หน้าแรก > อาชญากรรม

สืบท่องเที่ยวปิดเกม! จับหนุ่มแสบผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีฉ้อโกง เช็คเด้ง ตุ๋นเงินผู้เสียหายหลายล้านบาท

วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เวลา 23:57 น.


สืบท่องเที่ยวปิดเกม! จับหนุ่มแสบผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีฉ้อโกง เช็คเด้ง ตุ๋นเงินผู้เสียหายหลายล้านบาท

ด้วยปัจจุบันได้มีเหตุอาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์เกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากคนร้ายได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางให้การใช้ก่อเหตุหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจํานวนมาก
กองบัญชาการตํารวจท่องเที่ยวภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือก ผบช.ทท., พล.ต.ต.พงษ์สยาม มี ขันทอง,พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์, พล.ต.ต.มล.สันธิกร วรวรรณ รอง ผบช.ทท. พ.ต.อ.แมน รถทอง ผกก.สืบสวน บช.ทท., พ.ต.ท. เจษฎา ทองทา รอง ผกก.สืบสวน บช.ทท. พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ รักษา รอง ผกก. สืบสวน บช.ทท. สั่งการให้ พ.ต.ต.กฤตพร แสงสุระ สว.กก.สืบสวน บช.ทท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.สืบสวน บช.ทท. ได้ทําการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 ราย คือ นายพัฒน์ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือที่ ลงวันที่ 10 มีนาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกง

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บช.ทท.ได้รับแจ้งจากสายลับว่าตามวันเวลาเกิดเหตุได้ พบเห็นผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวปรากฏตัวอยู่ที่บริเวณสถานีบริการน้ํามัน ถนนจันทร์ แขวงทุ่งวัดดอนเขตสาทร จ.กรุงเทพมหานคร จึงได้ทําการวางแผน แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว เมื่อไปถึงได้พบ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ปรากฏตัวอยู่ เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้เข้าไปทําการการแสดงตัว และทําการนําหมายจับศาลแขวง พระนครเหนือ ลงวันที่ 10 มีนาคม 2568 แสดงให้กับผู้ต้องหาดู ซึ่งผู้ต้องหานั้นรับว่าตนนั้นเป็นบุคคลตามหมาย จังดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกจับมาก่อน

โดยผู้ต้องหารับว่าหมายจับในคดีนี้นั้นตนได้ทําการซื้อจักรยานยนต์หรูจากผู้เสียหายมา ในราคา 720,000 บาท และจะทําการชําระ แต่เมื่อตนนั้นนําจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปแล้วนั้น ตนได้นําไปขายต่อให้กับกลุ่มที่ รับซื้อรถจักรยานยนต์แบบผิดกฎหมาย และไม่ได้ทําการชําระเงินให้กับผู้เสียหายเลย และตนนั้นก็ทราบว่าทางผู้เสียหายได้ ดําเนินการแจ้งความดําเนินคดีกับตน ตนก็เลยทําการหลบหนี และจากการที่เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมได้นําชื่อ-สกุล ของ ผู้ต้องหาไปทําการสืบค้นในสารบบบุคคลตามหมายจับ ยังพบอีกว่า ผู้ต้องหาคนดังกล่าวนั้นยังมีหมายจับอีกจํานวน 3 หมายที่ ยังไม่เคยถูกจับกุม ได้แก่

- หมายจับของศาลแขวงพระนครเหนือ ในความผิดฐานฉ้อโกง มูลค่าความเสียหาย 623,250 บาท (หลอกซื้อนาฬิกาหรู)

- หมายจับของศาลแขวงนครราชสีมา ในความผิดฐานออกเช็คเพื่อชําระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตาม กฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คและฉ้อโกง มูลค่าความเสียหาย 1,688,900 บาท (หลอกซื้ออุปกรณ์กีฬา กอล์ฟ) และ

- หมายจับของศาลจังหวัดอ่างทอง ในความผิดฐาน ฉ้อโกง และออกเช็คเพื่อชําระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตาม กฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คฯ มูลค่าความเสียหาย 60,000 บาท (หลอกซื้อจักรยานยนต์)

จากนั้นจึงได้ นําตัวผู้ต้องหาพร้อมบันทึกจับกุมนําส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน เพื่อดําเนินคดีต่อไป และจากการที่เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ ทําการรวบรวมมูลค่าความเสียหายทั้ง 4 คดี ที่ผู้ต้องหาได้กระทํามีมูลค่าสูงถึง 3,092,150 บาท 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ