วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เวลา 15:48 น.
วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.อนุสรณ์ ทองไสย ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ธนาคาร อุชณรัศมี สว.กก.6 บก.ป. นำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ชาว จ.พัทลุง ที่ขนำแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 14 ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งขณะเข้าจับกุม ผู้ต้องหาได้วิ่งหลบหนีออกจากขนำเข้าไปในป่าสวนยาง แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ถูกตำรวจกองปราบไล่ตามและไปรวบตัวเอาไว้ได้ภายในป่าสวนยาง
สำหรับ นายเอ (นามสมมุติ) เป็นพวก 18 มงกุฎ มีหมายจับติดตัว 3 หมายในคดีฉ้อโกงประชาชน คือ
1.หมายจับศาลจังหวัดยะลา ที่ 107/2560 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันใช้บัตรอิเลคทรอนิคโดยมิชอบเป็นเหตุให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย
2.หมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ที่ 76/2560 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 ฐานความผิดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
3.หมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ที่ จ.32/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม 2563 ฐานความผิดฉ้อโกงทรัพย์
พฤติกรรมในการก่อเหตุย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2559 พนักงานสอบสวน สภ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายคนหนึ่งว่า มีบุคคลอ้างตนว่าเป็น สส.พรรคหนึ่งใน จ.พัทลุง โดยการปลอมชื่อและรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กเพื่อหลอกขอสนับสนุนเงินซื้อเสื้อกีฬา ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ไปจำนวน 3,500 บาท จากนั้นเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นเฟซบุ๊กปลอม จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดี เมื่อตำรวจทำการสืบสวนพบว่าชายคนนี้ชื่อ นายเอ (นามสมมุติ) จึงขออนุมัติศาลจังหวัดพัทลุงออกหมายจับ แต่ว่าอยู่ไม่เป็นที่เป็นทางเพราะน่าจะรู้ตัวดีว่าถูกตำรวจตามจับ
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 มีผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.ยะลา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองยะลาว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อหนึ่ง ใช้ภาพโปรไฟล์เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาทักมาขอยืมเงิน 30,000 บาท ผู้ใหญ่บ้านคนนี้เห็นว่าเป็นผู้บังคับบัญชาจึงให้ผู้ช่วยโอนเงินให้ 30,000 บาท ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่าไม่ใช่ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา ตัวจริง จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี และจากการสืบสวนพบว่าบุคคลที่ใช้บัญชีและเฟซบุ๊กปลอมคือ นายเอ (นามสมมุติ) คนนี้นี้จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดยะลาออกหมายจับ
ส่วนคดีที่ 3 เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2563 นายเอ (นามสมมุติ) ได้อ้างตัวเป็นเพื่อนสามีของผู้เสียหาย โทรศัพท์ผ่านโปรแกรมแมสเซนเจอร์หลอกขอยืมเงินจำนวน 6,200 บาท เมื่อโอนเงินเสร็จแล้ว ผู้เสียหายได้สอบถามสามีจึงรู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ก จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว จังหวัดพัทลุง ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และก็พบว่าเป็นฝีมือของนายเอ (นามสมมุติ) จึงขออนุมัติศาลจังหวัดพัทลุงออกหมายจับอีก 1 คดี
หลังจากก่อเหตุ ผู้ต้องหานี้ได้หลบหนีเรื่อยมา มีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ว่า นายเอ (นามสมมุติ) น่าจะหลบหนีมาพักอาศัยกับภรรยาที่ อ.รัตภูมิ จังหวัดสงขลา จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ได้รับการประสานงานมาและได้ให้สายลับเฝ้าตรวจสอบจับตาในพื้นที่ ก็พบว่าผู้ต้องหา มาพักอาศัยอยู่ในขนำแห่งหนึ่งในสวนยางพาราใน ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา กับภรรยาจริง ตำรวจกองปราบกองกำกับการ 6 จึงได้เข้าจับกุมและควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุมที่ สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา
สอบสวนในเบื้องต้น ยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาทั้ง 3 หมายจับที่ไปก่อเหตุ โดยใช้วิธีสร้างเฟซบุ๊กปลอม ใช้ชื่อ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา สส.จังหวัดพัทลุง และ บุคคลอื่นๆอีกหลายคน เพื่อหลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ เพราะว่าไม่มีงานทำเป็นที่เป็นทาง เงินที่ได้ก็จะนำไปใช้จ่ายและซื้อยาเสพติดมาเสพ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ