หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 23 เมษายน 2568

วันที่ 24 เมษายน 2568 เวลา 05:37 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 23 เมษายน 2568


>> เพลิงไหม้อาคารกองศิลปกรรม พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย จ.นครปฐม โชคดีไร้บบาดเจ็บ-เสียชีวิต

06.00 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ สถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารโกดังเก็บอุปกรณ์และหุ่นปั้น ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ถนนบรมราชชนนี หมู่ 1 ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จึงได้ประสานปลัดอาวุโสอำเภอนครชัยศรี กำนันตำบลขุนแก้ว เจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลขุนแก้วและพื้นที่ใกล้เคียงเข้าระงับเพลิงไหม้

โดยที่เกิดเหตุเป็นอาคารกองศิลปกรรม ลักษณะเป็นอาคาร 3 ชั้น กว้าง 10 เมตร ยาวประมาณ 20 เมตร ใช้เก็บหุ่นไฟเบอร์ประมาณ 100 กว่าตัว สร้างมาแล้วประมาณ 30 ปี ขณะเกิดเหตุ พนักงานได้เร่งช่วยกันลำเลียงหุ่นขี้ผึ้งที่ปั้นเสร็จแล้วและวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นเชื้อเพลิงออกมาจากตัวอาคาร แต่เนื่องจากภายในมีไฟเบอร์พลาสติก สี ทินเนอร์ เป็นจำนวนมากทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว

ล่าสุด เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ มูลนิธิหลวงพ่อสมหวัง ทีมดับเพลิงจากเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน และในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการสอบถามนายสุรัตน์ ศรีเบญจโชติ ประธานกรรมการ พิพิธภัณฑ์หุ่นที่ผึ้งไทย และผู้ประสบเหตุ ได้ยินเสียงระเบิด 2 ครั้ง บริเวณจุดแผงควบคุมไฟฟ้าชั้นล่าง ส่วนมูลค่าความเสียหายและรายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ระหว่างตรวจสอบต่อไป


>> คนขับวูบ รถประจำทางเฉี่ยวชนแบริเออร์ ทางลงด่วนฯ ผู้โดยสารบาดเจ็บ 20 กว่าราย

08.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุมีรถประจำทางปรับอากาศสาย 166 พุ่งเฉี่ยวชนกับขอบฟุตปาธบริเวณทางลงด่วนถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงลงพื้นที่ตรวจสอยเหตุพร้อมประสานรถเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล

จากการลงพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณก่อนลงทางด่วนแจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าบางปะอิน ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สาย 166 หมายเลขทะเบียน 2498 กรุงเทพ จอดอยู่ริมขอบทางลงด่วนแจ้งวัฒนะ ในสภาพตัวรถด้านข้างคนขับได้รับความเสียหายจากการพุ่งชนขอบปูนกั้นทางลง โดยมีผู้โดยสารในรถ ออกจากตัวรถลงมานั่งรอความช่วยเหลือ ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีผู้โดยสารประมาณ 23 ราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นถลอก

ต่อมาคนขับขี่รถประจำทางคันดังกล่าว เป็นชาย อายุ 36 ปี ให้การว่า ระหว่างที่ขับรถรับผู้โดยสารมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งในรถมีผู้โดยสารประมาณ 30 คน เมื่อขับมาใกล้ถึงทาง ลงทางด่วนถนนแจ้งวัฒนะ ได้เกิดอาการวูบ ทำให้รถประจำทางไปเฉี่ยวชนเข้ากับขอบทางกั้นทางลงด่วน ก่อนที่จะตั้งสติแล้วควบคุมรถลงมาจอดข้างล่างได้ ทำให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บประมาณ 23 คน มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยไม่มีอาการสาหัส หรือเสียชีวิต ส่วนสภาพรถได้รับความเสียหายที่ตัวรถฝั่งคนขับเท่านั้น

หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุม คนขับรถโดยสารประจำทางรายนี้มาทำการ ตรวจวัดแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายแล้ว แต่ไม่พบแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดใดๆในร่างกาย ในเบื้องต้นทางบริษัทประกันภัยของรถโดยสารได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพรถและพร้อมที่จะดูแลจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บทุกรายต่อไป


>> รอง ผบช.น. เผยความคืบหน้าคดีอาคาร สตง. ถล่ม เดินหน้ารวบรวมหลักฐาน ลุยสอบเอกสารปลอม หวังสรุปคดีโดยเร็ว

10.00 น. ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุสะเทือนขวัญที่มีผู้เสียชีวิตถึง 53 ราย และบาดเจ็บอีก 9 ราย โดยยังคงมีผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ระหว่างการติดตามสอบสวนอีก 41 ราย

พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่และบริษัทที่เกี่ยวข้องแล้วกว่า 56 ราย พร้อมพยานบุคคลอื่นๆ และเอกสารสำคัญ ซึ่งได้มีการส่งตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญ อาทิ สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และหน่วยงานด้านวิศวกรรมต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบสำนวนคดี

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างเข้มข้น คือ กรณีการปลอมแปลงเอกสารและลายเซ็นของวิศวกรที่ใช้ในการดำเนินโครงการก่อสร้าง ซึ่ง สตง. จะเป็นผู้ดำเนินคดีและแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน โดยเอกสารต้องสงสัยทุกฉบับจะถูกตรวจสอบย้อนกลับไปถึงบุคคลหรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดีถึงที่สุดกับผู้มีส่วนร่วมทั้งหมด

สำหรับการสอบสวนยังคงรอผลการตรวจสอบเอกสารสำคัญจาก สตง. ซึ่งรวมถึงรายงานการตรวจรับงาน 22 งวด และสัญญาที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างทั้งหมด


>> ปลดล็อกการแต่งชุดลูกเสือ ยืดหยุ่น ให้ใช้ชุดนักเรียน-ชุดพละได้

11.47 น. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.ว่า

ในที่ประชุมสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) ยังได้เตรียมจัดทำประกาศยกเว้นการแต่งเครื่องแบบลูกเสือของสถานศึกษาสังกัดศธ. โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งการดำเนินการเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจและสภาพอากาศตามบริบทของพื้นที่

โดยชุดลูกเสือตามประกาศ จะมี อยู่ด้วยกัน 3 ชุด ได้แก่ ชุดพิธีการ ชุดฝึก และชุดลำลอง ซึ่งในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนโรงเรียนสามารถเป็นผู้กำหนดเครื่องแบบตามความเหมาะสมได้ เช่น เมื่อมีการจัดกิจกรรมเรียนวิชาลูกเสือ ผู้เรียนสามารถแต่งกายเพียงชุดพละหรือชุดนักเรียนที่เด็กมีอยู่แล้ว และใช้ผ้าพันคอลูกเสือกำหนดเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าเรียนหรือเข้าร่วมกิจกรรมแทนได้ เป็นต้น เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้กครอง ดังนั้นผู้ปกครองทุกคนไม่จำเป็นต้องไปซื้อชุดลูกเสือใหม่ให้บุตรหลานของตัวเอง เพื่อใช้เรียนอีกต่อไป


>> รวบตัวผู้ต้องสงสัย ยิงสามเณรมรณภาพที่สะบ้าย้อย เผยปืนที่ใช้ ชิงมาจากตร.สภ.นาประดู่

12.00 น. เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมตัว นายเอ (นามสมมุติ) จากบ้านพัก จากการร่วมกันแจ้งเบาะแสของชาวบ้านในพื้นที่ และจากภาพกล้องวงจรปิดในพื้นที่รวมไปถึงพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุและจากพยานหลักฐานและคำให้การของสามเณร 
ทราบว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายได้แต่งกายเป็นหญิง คลุมฮิญาบ และลงมือก่อเหตุลอบยิงรถสามเณรขณะกำลังบิณฑบาตเสียชีวิต อีกทั้งจากการตรวจสอบพบว่า นายเอ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด รปภ.ครู สภ.หนองจิก เมื่อ 7 มีนาคม 68 และอีกหลายเหตุการณ์ในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ 4 อำเภอสงขลา

รายงานข่าวจากตำรวจว่า ปีนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืน เอ็ม 16 ซึ่งปืนที่กลุ่มคนร้ายแย่งชิงและยิงตำรวจ สภ.นาประดู่ จ.ปัตตานี เสียชีวิตและเอาปืนขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นปืนประจำตัวตำรวจไปด้วย ส่วนปลอกกระสุน 9 มม.จำนวนหนึ่งและปลอกกระสุนปืน เอ็ม 16 จำนวน 3 ปลอกเป็นของ ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน ที่ยิงต่อสู้กับคนร้าย ก่อนคนร้ายวิ่งไปท้ายรถจักรยานยนต์หลบหนี


>> กองปราบฯ รวบโจ๋หัวร้อน ยกพวกรุมทำร้ายเพื่อนบ้านยับ

14.44 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว” โดยจับกุม บริเวณหน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ซ.อ่อนนุช 66 กรุงเทพ ฯ

พฤติการณ์ย้อนกลับไปเมื่อช่วงสงกรานต์ ปี 2565 เกิดเหตุความวุ่นวายกลางชุมชนในพื้นที่เขตจรเข้น้อย กรุงเทพฯ เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 11 คน นำโดย นายเอ ได้ตั้งวงสังสรรค์จนมีอาการมึนเมา ระหว่างนั้น เพื่อนร่วมวงสองคนได้เดินไปยังบ้านฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นบ้านของผู้เสียหาย แต่จู่ๆ หนึ่งในนั้นเกิดล้มลง อีกคนพยายามช่วยพยุง แต่กลับล้มลงไปด้วยกัน ภาพที่ปรากฏแก่สายตาเพื่อนร่วมวง ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเพื่อนถูกทำร้ายจากบ้านฝั่งตรงข้าม จึงรีบกรูกันเข้าไปช่วย เหตุการณ์บานปลายอย่างรวดเร็ว จากเพียงปากเสียงกลายเป็นความรุนแรงระดับชุมชน เมื่อมีการใช้อาวุธขว้างปา เสียงคล้ายเสียงปืนและเสียงระเบิดดังกึกก้องกลางหมู่บ้าน สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนบริเวณใกล้เคียง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.จรเข้น้อย ต้องระดมกำลังเข้าระงับเหตุจนสถานการณ์คลี่คลายลง แต่ก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากทั้งสองฝ่าย และต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร่งด่วน ภายหลังเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวผู้เกี่ยวข้องจากทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ย แต่ปรากฏว่า นายเอ ปฏิเสธที่จะมาพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียก และหลบหนีออกนอกพื้นที่ จนนำไปสู่การออกหมายจับ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ตามจับได้ที่ ซ.อ่อนนุช 66 และนำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สน.จรเข้น้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา


>> ไฟไหม้ร้านเฟอร์นิเจอร์ ซอยสุขาภิบาล 5 เสียหายวอดทั้งห้อง

15.50 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 22 ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ประกอบกิจการร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 2 เพลิงลุกไหม้ห้องเก็บเฟอร์นิเจอร์เสียหายทั้งหมดจำนวน 1 ห้อง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 32 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางเขน


>> นายกฯ เข้าหารือสมเด็จฯ ฮุน เซน ย้ำความสัมพันธ์ไทย – กัมพูชา ผลักดันความร่วมมือระหว่างกันให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

16.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา 
โดยครั้งนี้ถือเป็นการเยือนกัมพูชาครั้งที่สองของนายกฯ ไทย นับตั้งแต่สมเด็จฯ ฮุน มาแนด เข้ารับตำแหน่ง และยังเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - กัมพูชา

นายกฯ และสมเด็จฯ ฮุน เซน หารือประเด็นความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกัน มุ่งกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างสันติภาพตลอดจนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ด้านการค้าและการลงทุน เพื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน

ในระยะต่อไป นายกฯ ขอรับการสนับสนุนในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดี ความปลอดภัย และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งสมเด็จฯ ฮุน เซน พร้อมให้การสนับสนุนและร่วมมือกับไทย เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกันต่อไป


>> เกษตรกรโอด ราคาปาล์มตกต่ำ รวมตัวยื่นหนังสือถึงนายกฯ เร่งแก้ปัญหา

16.24 น. สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง รวมตัวที่หน้าศาลากลางจังหวัดตรัง เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ขอให้แก้ไขปัญหาผลปาล์มล้นโรงงาน และราคาผลปาล์มตกต่ำในจังหวัดตรัง โดยมี พันจ่าโทอนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นผู้รับหนังสือ

โดยตัวแทนสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง กล่าวว่า ในจังหวัดตรัง มีเกษตรกรทำสวนปาล์มเป็นอาชีพหลักมากขึ้น จากการที่เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากยางพารา ลองกอง หรือเงาะ เป็นปาล์ม ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า มีพื้นที่ปลูกประมาณ 500,000 ไร่ ทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นจำนวนมากทุกปี และในช่วงเดือนมีนาคม- มิถุนายน จะมีผลผลิตปาล์มน้ำมันเพิ่มทุกปี

โดยเฉพาะช่วงก่อนและหลังวันสงกรานต์ มักเกิดภาวะผลปาล์มล้นโรงงานสกัด จนเกษตรกรตัดส่งขายลานเทไม่ได้ หรือลานเทรับซื้อน้อยลง เพราะส่งผลปาล์มเข้าโรงสกัดไม่ได้ หรือติดคิวนาน ทำให้ราคาผลปาล์มที่เกษตรกรได้รับต่ำกว่าปกติ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นติดต่อกันมาทุกปี สร้างความเดือดร้อนในวงจรของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน โดยล่าสุดผลปาล์มมีราคาลดลงเหลือ 4.20 - 4.80 บาทต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดข้อสงสัยในประเด็นปัญหาคือ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องความเดือดร้อนนี้ของเกษตรกรหรือไม่, ผลปาล์มติดคิวส่งเข้าโรงสกัดไม่ได้เพราะอะไร, เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มต่ำเพราะอะไร และราคาต่ำเพราะเกิดจากการปั่นป่วนราคาในห่วงโซ่อุตสาหกรรมปาล์มหรือไม่

ดังนั้น สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง ในฐานะตัวแทนของเกษตรกรในจังหวัดตรัง จึงขอให้ท่านหาแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยด่วน ซึ่งหลังรับเรื่องแล้ว พันจ่าโท อนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้สั่งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาประชุม เพื่อหารือแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรสวนปาล์มต่อไป


>> ไฟไหม้บ้านเรือน ซอยวิภาวดีรังสิต 60 ประชาชนช่วยกันใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

16.24 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แยก 16 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวคอนกรีต 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นบน เพลิงลุกไหม้ฝาผนังลุกลามเตียงนอน ประตู หน้าต่าง และฝ้าเพดาน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 8 ตารางเมตร ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟติดผนัง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางเขน


>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

16.35 น. รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 3454 เส้นทางชัยนาท - ชัณสูตร ในพื้นที่ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ป้ายทะเบียน ชัยนาท ลักษณะชนกับรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า ป้ายทะเบียน นครสวรรค์ ตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียชีวิต เป็นผู้ชาย 2 ราย ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สรรคบุรี


>> ตร.เมืองนนท์ คุมตัวผู้ต้องหาทำร้ายพระชี้จุดเกิดเหตุ พร้อมออกหมายจับผู้ต้องหาอีกราย

17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้ควบคุมตัว นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 22 เม.ย.68 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย พระรูปหนึ่ง อายุ 32 ปี จนกรามหัก ดั้งจมูกหัก เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.20 น.วันที่ 19 เม.ย.68 เดินทางไปชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ ที่วัดแห่งหนึ่ง ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี

ที่กุฏิเกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ขับรถจักรยานยนต์มาจอดที่ลานวัดด้านหน้ากุฏิ จากนั้นได้เดินขึ้นไปบนกุฏิ เคาะเรียกผู้เสียหายและได้มีการพูดคุยกัน ต่อมาได้เดินเข้าไปภายในห้องระหว่างที่พูดคุยเรื่องเงินจำนวน 14,000 บาท ได้โต้เถียงกันจนทำให้ นายเอ (นามสมมุติ) โมโหและด่าทอ จึงได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายเซจะล้ม นายเอ จึงได้เตะไปจำนวน 2 ครั้งที่ใบหน้า และชกต่อย ส่วนนายบี (นามสมมุติ) ยืนดูอยู่ด้านข้าง หลังจากนั้นผู้เสียหายแจ้งว่าจะพาไปบ้านภรรยาเก่า ย่านปากเกร็ด เพื่อขอยืมเงินมาคืนให้ ผู้เสียหายจึงได้หยิบเสื้อผ้าจากใต้ตู้มาเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาก่อนออกไปจากกุฏิ เมื่อไปถึงซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 1 ผู้เสียหายพยายามโทรศัพท์เพื่อหาเงินจากคนรู้จักและญาติ แต่หาไม่ได้ ผู้ต้องหาจึงได้ทิ้งผู้บาดเจ็บไว้ในซอยดังกล่าว โดยไม่ได้ทำร้ายร่างกายอีก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 575/2568 ลงวันที่ 23 เม.ย. 68 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส เพื่อจับกุมตัวนายบี (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีเพื่อมาดำเนินคดีตามกฏหมาย


>> ผกก.พัทยา นำทีม บุกจับคลับสุดหรูเปิดบ่อนโป๊กเกอร์ รวบผู้เล่น-พนักงานรวม 19 ราย ยึดของกลางเพียบ

17.47 น. พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 10 นาย บุกเข้าจู่โจมบ่อนการพนันไพ่โป๊กเกอร์ ตั้งอยู่ในสปอร์ตคลับแห่งหนึ่ง ย่านใจกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยจากการกระจายกำลังปิดล้อม สามารถจับกุมผู้เล่นพนันชาวไทยและต่างชาติ 13 ราย รวมถึงพนักงานอีก 6 คน รวมทั้งหมด 19 ราย ยึดของกลางเป็นอุปกรณ์โต๊ะเก้าอี้ชุดเล่นไพ่โป๊กเกอร์ จำนวน 4 ชุด ชิปเงินสดจำนวนมาก และเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด 1 เครื่อง ทีวีจอสี สำหรับเปิดวิธีการเล่นและวิเคราะห์ผล โดยมี ชาย อายุ 65 ปี สัญชาติ สิงคโปร์ เป็นผู้จัดให้มีการเล่น

พ.ต.อ.เอนก ผกก.สภ.เมืองพัทยา เผยว่า ตำรวจได้ทำการตรวจสอบ พบว่าคลับดังกล่าวเพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน โดยภายในคลับมีการลักลอบเล่นการพนันประเภทโป๊กเกอร์ ในต่างประเทศถือเป็นกีฬายอดฮิต ซึ่งในประเทศไทยยังผิดกฎหมายอยู่ จึงทำการส่งสายลับเข้าไปแฝงตัวสืบสวนหาข่าว พบว่าชั้นที่ 2 ถูกดัดแปลงแบ่งแยกออกเป็นห้องๆ ไว้เล่นไพ่โป๊กเกอร์ โดยผู้เล่นจะต้องเสียเงินค่ารอบครั้งละ 1,800 บาท ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ตำรวจจึงสนธิกำลังเข้าปิดล้อมจับกุมบ่อนพนันโป๊กเกอร์ต่างชาติดังกล่าว  


>> ไฟไหม้เพิงพักเก็บของ อุปกรณ์ช่าง ซอยบางกระดี่ 43 เสียหายวอดทั้งหลัง

00.08 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยบางกระดี่ 43 ถนนบางกระดี่ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นเพิงไม้ ใช้เป็นเพิงพักเก็บของ เก็บอุปกรณ์ช่าง เครื่องยนต์เรือ ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่เพิงเก็บของ เพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 5 ตารางเมตร อาสาสมัครใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายความร้อน

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนเทียน


>> รวบชายเร่ร่อน ถ้ำมองแอบดูอาสาฯ สาว ขณะกำลังอาบน้ำ ในแคมป์งานกู้ซากตึกถล่ม สตง.

00.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เกิดเหตุชายเร่ร่อนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงงานกู้ซากตึกถล่ม สตง. เข้าไปแอบเข้าดูสาวอาสากู้ภัยมูลนิธิแห่งหนึ่ง ในห้องน้ำสุขาเคลื่อนที่กทม. ซึ่งตั้งไว้สำหรับผู้ประสบภัยมาใช้บริการ

จากการสอบถาม นายสมศักดิ์ ชมชาติ คณะกรรมการศูนย์อปพร.เขตสายไหม ได้เล่าเหตุการณ์ว่า ขณะนั้นพร้อมทีมงานกำลังทำอาหารให้แก่อาสาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายด้านในซากตึกถล่ม ตนเองจึงได้ยินเสียงผู้หญิงร้องออกมาจากภายในห้องสุขาเคลื่อนที่ จึงได้แจ้งกองอำนวยการและให้ทีมงานเดินไปดู ผู้เสียหายได้แจ้งว่า โดนคนแอบดูตอนอาบน้ำ

จนท.สายตรวจพร้อมกำลังอาสาจำนวน 50 นาย ได้เร่งตามล่าตัว จึงพบอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าตลาดปลา เบื้องต้นทราบต่อมาเป็นชายไทย อายุประมาณ 40 - 45 ปี ภูมิลำเนา อยู่จว.สุพรรณบุรี สวมเสื้อสีดำ กางเกงยีนส์ ผู้ก่อเหตุได้สารภาพว่า ตนเองเข้ามาชะโงกดูขณะที่ น้องอาสาฯ กำลังอาบน้ำอยู่ และมีการถ่ายคลิป

หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางซื่อ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุในขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป


>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

02.13 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 3.1 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของ ประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 183 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย 

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ