รพ.มะเร็งอุดรธานี พัฒนาต้นแบบการส่งยาเคมีบำบัด ไปยังโรงพยาบาล ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (Chemotherapy  Delivery  Model)

กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี ได้พัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีแห่งอนาคต หุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัด (AYA  Chemotherapy  Compounding  Robot) ที่มีความแม่นยำสูง ถูกต้อง  ปลอดภัย  ทำงานด้วยแขนกล  ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติในสภาวะปลอดเชื้อ ตามมาตรฐานการเตรียมยา ภายใต้การกำกับดูแลของเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ

นายแพทย์ธงชัย  กีรติหัตถยากร  อธิบดีกรมการแพทย์  กล่าวว่า  โรคมะเร็งเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญของประชาชนไทยและทั่วโลก  การเข้าถึงบริการและรับการรักษาอย่างเหมาะสมในเวลาที่รวดเร็วเป็นหัวใจที่จะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสหายขาดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อสร้างการเข้าถึงบริการ  กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายมะเร็งรักษาทุกที่ (Cancer Anywhere) โดยการให้ยาเคมีบำบัดเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งมากกว่าร้อยละ 50  ของผู้ป่วยมะเร็งจำเป็นต้องได้รับการรักษาชนิดนี้ กรมการแพทย์ จึงได้วางกรอบทิศทางการพัฒนาหน่วยงานให้มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมและการขยายผลนวัตกรรมที่มีอยู่ไปสู่ระบบสุขภาพ  ซึ่งโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานีได้พัฒนาหุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัดและต้นแบบการส่งยาเคมีบำบัดไปสู่โรงพยาบาลใกล้เคียงในเขตสุขภาพที่ 8

เรืออากาศเอกสมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี  กล่าวว่า  โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานีเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทยที่พัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัด  ซึ่งผ่านการศึกษาวิจัยในด้านความปลอดภัยและแม่นยำเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยต่อบุคลากรรวมถึงผู้ป่วยมะเร็ง ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด  โดยเริ่มต้นพัฒนาตั้งแต่ปี 2562 ทดสอบระบบในปี 2564 และใช้งานจริงตั้งแต่เดือนมีนาคม  2565  เป็นต้นมา  ในอนาคตสามารถลดการนำเข้าเครื่องมือราคาแพงของประเทศอย่างมาก  และมีความสะดวกในการใช้งานมากกว่าเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ

ปัจจุบัน โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานีได้ริเริ่มพัฒนาต้นแบบการส่งยาเคมีบำบัด  ด้วยหุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัดไปยังโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่สามารถขนส่งยาได้ภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรร่วมกันภายในเขตสุขภาพ  ทั้งนี้ได้ดำเนินการส่งยาเคมีบำบัดร่วมกับโรงพยาบาลหนองบัวลำภู ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 และมีการลงพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมขยายการบริการไปยังโรงพยาบาลเครือข่ายอื่นๆ ได้แก่ โรงพยาบาลหนองคาย  โรงพยาบาลกุมภวาปีและโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ  เป็นต้น โดยอยู่ระหว่างการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์  เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้บริหาร ในการตัดสินใจกระจายเครื่องมือดังกล่าวไปสู่ภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างมีคุณภาพและเป็นธรรม