หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 19 พฤษภาคม 2568

วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 เวลา 05:38 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 19 พฤษภาคม 2568


>> ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ ทรงรับประธานาธิบดีฯ อินโดนีเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย

09.38 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงรับนายปราโบโว ซูบียันโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล

ประเทศไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2493 โดยมีความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินเยือนเกาะชวา 3 ครั้ง ระหว่างปี 2414 - 2444 ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเยือนเกาะชวา เมื่อปี 2472 และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-16 กุมภาพันธ์ 2503 เพื่อทอดพระเนตรสถานที่สำคัญและกิจกรรมต่าง ๆ อันเป็นการกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้น

ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2529 เพื่อทอดพระเนตรกิจการอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการปกครอง การทหาร ตลอดจนวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม หัตถกรรม และศิลปวัฒนธรรมของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินเยือนของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ช่วยกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นจนถึงปัจจุบัน


>> ไทย-อินโดนีเซีย ประกาศยกระดับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ จับมือพัฒนาสาธารณสุข-ความมั่นคง-เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว

11.15 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายปราโบโว ซูบียันโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของทั้งสองประเทศ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุขในสาขาต่าง ๆ 
จากนั้น ผู้นำทั้งสองได้แถลงข่าวร่วมกัน พร้อมประกาศยกระดับความสัมพันธ์ ไทย-อินโดนีเซีย สู่การเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” ส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติ รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของอาเซียนท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนในเชิงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก

ในการเยือนครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันผ่านการเป็นประธานร่วมในกลไกใหม่ “การประชุมหารือระดับผู้นำ” เป็นครั้งแรก ซึ่งจะเป็นกลไกที่ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศอย่างสม่ำเสมอในอนาคต โดยหารือถึงความร่วมมือในหลากหลายด้าน ได้แก่ การเมืองและความมั่นคง การค้า การลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว สาธารณสุข การศึกษา และความร่วมมือระหว่างประเทศ 
ช่วงท้าย นายกฯ กล่าวขอบคุณ ปธน.อินโดนีเซีย สำหรับมิตรภาพอันอบอุ่น และหวังว่าจะได้มีโอกาสเยือนอินโดนีเซียในอนาคตอันใกล้


>> รมต.ภูมิธรรม แจงคุยแล้วปมทหารกัมพูชารุกล้ำไทย เหตุมีปัญหาภายใน บางส่วนยังยึดชายแดนแนวเดิม

11.35 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีทหารกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พร้อมขุดคูสร้างฐานที่มั่นนั้น ว่าสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายแล้วหลังการพูดคุย

โดยเหตุการณ์สืบเนื่องจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนก่อนหน้า ทำให้มีการดำเนินการเกินแนวที่ตกลงกันไว้ จึงได้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาถอยกลับ ซึ่งทางกัมพูชาก็ได้ปฏิบัติตาม คงเหลือเพียงร่องรอยการขุดคูที่อาจเกิดจากการยึดถือแนวเขตเดิมของฝ่ายกัมพูชา ทั้งนี้ ตามข้อตกลงที่ชัดเจนคือพื้นที่ดังกล่าวต้องไม่มีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อน

นายภูมิธรรม กล่าวถึงสาเหตุที่ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาขุดคลองในพื้นที่พิพาทว่า อาจมีปัจจัยจากปัญหาภายในของกัมพูชาเอง ทั้งประเด็นสื่อและฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยยืนยันยึดมั่นตามข้อตกลงที่มีการหารือกันไว้

ทั้งนี้ หากจุดใดที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ถอนกำลัง ทหารไทยก็จะไม่ถอนเช่นกัน สำหรับพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนจะมีการลาดตระเวนร่วมกัน โดยมุ่งคลี่คลายสถานการณ์ในทุกจุด ส่วนด่านช่องอานม้ามีการปิดและเปิดเป็นระยะตามสถานการณ์ แต่จะพยายามไม่ปิดเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้า

ส่วนกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมักประสบปัญหาด้านชายแดน ทั้งฝั่งเมียนมาและกัมพูชานั้น นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า สถานการณ์ฝั่งเมียนมาเป็นผลจากการสู้รบภายในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่การล่วงล้ำอธิปไตยของไทย และกองทัพอากาศได้ปฏิบัติการตอบโต้ตามขั้นตอนแล้ว


>> เจ้าหน้าที่ระดมเครื่องมือช่วยชีวิต หลังดินสไลด์ หนุ่มคนงานลื่นพลัดตกหลุมลึก 19 เมตร

12.30 น. สน.นางเลิ้ง รับแจ้งเหตุคนงานพลัดตกหลุมลึก 19 เมตร ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เยื้องซอยหลานหลวง 8 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. 
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในพื้นที่ก่อสร้างโครงการก่อสร้างสถานีหลานหลวง (OR06) ซึ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ - ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พบเครื่องจักรขุดเจาะเสาเข็ม และรถแบ็คโฮ จอดอยู่ใกล้หลุมเสาเข็ม มีความลึกประมาณ19 เมตร พบมีผู้ติดค้างด้านใน ทราบชื่อต่อมา นายศราวุธ อายุ 33 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ตำแหน่งพนักงานทั่วไป ได้พลัดตกลงไปในหลุมแล้วดินสไลด์ลงไปทับ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้โหนสลิงลงไปช่วยแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมากลุ่มเพื่อนคนงานได้ใช้รถแบ็กโฮตักดินที่กองอยู่ปากหลุมออก เพื่อป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ตกลงไปในหลุมเพิ่มขึ้น และรอเจ้าหน้าที่จากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยนำอุปกรณ์มาเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือ

รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงเกิดเหตุอยู่ในช่วงใกล้หยุดพักกลางวัน ทราบว่าคนงานที่สูญหายกำลังใช้เครื่องมือขันน็อตปรับเข็มเจาะบริเวณปากหลุมก่อนพลัดตกลงไปในหลุมและมีดินปากหลุมสไลด์ทับตามลงไปด้วย


>> บุกจับคาบ้าน หนุ่มบางกรวยเปิดบัญชีม้าถูกแจ้งจับที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อ้างถูกหลอก

13.00 น. พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ผกก.ตม.จว.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 งานสืบสวนปราบปราม ตม.จว.นนทบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ป้องกันปราบปรามอาญชญากรรมบนขบวนรถไฟสายเหนือ ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.บางสีทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568

ในฐานกระทำความผิด “เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง"

เบื้องต้น นายเอ (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นบุคคลที่ถูกออกตามหมายจับจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเคยถูกหลอกไปเปิดบัญชีม้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพมาก่อน โดยไม่รู้ตัวว่ามีผู้เสียหายไปเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ 
ภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จ.นนทบุรี ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ทำบันทึกการจับกุมก่อนจะประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ป้องกันปราบปรามอาญชญากรรมบนขบวนรถไฟสายเหนือ เพื่อนำตัวผู้ต้องหารายนี้ขึ้นรถไฟส่งตัวไปให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


>> ทลายโกดังลับ บุกจับสินค้าปลอม! พบห้องแห่งความลับซ่อนสินค้าแบรนด์ดัง มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

13.14 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมแถลงข่าว หลังจับมือกับเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนผู้ปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาของแบรนด์สินค้า ตรวจค้น ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นอาคารกักเก็บสินค้า ภายใน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน 2 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง รวม 78,223 ชิ้น มูลค่าความเสียหายมากกว่า 52,307,283 บาท

โดยปอศ.เปิดปฏิบัติการระดมกวาดล้างเครือข่ายจำหน่าย สินค้าปลอมในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยสืบทราบว่ามีชาวจีนเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งได้สืบสวน จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางมหาศาล ที่เป็นสินค้าประเภทครีมบำรุงผิว โลชั่น อาหารปลอม รวมถึงสินค้าแฟชั่น ของแบรนด์เนมที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า โดยมีการนำสินค้ามาเก็บไว้ และทำโกดังดังกล่าวเป็นห้องลับ เพื่อเก็บสินค้าปลอม ขายตามออเดอร์ทางช่องทางออนไลน์ โดยตลอดระยะเวลา 6 เดือน มีออเดอร์ยอดสั่งซื้อกว่า 100,000 ออเดอร์ โดยเบื้องหลังการลักลอบจำหน่ายสินค้าปลอมเป็นนายทุนชาวจีน โดยใช้สถานที่เก็บสินค้าเป็นสถานที่ที่อยู่บริเวณชานเมือง เนื่องจากหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าสายตาและความสะดวกต่อการส่งสินค้าโดยมีการจ้างแรงงานชาวไทยเป็นผู้บรรจุสินค้าส่งกระจายไปทั่วประเทศ

เบื้องต้นจากการสอบคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการดำเนินคดีผู้ต้องหาต่างด้าวในประเทศไทย ก่อนจะมีการผลักดันกลับประเทศนั้นๆ ส่วนของกลางเมื่อคดีสิ้นสุด จะมีการเผาทำลาย ในช่วงเดือนกันยายนและเดือนสิงหาคมต่อไป


>> อุทาหรณ์ ต่อลวดสลิงพ่วงกับไฟฟ้าขึงรอบบ้านเพื่อป้องกันสุนัข ถูกช็อตดับ 3 ศพ

14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ได้รับแจ้งมีคนถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตพร้อมกัน 3 ราย ในพื้นที่ ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง

ที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว และมีขนำเล็กๆ อยู่บริเวณด้านหลังบ้านด้วย 1 หลัง และพบคอกไก่ 2 หลัง พบผู้เสียชีวิตนอนเรียงกัน 3 ศพ ซึ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ประกอบด้วย นายปรีชา อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน นางอำนวย อายุ 52 ปี ภรรยา และนางจู้ อายุ 89 ปี แม่ของนายปรีชา โดยสภาพศพ นางอำนวย เสียชีวิตนอนหงายใกล้ราวตากผ้าสวมชุดชั้นในและผ้าถุง ตามร่างกายพบรอยไหม้ รอยช้ำ ส่วนศพ นายปรีชา นอนหงาย สภาพศพรอยไหม้ที่แขนซ้าย มือขวากำลวดสลิง และศพ นางจู้ ตามร่างกายพบบาดแผล และในมือทั้งสองยังกำลวดเช่นกัน โดยทั้ง 3 คนไม่สวมรองเท้า คาดว่าทั้งหมดถูกไฟช็อต

โดยพบว่ามีการเดินสายไฟฟ้าจากบ้านหลังใหญ่ไปที่ขนำ และมีการต่อพ่วงสายไฟจากขนำด้วยลวดสลิงไปเกือบรอบบริเวณบ้าน สูงจากพื้นดินประมาณ 20 ซม. คาดว่าเจ้าของบ้านคงต่อพ่วงสายไฟขึงเอาไว้เพื่อไว้ป้องกันสุนัขเข้าไปกัดไก่ในคอก

เบื้องต้นสันนิษฐาน คาดว่า นางอำนวย น่าจะเดินมาตากผ้า หรือเก็บผ้าที่ราว แต่พลาดเดินไปแตะเอาลวดสายไฟที่ขึงไว้ทำให้กระแสไฟฟ้าช็อต และคงร้องขึ้นมาและล้มลง นายปรีชา ได้ยินเสียงคงวิ่งมาช่วยดึงภรรยา ทำให้ถูกไฟช็อตอีกราย และ นางจู้ คงได้ยินด้วย จึงวิ่งมาช่วยดึงอีกแรง ทำให้ไฟช็อตล้มลงอีกราย เพราะในมือยังกำลวดทองแดงเปล่าเปลือย ทำให้เกิดเหตุสลดดับพร้อมกัน 3 รายดังกล่าว


>> นายกฯ ประชุม คกก.นโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทบทวนโครงการฯ รับมือเศรษฐกิจโลก ย้ำรอบคอบยึดตามกฎหมาย ฟื้นเศรษฐกิจไทยระยะยาว

15.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คกก.นโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/68 โดยกล่าวก่อนการประชุมว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันอยู่ในภาวะผันผวน เนื่องจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ของประเทศมหาอำนาจ ส่งผลกระทบต่อไทย ทำให้ประชาชนมีรายได้ในภาพรวมที่ลดลง

จึงจำเป็นต้องทบทวนแผนงานและโครงการต่างๆ รวมถึงเร่งปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวให้มากขึ้น โดยขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันคิดและพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเต็มที่และต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

โดยที่ประชุมฯ ได้พิจารณาเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท และเห็นชอบทบทวนการใช้จ่ายงบฯ ปี 68 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมทั้งเห็นชอบ “แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท” ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ ก.คลัง นำเสนอแผนการขับเคลื่อนฯ ต่อ ครม. โดยเร็ว


>> “บิ๊กป้อม”พลัดตกบันไดวัดโพธิ์ หลังร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์มงคลเฉลิมพระเกียรติ

17.00 น. ณ พระอุโบสถ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์มงคลเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อความเป็นสวัสดิมงคลแก่ประเทศชาติและประชาชน ในโอกาสดาวพระเสาร์ย้าย ตามหลักโหราศาสตร์

โดยมีรายงานว่า พลเอกประวิตร ได้ประสบอุบัติเหตุพลัดตกบันได ภายหลังจากทำพิธีเสร็จสิ้น โดยทีมติดตามจึงเร่งนำส่งตัวด่วนโรงพยาบาลย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเช็คอาการบาดเจ็บทันที


>> ศาลฯ สั่งจำคุก 3 ปี "กฤษอนงค์" คดีตัวกลางเรียกรับผลประโยชน์ "บอสพอล"

17.46 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล หรือบอสพอล ดิไอคอน เปิดเผยว่า วันนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.กฤษอนงค์ ฐานตบทรัพย์ "บอสพอล" โดยแบ่งเป็น 2 ข้อหา คือ เป็นตัวกลางเรียกรับผลประโยชน์ ศาลลงโทษจำคุก 3 ปี แต่ น.ส.กฤษอนงค์ ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือ 2 ปี ไม่รอการลงโทษ ส่วนข้อหากรรโชกทรัพย์ ศาลยกฟ้อง

ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า เรื่องการกรรโชกทรัพย์ไม่ปะติดปะต่อกัน คือตอนโทรศัพท์ไปข่มขู่ กับตอนจ่ายเงิน ห่างกันระยะเวลาพอสมควร ศาลจึงเห็นว่า "บอสพอล" ไม่น่าจะกลัวแล้ว จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ยกฟ้องในข้อหานี้ ซึ่งพนักงานอัยการสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้

โดยตนได้แจ้งเรื่องดังกล่าวผ่านเลขาฯ ของ "บอสพอล" ไปแล้ว และทราบว่า "บอสพอล" ไม่ได้ยินดียินร้ายกับเรื่องนี้ ยอมรับว่าตอนแรกตนตกใจด้วย เพราะไม่คิดว่าศาลจะลงโทษจำคุก


>> จนท.เสริมรถเครนยักษ์ ค้นหาหนุ่มคนงานตกบ่อเสาเข็มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝังเข็มกันดินสไลด์ซ้ำ

18.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR นำเครื่องสแกนเนอร์ หรืออุปกรณ์สแกนภาพจำลอง 3 มิติด้วยเลเซอร์ที่ใช้สำหรับค้นหาทรัพยากรณ์ธรรมชาติชั้นใต้ดิน โดยมีการหย่อนลงไปภายในบ่อที่มีคนงานผู้ประสบภัยติดค้างอยู่ด้านใน หลังจากใช้รถแบ็คโฮขุดดินออกมาจากหลุมดังกล่าว

ต่อมา เจ้าหน้าที่นำรถเครนขนาดใหญ่ ความยาวรวมแขน 12.29 เมตร เป็นหัวคีบใช้เชือกคล้อง เพื่อทยอยลำเลียงเสาเข็มลงจากรถบรรทุก จากนั้นใช้รถเครนคีบเสาเข็มกดลงขอบบ่อที่มีการฝังแผ่นชีทไพล์ จในรัศมีใกล้เคียงจากหลุมเสาเข็มที่เกิดเหตุ ทั้ง 4 ด้าน เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ทั้งนี้เพื่อป้องกันดินสไลด์ เจ้าหน้าที่ยังคง ใช้รถแม็คโครขนาดใหญ่คีบเหล็ก ฝังลงไปในดินเพื่อป้องกันดินสไลด์


>> ปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการช่วยเหลือคนงานตกหลุมเสาเข็ม

20.00 น. นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการช่วยเหลือคนงานตกหลุมเสาเข็มสะพานลอยเดิม บริเวณก่อสร้างสถานีหลานหลวง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน


>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

22.43 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.2 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 350 กม. ยังไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย


>> เพลิงไหม้ในโกดังเก็บของ ย่านซอยอ่อนนุช 64 ทรัพย์สิน, รถยนต์เสียหาย

02.06 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุ เพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยอ่อนนุช 64 ถนนสุขุมวิท 77 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นโกดังคอนกรีตชั้นเดียว ประกอบกิจการโกดังเก็บของ โครงสร้างเหล็ก หลังคาเมทัลชีท ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ภายในห้องพักส่วนต่อเติมด้านหน้า เพลิงลุกไหม้เสียหายพัดลมตั้งพื้น ลุกลามที่นอน และรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่น วีออส สีเทา ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เสียหายหมดทั้งคัน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 10 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่พัดลมตั้งพื้น ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยประเวศ


>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยพหลโยธิน 59 เสียหายวอดทั้งหลัง

03.00 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุ เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุชุมชนร่วมใจพัฒนาใต้ ซอยพหลโยธิน 59 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ภายในบ้าน เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 20 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางเขน


>> แผ่นดินไหว ประเทศเมียนมา

03.11 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า มีเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.4 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของ ประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 217 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย  
 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ