้ว วันนี้ไม่มีอะไรอยากบอกสังคมแล้ว ผ่านมาตั้ง 3 ปีแล้ว ส่วนสังคมอยากกินอะไรก็แล้วแต่เลย

เมื่อถามว่ากังวลเรื่องที่ทาง DSI ไปเก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อนำมาประกอบสำนวนหรือไม่ นายวิศาพัช เผยว่า ไม่เคยเก็บมาคิดเลย สำหรับตนไม่เห็นว่าเป็นสาระสำคัญ เพราะที่ผ่านมาก็เห็นว่าดีแต่พูด ทำอะไรได้บ้างไหม

ส่วนกรณีที่ผ่านมาได้มีการใช้สื่อโซเชียลบอกเรื่องราวต่างๆ มาตลอดนั้น เพื่อเป็นการแสดงออกว่ามั่นใจว่าที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ นายวิศาพัช เผยว่า ใช่ ตนก็มั่นใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น

นายวิศาพัช ระบุว่า วันนี้ตนก็พร้อมน้อมรับทุกความตัดสิน ไม่ได้มีการเผื่อใจไว้ และไม่ได้กังวลอะไร ตนก็ทำหน้าที่ไปตามขั้นตอน ส่วนผลจะเป็นบวกหรือลบนั้นทนายความได้มีการเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ตนอยู่ในเหตุการณ์ ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ตนมั่นใจในข้อเท็จจริง ว่าไม่มีใครทำอะไรผิด

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ