วันที่ 30 เมษายน 2568 นายภาสกร บุญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ตลาดสายลมจอย และสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ฝั่งเมียนมา ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นแม่น้ำสายเข้าท่วมพื้นที่เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบพบว่า แม่น้ำสายมีสภาพตื้นเขิน เนื่องจากตะกอนดินที่ไหลมาจากพื้นที่ต้นน้ำฝั่งเมียนมา โดยเฉพาะจากบริเวณเหมืองแร่ ส่งผลให้แม้มีฝนตกเพียงเล็กน้อยก็เกิดน้ำหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน

นายภาสกร เปิดเผยว่า ปริมาณฝนที่ตกในเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 60 มิลลิเมตร ไม่มากนัก แต่ด้วยลำน้ำยังไม่ได้รับการขุดลอก โดยเฉพาะฝั่งเมียนมา จึงเกิดการล้นทะลัก ขณะนี้ฝ่ายไทยได้เริ่มขุดลอกแม่น้ำรวกแล้ว โดยกองทัพภาคที่ 3 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มิถุนายน ส่วนการขุดลอกแม่น้ำสายฝั่งเมียนมายังไม่ได้ดำเนินการ และได้มีการประสานให้เร่งรัดผ่านทางผู้ว่าราชการท่าขี้เหล็กแล้ว

สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อวันที่ 29 เมษายน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเคลื่อนย้ายบิ๊กแบ็ค (Big Bag) ริมสะพานเพื่อเตรียมปรับปรุงพื้นที่ ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่สายลมจอยประมาณ 10-20 เซนติเมตร ไม่ถึงระดับที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อร้านค้า โดยน้ำท่วมกินเวลาเพียงราว 2 ชั่วโมง ก่อนจะเร่งปิดบิ๊กแบ็คและสูบน้ำออกจนสถานการณ์คลี่คลาย

อธิบดีกล่าวเพิ่มเติมว่า ลำน้ำสายในอดีตกว้างถึงเกือบ 200 เมตร แต่ปัจจุบันแคบลงเหลือไม่ถึง 50 เมตร และยังมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำขวางทางน้ำ จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการขุดลอกเพื่อให้รับน้ำได้มากขึ้น โดยอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมชลประทาน เพื่อจัดทำโครงการระยะยาว พร้อมทั้งเตรียมการประชาคมในพื้นที่

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเตรียมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยผ่านเซลล์บรอดแคสต์ โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ วันที่ 2 พฤษภาคม (ระดับเล็ก - ศาลากลางจังหวัด), วันที่ 7 พฤษภาคม (ระดับอำเภอ), และวันที่ 13 พฤษภาคม (ระดับจังหวัด) เพื่อประเมินประสิทธิภาพการแจ้งเตือนและแก้ไขปัญหาการรับสัญญาณร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออีกด้วย