หน้าแรก > ภูมิภาค

ตำรวจน้ำสกัดเรือประมงเวียดนาม 2 ลำ รุกล้ำน่านน้ำไทย

วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เวลา 00:59


ตำรวจน้ำสกัดเรือประมงเวียดนาม 2 ลำ รุกล้ำน่านน้ำไทย

กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) พล.ต.ต.เศรษฐสิริ นิพภยะ ผบก.รน. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ส.รน.3 กก.7 บก.รน. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. ร่วมกันจับกุม ชาวประมงชาวเวียดนามรวม 15 ราย แบ่งเป็น กลุุ่มคนประจำเรือประมง ประเภท เรือตกเบ็ด (ลำที่ 1) จำนวน 10 ราย , กลุ่มคนประจำเรือประมง ประเภท ลากเดี่ยว (ลำที่ 2) จำนวน 5 ราย ฐานความผิด

1. เป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไม่เข้ามาตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่าสถานีหรือท้องที่ กระทำผิดตามมาตรา 13 และ 62 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522

2. เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 81 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522

3. ร่วมกันทำการประมงพาณิชย์ในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.ก.ประมง พ.ศ. 2558

4. ร่วมกันใช้เรือไร้สัญชาติทำการประมง พ.ร.ก.ประมง พ.ศ.2558 ม.10 ประกอบ ม.123 วรรค 3

โดยมีการกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 และ 11 (ผู้ควบคุมเรือ) เพิ่มเติมว่า

1. เป็นเจ้าของหรือผู้ควบคุมพาหนะ นำพาหนะเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ กระทำความผิดตามมาตรา 26 วรรค 1 และ 66 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522    

2. เป็นเจ้าของเรือ/เป็นผู้ควบคุมเรือฝ่าฝืนใช้เรือที่มีสัญชาติต่างประเทศ/เรือเป็นของคนต่างด้าวทำการประมงในเขตการประมงไทย อันเป็นความผิดตามมาตรา 7(1)และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.2482

3. มี ใช้ เครื่องวิทยุโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต กระทำผิดตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม พ.ศ.2498

4. ตั้งสถานีเครื่องวิทยุโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต กระทำผิดตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม พ.ศ.2498

5. นำเรือออกมาใช้โดยไม่มีใบอนุญาตการใช้เรือ กระทำความผิดตามมาตรา 277 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456

6. ทำหน้าที่ในเรือโดยไม่มีใบประกาศนียบัตรควบคุมเรือ การะทำความผิดตามมาตรา 268 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456
   
7. นำเรือประมงที่มิใช่เรือไทย ที่มีการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักรอันเป็นความผิดตามมาตรา 94 แห่ง พ.ร.ก.ประมง พ.ศ.2558

และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2-10 และ 12-25 เพิ่มเติมว่า

1. เป็นบุคคลต่างด้าวทำหน้าที่เป็นลูกเรือในเรือประมงในเขตการประมงไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว อันเป็นความผิด ตามมาตรา 5 ทวิ และมาตรา 11 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการทำประมงในเขตการทำประมงไทย พ.ศ. 2482 ด้วยการทำงานของคนต่างด้าว อันเป็นความผิด ตามมาตรา 5 ทวิ และมาตรา 11 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการทำประมงในเขตการทำประมงไทย พ.ศ. 2482

พร้อมตรวจยึดของกลาง

1. เรือประมง หมายเลขทะเบียนเขียนไว้ที่หัวเรือทั้งสองด้าน เค.จี. 623 56 ที.เอส. ตัวเรือสีเขียว กาบเรือสีเหลือง เก๋งเรือสีเหลือง ตัวเรือทำด้วยไม้ จำนวน 1 ลำ

2. เรือประมง หมายเลขไม่หมายทะเบียนและเครื่อหมายใดๆ ตัวเรือสีเขียว กาบเรือสีเทา เก๋งเรือสีเทา ตัวเรือทำด้วยไม้ จำนวน 1 ลำ

3. สัตว์ทะเล จำพวกปลา และปลิงทะเล

สถานที่เกิดเหตุในทะเลอาณาเขตตรงกันกับตำบลบางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส ห่างจากปากร่องน้ำบางนราไปทางทิศตะวันออกประมาณ 21 ไมล์ทะเล

สถานที่จับกุม ส.รน.3  กก.7 บก.รน. (ตำรวจน้ำนราธิวาส) เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 

พฤติการณ์ ตามคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 29/2568 เรื่องศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ให้ชุดปฏิบัติการที่ 3 ภายใต้สังกัดศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง กองบังคับการตำรวจน้ำ (ศปนม.บก.รน.) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามกรกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงและความผิดเกี่ยวเนื่องในพื้นที่ กก.6 , 7 บก.รน.

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำจึงได้นำเรือประทุมวัน 2 (817) ออกตรวจลาดตระเวนในทะเล โดยว่าที่ พ.ต.อ.นัฐพงค์  ตาแก้ว ผกก.ประจำ บก.รน. หัวหน้าชุดปฎิบัติการ ได้รับแจ้งว่าได้มีเรือประมงไม่ทราบสัญชาติลักลอบเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย บริเวณทะเลหน้าจังหวัดนราธิวาส จึงนำเรือปทุมวัน 2 (817) ออกลาดตระเวนเพื่อทำการตรวจสอบ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 3 พฤษภาคม  2568  ขณะที่ทำการลาดตระเวน ได้ตรวจพบเรือทั้ง 2 ลำ ที่ต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง จึงทำการเข้าตรวจค้นตามยุทธวิธีทางเรือ พร้อมกับแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ขอตรวจเอกสารเรือ คนประจำเรือ แต่ทั้งหมดไม่สามารถฟังและพูดภาษาไทยได้และไม่มีเอกสารใดๆ มาแสดง เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น แต่เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรง และเป็นเวลากลางคืน จึงได้มีการควบคุมเรือประมงลำดังกล่าวกลับมายังท่าเทียบเรือ ส.รน.3 กก.7 บก.รน. เพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

จนเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568  เรือตรวจการณ์หมายเลข 518 ได้นำเรือประมงทั้งสองลำมาจอดเทียบที่ ส.รน.3 กก.7 บก.รน.  และจากการตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏว่าเรือประมงลำดังกล่าว เป็นเรือประมงสัญชาติเวียดนาม  จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อล่ามสัญชาติเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา ซึ่งจากการสอบถามทราบว่าทัั้งหมดเป็นชาวเวียดนาม ไม่มีเอกสารประจำตัว และไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำประมงในน่านน้ำไทย เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึดสิ่งของดังกล่าวข้างต้นไว้เพื่อเป็นของกลาง และได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่บุคคลดังกล่าว จากนั้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส  ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหา ทราบและเข้าใจในข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้น และให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ

 

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ