24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 28 เมษายน 2568
>> ศาลนัดสืบพยานคดี "ทนายตั้ม" ฉ้อโกง "เจ๊อ้อย" 4 มี.ค.69
09.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 714 ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานครั้งที่ 2 คดีดำ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กับพวกรวม 7 คน ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย เศรษฐินีชาวไทย กว่า 100 ล้านบาท
โดยวันนี้ ศาลสั่งเบิกตัวนายษิทรากับพวกรวม 4 คนจากเรือนจำมาศาล ส่วนจำเลยอีก 3 คน ได้แก่ พี่สาวภรรยา และเจ้าหน้าที่โชว์รูมรถยนต์ 2 คน ได้รับการประกันตัว จากนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวทนายตั้มเข้ามาที่บัลลังก์ 714 ขณะที่ฝ่าย น.ส.จตุพร มีทนายความมาร่วมฟังการพิจารณาคดีในนัดตรวจพยานหลักฐานในครั้งนี้ด้วย
ตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยานวันนี้ ด้านจำเลยที่ 3 และที่ 4 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องบางส่วน ส่วนข้อหาอื่นยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้กระทำผิด ศาลจึงอนุญาตพิเคราะห์แล้วเห็นสมควรให้นัดสืบพยานโจทก์ 15 นัด และสืบพยานจำเลย 4 นัด คดีนี้จึงสืบพยานทั้งหมด 19 นัด ศาลจะพิจารณาคดีติดต่อกันโดยไม่เลื่อนคดี เมื่อสืบพยานโจทก์และโจทก์ร่วมเสร็จแล้ว จะทำการสืบพยานจำเลยต่อทันที โดยให้โจทก์ โจทก์ร่วม และจำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมในวันนัด ให้คู่ความปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด
โดยสืบพยานโจทก์ปากแรกวันที่ 4 มีนาคม 2569 เวลา 09.00 น.
>> คนร้าย ลอบวางระเบิด ตำรวจ ตชด. กลับจากตรวจสุขภาพ บาดเจ็บรวม 3 นาย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 2 นาย
09.30 น. รับแจ้งว่า เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4412 สังกัด ฉก.ตชด.44 ร้อย.ฉก.ตชด.4412 (มว.ฉก.ตชด.4412) ร.ร.บ้านศรีท่าน้ำ ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย
เบื้องต้น ทราบว่า จนท.ตชด.ทั้ง 3 นาย เดินทางกลับจากตรวจสุขภาพ โดยรถกระบะของราชการ 1 คัน เดินทางมา 3 นาย เมื่อถึงที่เกิดบริเวณถนนในหมู่บ้าน คนร้ายได้กดระเบิดที่ฝังไว้ใต้ผิวถนน แรงระเบิดทำให้รถยนต์พลิกคว่ำเสียหาย มี จนท.ติดอยู่ในรถ 3 นาย ชุดสนับสนุน ได้เข้าช่วยเหลือนำตัวผู้บาดเจ็บออกมา จากตัวรถ เพื่อนำส่ง รพ.ธารโต เบื้องต้นทราบชื่อทั้ง 3 นาย ทั้งหมดถูกนำตัวส่ง รพ.เป็นการด่วนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงาน มีผู้เสียชีวิต 2 รายในเวลาต่อมา คือ ด.ต.อิศเรศ (เสียชีวิต) , ส.ต.ท.มนพิทักษ์ (เสียชีวิต) ส่วน ส.ต.ท.ภานุวัฒน์ ได้รับบาดสาหัส (ยังรู้สึกตัว) กระดูกสันหลังหัก
>> รถประจำทางเฉี่ยวชนกับรถจักรยาน แล้วทับร่างผูัขับขี่ซ้ำ เสียชีวิตริมถนนประชาชื่น
10.20 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุรถประจำทางเฉี่ยวชนกับรถจักรยาน และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนประชาชื่น ช่วงเยื้องกับซอยประชาชื่น 25 ในพื้นที่ บางซื่อ กรุงเทพมหานคร
ที่เกิดเหตุ พบรถประจำทางปรับอากาศ สาย 66 สีส้ม ป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร ลักษณะเฉี่ยวชนกับรถจักรยาน แล้วทับร่างของผู้ขับขี่ ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางอาสาสมัครพยายามช่วยเหลือแต่ได้เสียชีวิตเวลาต่อมา ตรวจสอบ เป็นผู้ชาย ไม่พบเอกสารติดตัว ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น
>> นายกฯ ติดตามสถานการณ์น้ำ หนองหาร เตรียมพร้อมก่อนเข้าหน้าฝน
10.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่บึงหนองหาร และการบริหารจัดการน้ำ ณ สวนสาธารณะดอนเกิน ต.ท่าแร่ จ.สกลนคร โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้รายงานสรุปสถานการณ์น้ำหนองหาร ซึ่งมีคณะทำงาน โดยกรมชลประทานและกรมประมงร่วมบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามเกณฑ์การควบคุมน้ำของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำและน้ำท่วมในเขตชุมชนรอบหนองหาร
จากนั้น นายกฯ รับฟังบรรยายแผนพัฒนาหนองหาร ระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2563–2572) จากเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งครอบคลุม 5 ด้าน ทั้งการจัดการน้ำอุปโภคบริโภค การจัดการน้ำเพื่อการเกษตร การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย การจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และการบริหารจัดการ ซึ่ง นายกฯ ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนแผนดังกล่าว ซึ่งจะเป็นแผนยุทธศาสตร์สำคัญในการรองรับน้ำหลากในฤดูฝน และกักเก็บน้ำฤดูแล้ง และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติได้
นอกจากนี้ นายกฯ ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างและปรับภูมิทัศน์พุทธอุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รวมถึงโครงการจากภาคเอกชน อาทิ โครงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวแบบครบวงจรทะเลสาบหนองหาร พร้อมทั้งเยี่ยมชมบูธสินค้า OTOP พื้นที่ และทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับอย่างอบอุ่น ก่อนเดินทางต่อไปยังศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
>> บุกล็อกตัวจีนเทา กลางห้างดังย่านประตูน้ำ หลังพบลอบขายเสื้อผ้า เครื่องประดับแบรนด์หรู และ ขนมปลอมกว่า 2 หมื่นชิ้น
10.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกันตรวจจับกุมผู้ต้องหา ชาย สัญชาติ จีน อายุ 48 ปี เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร” โดยจับกุมได้ที่ บริเวณร้านค้าไม่ติดชื่อเลขที่ ห้างย่านประตูน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร
ด้วยเจ้าพนักงานตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 โดยได้สืบทราบว่ามีชาวจีนได้ลักลอบจำหน่ายสินค้าปลอม และขนมที่นำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นสินค้าที่ปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรภายในร้านค้าในห้างย่านประตูน้ำ จากนั้นได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติมจนทราบว่าบัญชีธนาคารผู้รับชำระค่าสินค้าคือ ชายสัญชาติจีน รายนี้ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าตรวจค้น
ต่อได้นำหมายค้น จึงได้นำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าทำการตรวจค้น ขณะตรวจค้นได้พบ ชายสัญชาติจีน แสดงตัวเป็นเจ้าของสินค้า จึงได้ทำการจับกุม โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าสินค้าเป็นของตนเอง โดยทำร่วมกับเพื่อนชาวจีนอีกหนึ่งคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดต่อไป จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร กว่า 27,856 ชิ้น นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> ตำรวจค้านประกันตัวชายชาวจีน ฆ่าควักหัวใจ "น้องโน๊ต" สาวประเภทสอง
13.00 น. จากคดีสะเทือนขวัญ ชายชาวจีน ก่อเหตุฆาตกรรมน้องโน๊ต อายุ 25 ปี สาวประเภทสอง เหตุเกิดภายในอพาร์ตเมนต์ ย่านพัทยากลาง จ.ชลบุรี และถูกจับกุมตัวได้
ล่าสุด ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนนานกว่า 3 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งตลอดการสอบสวน ผู้ต้องหามีสีหน้าเคร่งเครียดและอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดพัทยา โดยให้ผู้ต้องหาสวมหมวกกันน็อกและเสื้อเกราะ เนื่องจากเกรงจะเกิดเหตุรุมประชาทัณฑ์จากญาติของผู้เสียชีวิต และชาวบ้าน
ทั้งนี้ ตำรวจยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนีและเป็นคดีสะเทือนขวัญ
>> ความคืบหน้าครบรอบ 1 เดือน ค้นหาผู้สูญหาย-รื้อซากตึก สตง.ถล่ม พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม เดินหน้าปรับแผนเร่งลงชั้นใต้ดิน
13.23 น. นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยความคืบหน้าการรื้อถอนซากอาคาร สตง. ซึ่งในวันนี้ครบกำหนดเวลา 1 เดือน ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถลดทอนความสูงของโครงสร้างลงมาเหลือเฉลี่ยประมาณ 1.37 เมตร ซึ่งหากมองโครงสร้างด้านหน้าขณะนี้จะสามารถมองเห็นผนังของชั้นใต้ดินได้ โดยหากวัดระดับจากด้านข้างอาคารที่เป็นระดับเดียวกับพื้นชั้น 1 ก็จะเห็นว่าขณะนี้ระดับความสูงของโครงสร้างด้านหน้าลงมาเทียบเท่ากับบริเวณพื้นชั้น 1 แล้ว คงเหลือแต่โครงสร้างด้านหลัง ที่ยังคงมีความลาดเอียงชัน ซึ่งแผนการดำเนินงานในวันนี้จะมีการเร่งนำชิ้นส่วนโครงสร้างที่พังถล่มลงมาออกตรงจุดโซน C ใกล้อาคารจอดรถ เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงชั้นใต้ดินได้
ส่วนการนำผู้ติดค้างออกจากใต้ซากอาคารเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างผู้ติดค้างออกมาได้เพิ่มเติม 1 คน จากบริเวณโซน D และเจอชิ้นส่วนเพิ่มเติมอีก 5 เคส ในกองซากอาคาร ขณะเดียวกันยังพบชิ้นส่วนอีก 1 ชิ้น ที่กองเศษปูน
สำหรับปัญหาที่พบ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงต้องมีการปรับแผนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เช่นการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ ในบางโซนที่ต้องใช้กำลังคน ปรับเครื่องจักรให้สอดคล้องระดับชั้นความสูงและพื้นที่ ซึ่งวันนี้จะมีการปรับแผนถอนการใช้รถแบ็กโฮ SK-1000 หรือจอมมารบู ออกจากพื้นที่เพราะสภาพโครงสร้างขณะนี้ต่ำกว่าระดับเซ็นเซอร์ที่เครื่องจักรจะสามารถตรวจสอบได้ โดยจะมีการเสริมรถแบ็กโฮหัวกระแทกเข้ามาแทน ตลอดระยะเวลา 30 วันที่ผ่านมา ส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับผลการปฏิบัติงาน ต้องยอมรับว่าการถล่มลงมาของอาคาร ซึ่งการจะขุดไปถึงชั้นใต้ดินได้หลังจากนี้ยังไม่สามารถประเมินได้เนื่องจากมีอุปสรรค คอนกรีตมีความสมบูรณ์ บางจุดมีเศษซากชิ้นส่วนแตกหัก ซึ่งก็เป็นปัญหาที่แตกต่างกัน แต่เบื้องต้นกำหนดเป้าหมายว่าจะดำเนินการให้ได้วันละ 1 เมตร ซึ่งหากสามารถทำได้การทำงานก็จะเสร็จได้รวดเร็วขึ้น แต่ยืนยันภายในเดือนพฤษภาคมจะสามารถเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดได้แล้วเสร็จอย่างแน่นอน
>> ยอดผู้ป่วยท้องร่วงใน จ.ลำปาง พุ่งสูงทะลุ 3,000 ราย คาดอากาศร้อนทำอาหารเสียง่าย
14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ จ.ลำปาง พบผู้ป่วยอุจจาระร่วงเป็นจำนวนมาก โดยมีรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง พบว่าข้อมูลจากผู้ป่วย 13 อำเภอ พบผู้ป่วยอุจจาระร่วงแล้วจำนวน 3,237 ราย และพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 68 ถึงปัจจุบัน
จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า จำนวนผู้ป่วยอุจจาระร่วงที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นกลุ่มเป็นก้อน และไม่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารชนิดเดียวกัน สาเหตุอาจจะเกิดจากสภาพอากาศหน้าร้อนจัดช่วงนี้ ทำให้อาหารเสียง่าย และประชาชนขณะนี้ก็เข้าโรงพยาบาลจำนวนมาก
ส่วนการป้องกันโรคอุจจาระร่วงหรือโรคท้องเสียนั้น ขอให้ประชาชนทานอาหารปรุงสุกร้อน สะอาดใหม่ และรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารที่ปรุงสุกเก็บไว้เกิน 2 ชั่วโมง และต้องนำมาอุ่นให้ร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง ล้างมือน้ำสบู่ให้สะอาดก่อนหยิบอาหาร
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนนึกถึงความปลอดภัยในการรับประทานอาหารต่างๆ ด้วย ขณะที่มีรายงานว่าไวรัสที่พบในช่วงนี้ คือไวรัสโรต้า เป็นเชื้อโรคร้าย ทำให้อุจจาระไม่หยุด เป็นเชื้อโรคที่ติดต่อผ่านการรับเชื้อเข้าทางปาก และหลังจากนั้น ทำให้เกิดอุจจาระร่วงท้องเสียอย่างรุนแรงและมักจะพบในเด็กต่ำกว่าอายุ 5 ขวบ รวมไปถึงผู้ปกครองและผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
>> จ.พิจิตร อ่วม ฤทธิ์พายุฤดูร้อน พัดบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน
14.00 น. ที่ทำการปกครองอำเภอสากเหล็ก รายงานว่า เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงในพื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะที่อำเภอสากเหล็ก เกิดเหตุวาตภัย ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายในพื้นที่ 2 ตำบล ได้แก่ ต.สากเหล็ก และ ต.วังทับไทร อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร จำนวน 158 หลังคาเรือน และอาคารหน่วยงานราชการสำนักงานเทศบาลตำบลสากเหล็ก 1 แห่ง รวมทั้ง มีเสาไฟฟ้าล้ม จำนวน 25 ต้น
ทั้งนี้ อำเภอสากเหล็ก ได้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่รับผิดชอบ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาสากเหล็ก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
>> นายกฯ ย้ำ เดินหน้า “Seal Stop Safe” ต่อเนื่อง เผยผลดำเนินงานปี 68 ทำยาเสพติดน้อยลง
15.10 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดข้ามแดนในพื้นที่ ณ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม พร้อมรับฟังรายงานแผนปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดและปราบปรามตามมาตรการ “Seal Stop Safe” และโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครพนม
โดย หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส. 24)ได้ร่วมกับส่วนราชการภายในจังหวัด ทั้ง 20 จังหวัด ขับเคลื่อน 6 มาตรการตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดอย่างเข้มข้น ส่งผลให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดตามแนวชายแดนได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยาเสพติดในพื้นที่แนวชายแดน มีราคาสูงขึ้นและหาซื้อได้ยากขึ้น สะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์ของการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดที่มีประสิทธิภาพ
นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือปราบปรามอย่างจริงจังจนเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม พร้อมเน้นย้ำให้ดำเนินการต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเล็ดลอดเข้าสู่ชุมชน รวมทั้งขอให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ปลูกฝังเรื่องความร้ายแรงของยาเสพติดให้เยาวชนทราบอย่างทั่วถึง
>> ตำรวจไซเบอร์ รวบ 2 สาว ร่วมขบวนการเว็บพนันรายใหญ่เงินหมุนเวียน 2,400 ล้านบาทต่อปี
15.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 เม.ย.68 ที่ผ่านมา ตำรวจไซเบอร์ได้แถลงผลการจับกุมเครือข่ายเว็บพนันรายใหญ่ เงินหมุนกว่า 2,400 ล้านต่อปี โดยตรวจค้น 2 จุด ในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.ภูเก็ต สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย และยึดทรัพย์เพิ่มได้กว่า 215 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 เม.ย.68 ได้ทำการขยายผล และขอหมายจับเพิ่มเติม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาหญิง 2 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดย ตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน” โดยจับกุมตัวได้ที่ สถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.เชียงราย โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ให้ผู้คนฝากเงินเข้าและโอนเงินให้กับผู้ที่ถอนเงิน จากการเล่นการพนันออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ ok2d ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 2,400 ล้านต่อปี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนี และตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อยึดและอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดทั้งมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ กลับไทย กษัตริย์จิกมี-ราชินีเจตซุน ส่งเสด็จฯ
16.08 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจจากการเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน เป็นวันที่ 4 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย
ในการนี้ ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง จากท่าอากาศยานนานาชาติพาโร เสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทย โดยมี สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน ทรงโบกพระหัตถ์ ส่งเสด็จ เมื่อเครื่องบินพระที่นั่งเคลื่อนผ่าน
>> นายกฯ นำ ครม. สักการะพญาศรีสัตตนาคราช พร้อมหนุนกิจกรรมท้องถิ่น ยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก
19.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีสักการะพญาศรีสัตตนาคราช และจุดเชิงตะเกียงบนเรือไฟโบราณ ณ ลานพนมนาคา จ.นครพนม โดยได้ร่วมทำพิธีกล่าวบูชาพญาศรีสัตตนาคราช และถวายเครื่องบวงสรวงวาง พานบายศรี (ขันหมากเบ็ง) บูชาต่อพญาศรีสัตตนาคราช พร้อมรับมอบ "พญานาคเกี้ยว" จากตัวแทนชาวจังหวัดนครพนม เป็นของที่ระลึก
จากนั้น นายกฯ ร่วมชมการแสดงเรือไฟบก และการแสดงประทีปไหลเรือไฟนฤมิตรนาฏกรรม เหนือลำแม่น้ำโขง โดยเรือไฟที่นำมาจัดแสดงเป็นเรือไฟจากอำเภอท่าอุเทน ประกอบขึ้นจากไม้ไผ่หลายร้อยลำด้วยความสามัคคีของคนในชุมชน ทั้งนี้ จ.นครพนม มุ่งใช้ทุนทางวัฒนธรรมยกระดับเทศกาลไหลเรือไฟให้นานาชาติรู้จัก ตั้งเป้าให้เทศกาลไหลเรือไฟ เป็น เทศกาลเรือไฟระดับโลกในอนาคต
>> ฟ้าผ่าลงบ้านเรือน แล้วเกิดเพลิงลุกไหม้เสียหายวอดทั้งหลัง จ.มหาสารคาม
20.00 น. รับแจ้งว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านปอพาน อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง เพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหลัง ทางเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยรถดับเพลิงระดมใช้หัวฉีดน้ำเพื่อควบคุม จนเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา ขณะเกิดเหตุไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สาเหตุเบื้องต้น คาดว่า เกิดระหว่างที่มีพายุฝนฟ้าคะนองในพื้นที่ จากนั้นฟ้าผ่าบ้านเรือนประชาชน แล้วเกิดไฟไหม้อย่างรวดเร็ว บ้านดังกล่าวไม่มีผู้อาศัย ทั้งนี้สาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาเชือก
>> เพลิงไหม้ในห้องนอน บนบ้านทาวน์เฮ้าส์ ซอยหลวงแพ่ง 60 รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบไม่ลุกลาม
21.14 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยหลวงแพ่ง 60 ถนนหลวงแพ่ง แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นชั้นบน ภายในห้องนอน เพลิงลุกไหม้เสียหายที่นอน ลุกลามเครื่องปรับอากาศ พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดย 9 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควัน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่แบตเตอรี่สำรองไฟ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
>> แผ่นดินไหว ประเทศเมียนมา
22.48 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.5 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 300 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
23.41 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 1.4 ความลึก 1 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.นาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ไม่มีรายงานการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
>> คนร้ายใช้อาวุธมีด จี้ชิงทรัพย์ผู้เสียหาย ซอยประชาชื่น 18
01.24 น. ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า ตำรวจ 191 แจ้งเหตุ คนร้ายชาย 2 คน จำได้คนขับขี่ สวมเสื้อสีขาว สวมแหวนตา และคนซ้อนท้าย สวมเสื้อกันหนาวสีดำ สะพายกระเป๋าสีดำ ขับขี่และซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า เอนแม็กซ์ สีเทา ไม่ทราบทะเบียน ใช้อาวุธมีดก่อเหตุ ชิงกุญแจรถ และพระเครื่อง ของผู้เสียหายบริเวณซอยประชาชื่น 18 หลังก่อเหตุได้ขับขี่รถดังกล่าว หลบหนีออกปากซอย
ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ รู้จักกับผู้ก่อเหตุ เป็นชาย 2 คน จำได้คนขับขี่ สวมเสื้อสีขาว สวมแหวนตา และคนซ้อนท้าย สวมเสื้อกันหนาวสีดำ สะพายกระเป๋าสีดำ ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ดังกล่าว
โดยก่อนเกิดเหตุนัดหมายกับผู้ก่อนเหตุมาพบเพื่อจะนำพระเครื่องมาปล่อยเช่า ระหว่างที่ตกลงราคากันแล้ว ผู้ก่อเหตุบอกว่าจะไปธุระก่อนแล้ว จะนำเงินมาจ่าย แต่ตนไม่ยอม เพราะต้องการใช้เงินและกลัวว่าผู้ก่อเหตุจะเชิดพระเครื่องไป จึงได้ยึดพระเครื่องของผู้ก่อเหตุไว้เพื่อเป็นหลักประกัน ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจกล่าวหาว่าตนขโมยพระไป จากนั้นได้ชักมีดข่มขู่แล้วชิงพระเครื่องกับกุญแจรถตนไป ขณะนี้พบ จนท.ตำรวจแล้ว กำลังให้ข้อมูลเพิ่มเติม พื้นที่ สน.เตาปูน
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
04.25 น กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.6 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 192 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
22 พฤษภาคม 2568
เพจหมอเตือน 'โรคครูป' อันตราย! ระบาดในฤดูฝน พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม
22 พฤษภาคม 2568
22 พฤษภาคม 2568
เพจหมอเตือน 'โรคครูป' อันตราย! ระบาดในฤดูฝน พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม
22 พฤษภาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ