วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 เวลา 05:40 น.
รวบ 4 ผู้ต้องหา ก่อเหตุร่วมกันพยายามฆ่า ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ พบอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน จำนวนมาก
กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) โดย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.4 บก.ป. ร่วมกันจับกุม 4 ผู้ต้องหา ดังนี้
1. นายวัฒน์ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2601/2568 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นและได้กระทำโดยมีอาวุธ และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
2. นายริท (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2602/2568 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นและได้กระทำโดยมีอาวุธ และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
3. นายสุทธิ์ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2603/2568 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นและได้กระทำโดยมีอาวุธ และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
4. นายภูมิ (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2604/2568 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของ ผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้นและได้กระทำโดยมีอาวุธ และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
โดยนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมในพื้นที่ จ.นครปฐม, จ.สมุทรปราการ และ กทม. รวม 5 จุด
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 กลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวน 4 คน ได้ใช้รถยนต์เดินทางมุ่งหน้าสู่ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เพื่อเดินทางไปบ้านผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน เดินทางมาถึง กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของผู้เสียหาย จากนั้นได้ข่มขู่บังคับให้ผู้เสียหายส่งมอบทรัพย์สินให้ ซึ่งคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนพกสั้น ขึ้นลำอาวุธปืน ลักษณะพร้อมที่จะยิง จ่อไปที่บริเวณลำคอใกล้กับศีรษะของผู้เสียหาย ต่อหน้าภรรยาและบุตรชายของผู้เสียหาย และภายหลังจากก่อเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงได้นำรถยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณบ้านผู้เสียหายขับขี่หลบหนีไปพร้อมกับรถยนต์ที่ใช้เดินทางมาก่อเหตุ
หลังจากเกิดเหตุ ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุในความผิดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
โดยต่อมาศาลอาญาได้ออกหมายจับ ผู้ต้องหาจำนวน 4 คนข้างต้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม จึงได้ดำเนินการติดตามจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 4 คน โดยทำการตรวจค้นและจับกุมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นครปฐม และ สมุทรปราการ พร้อมได้ทำการตรวจค้นบ้านพักและสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลอาญา ทำการตรวจค้นบริเวณบ้านพักและอู่ซ่อมรถของนายวัชรพงศ์ฯ หรือ โป้ง ผลการตรวจค้นพบวัตถุคล้ายเครื่องยิงระเบิกต่อสู้รถถัง, อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, อาวุธปืนไม่มีทะเบียน และอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมาย ซึ่งตรวจยึดอาวุธปืนรวมจำนวน 20 กระบอก ตรวจยึดเครื่องกระสุนปืน รวมจำนวน 4,155 นัด พร้อมกับยุทธภัณฑ์และชิ้นส่วนอาวุธปืนจำนวนมาก ตลอดจนตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาและสิ่งของที่ได้ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหา ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ