หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 20 เมษายน 2568

วันที่ 21 เมษายน 2568 เวลา 05:38 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 20 เมษายน 2568


>> ตร.เร่งล่าสาวสอง หลอนยาบุกกุฎิใช้คัตเตอร์กรีดร่างพระจุดไฟเผา ได้รับบาดเจ็บสาหัส

07.30 น. สภ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีพระถูกทำร้ายอยู่ภายในวัดแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ อาการสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพ อบต.ตาเสา และหน่วยกู้ชีพเมืองโพธิ์

ที่เกิดเหตุภายในกุฏิพบพระอายุ 70 ปี เป็นพระลูกวัด นอนอยู่บนที่นอน มีร่องรอยถูกไฟไหม้ตามลำตัวมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าตามใบหน้า ,ลำตัว และแขนมีร่องรอยของมีคม หน่วยกู้ชีพรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะอาการสาหัส ส่วนผู้ก่อเหตุคาดเป็นสาวสอง คนในหมู่บ้าน เพราะได้หลบหนีออกจากบ้าน

สอบถามพระลูกวัดอีกรูป เล่าว่า พระที่ถูกทำร้ายไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง แต่เท่าที่ทราบ เคยถูกสาวสองคนหนึ่งดักทำร้ายมาแล้วหลายครั้งระหว่างไปบิณฑบาต จนกระทั่งทราบต่อมาว่าสาวสอง อ้างว่าพระที่ถูกทำร้าย ติดหนี้เขาอยู่ 2 ล้านบาท แต่ส่วนตัวคิดว่า เป็นไปไม่ได้ สาวสองน่าจะเกิดอาการหลอนมากกว่า

ด้านพ่อของสาวสอง เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ลูกตนเองมีอาการผิดปกติ พูดคนเดียวมาประมาณ 1 ปีแล้ว หลายครั้งลูกจะบ่นว่าได้เงินจากรายการดังเป็นเงิน 2 ล้านบาท แล้วเอาไปฝากไว้ที่พระ ไปทวงคืนไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วลูกไม่ได้มีเงินขนาดนั้น และ ไม่เคยไปรายการอะไรมาก่อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวสาวสองคนดังกล่าว มาสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งคาดว่าน่าจะยังอยู่ในพื้นที่


>> ตร.รวบจ่าทหารหึงโหด จ่อยิงภรรยาดับต่อหน้าลูก อ้างแค้นเมียนอกใจ

08.53 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณี ตำรวจ สภ.โพธาราม รับแจ้งเหตุ หญิง อายุ 28 ปี ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 6 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยพยานให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุคือ จ.ส.อ. ซึ่งเป็นสามีแต่ไม่จดทะเบียนสมรสกัน

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 และ พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จว.ราชบุรี สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามจับผู้ก่อเหตุ โดยชุดสืบสวนพบเบาะแสว่า จ.ส.อ. ผู้ก่อเหตุ ปรากฏตัวอยู่ที่บริเวณริมถนนสี่แยกบางแพ ริมถนนเพชรเกษม ในพื้นที่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี จึงไปตรวจสอบพบ จ.ส.อ.ผู้ก่อเหตุจริง จึงแสดงตัวและแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ จ.ส.อ. ตรวจสอบดู และตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย หรืออาวุธปืนที่ใช้ในก่อเหตุ

ต่อมาสอบถาม จ.ส.อ. ผู้ก่อเหตุ บอกว่า หลังจากเกิดเหตุได้ นำอาวุธปืนไปซุกซ่อนไว้ที่บริเวณตู้เสื้อผ้าหน้าห้องนอนภายในบ้านพักสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะหลบออกมา ชุดสืบสวนจึงให้ จ.ส.อ. นำพาไปตรวจสอบที่บริเวณดังกล่าว ปรากฏว่าพบ อาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ , ซองกระสุนปืน , เครื่องกระสุนปืน และอาวุธปืนสั้นลูกโม่ ขนาด.38 พร้อมเครื่องกระสุนปืน อยู่ภายในกล่องพลาสติกใส่อาวุธปืนสีดำ ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าหน้าห้องนอนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงตามไปตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม ดำเนินการตามกฎหมาย


>> รวบแก๊งรับจำนำรถข้ามชาติ สกัดจับยึดคืนได้ ก่อนหลุดชายแดน

10.51 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยึดของกลาง รถกระบะตู้ทึบ สีขาว จำนวน 1 คัน ,รถจักรยานยนต์ จำนวน 9 คัน โดยจับกุมได้ บริเวณ ทล.2050 กม.23-24 อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดได้รับแจ้งว่า จะมีขบวนการลักลอบขนรถจักรยานยนต์ส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านทางช่องทางธรรมชาติ โดยใช้รถยนต์กระบะตู้ทึบสีขาว ผ่านมาทางถนนทางหลวง 226 เข้าสู่ ทล.2050 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางแผนสกัดจับ และสามารถสกัดจับรถยนต์คันดังกล่าวได้ที่บริเวณ ทล.2050 กม.23-24 อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี

ทั้งนี้ในระหว่าง การตรวจค้นผู้ว่าจ้างโทรศัพท์โทรโดยใช้ไลน์ โทรมาหาผู้ขับขี่ และขอคุยเจรจากับเจ้าหน้าที่ชุดจับ เพื่อให้สินบนและจะให้ปล่อยรถทั้งหมดไป แต่ทางตำรวจชุดจับกุมปฏิเสธและยืนยันทำตามหน้าที่ พร้อมทั้งขอตรวจสอบที่มาที่ไปรถทั้งหมดก่อน 
จากการสอบถามเบื้องต้น ให้การรับสารภาพว่า ได้รับงานจ้างขนย้ายรถจักรยานยนต์จำนวนดังกล่าว มาจากจังหวัดปทุมธานี (บริเวณลานจอดรถตลาดไท) โดยรับการว่าจ้างจาก น.ส.มิ้น (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ผ่านทางแชทไลน์ โดยจะโทรประสานผ่านทางไลน์ เพื่อจะทราบจุดนัดรับ-ส่ง สินค้า ได้รับค่าจ้าง 9,000 บาท และจะได้รับเงินค่าจ้างต่อเมื่อส่งรถเสร็จแล้ว โดยไม่เคยพบหน้ากับเจ้าของสินค้าโดยตรงและยังไม่พบหน้าผู้รับสินค้าปลายทาง จากนั้นจะมีคนมารับไปส่งประเทศลาว โดยได้ทำลักษณะดังกล่าวเป็นครั้งที่ 5 แล้ว


>> "อนุทิน" ติดตามแนวทางป้องกันไฟป่าหมอกควันพื้นที่ จ.นครพนม

11.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ ลงพื้นที่ติดตามแนวทางป้องกันไฟป่าหมอกควันพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม

สำหรับมาตรการรองรับสถานการณ์ไฟป่าของอุทยานฯ ได้เตรียมการ 3 แนวทาง คือ 1. ประชาสัมพันธ์เฝ้าระวังไฟป่าให้กับประชาชนรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติภูลังกา 2. ลาดตระเวนตรวจหาและตรวจปราบปรามการลักลอบเผาป่า และ 3. จัดตั้งจุดสกัดกลางเขาเพื่อความรวดเร็วในการเข้าพื้นที่ดับไฟป่า

สำหรับอุทยานแห่งชาติภูลังกา ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 เป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 117 ของประเทศไทย


>> รองผู้ว่าฯ กทม. เตรียมเสนอปรับเงินเยียวยาที่พัก พร้อมยืนยันรื้อซากตึก สตง. เสร็จทันสิ้นเดือนนี้

11.30 น. น.ส.ทวิดา กมลเวช รองผู้ว่าฯ กทม. ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการรื้อถอนและค้นหาร่างผู้สูญหายภายใต้ซากตึกอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง. พังถล่ม

ด้าน น.ส.ทวิดา กล่าวว่า การพบชิ้นส่วนและต้องหยุดการทำงานของเครื่องจักรจะทำให้ล่าช้ามากขึ้น เนื่องจากต้องใช้ความละเอียดมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าจะให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน เม.ย. นี้ อาจจะบวกลบเล็กน้อย ส่วนเรื่องการรวมร่างให้สมบูรณ์จากชิ้นส่วนที่พบนั้น ยอมรับว่า อาจจะไม่ครบถ้วนเนื่องจากแรงกระแทกทำให้กระดูกแหลกหรือเกิดการย่อยสลายของชิ้นส่วน เพราะผ่านมาระยะเวลาค่อนข้างนานแต่จะทำให้สมบูรณ์มากที่สุด โดยจะไม่หยุดค้นหาจนกว่าทุกอย่างจะเป็นศูนย์ ในส่วนของการจราจรบริเวณถนนหน้าตึกแดงเปิดการจราจรแล้วบางส่วน และเตรียมจะย้ายรถและของเพื่อจัดระเบียบ เพราะเข้าใจว่ากระทบต่อผู้ค้า ได้หารือผู้เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเบื้องต้น

สำหรับบ้านและที่พักของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว ยอมรับว่าตัวเลขเงินเยียวยาค่อนข้างน้อยเกินไป วันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.) ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปชี้แจงในสภา เพื่อขอปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาเป็นกรณีพิเศษ อาจมีการขยับแต่คงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา


>> รถการเกษตร เสียหลักพลิกตะแคงในลงสระน้ำ แล้วทับร่างคนขับ กู้ภัยช่วยเหลือทำ CPR แต่ไม่เป็นผล

13.00 น. รับแจ้งจาก อาสากู้ภัยสว่างเมตตาฯ จุดหนองบุญมาก มีอุบัติเหตุ รถการเกษตรเสียหลักลื่นไหลตกสระน้ำ และรถยังทับคนติดอยู่ในน้ำ ริมถนนภายในหมู่บ้าน พื้นที่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา

ที่เกิดเหตุ พบรถการเกษตร ลักษณะพลิกตะแคงในสระ ส่วนคนขับ ญาติได้นำขึ้นมาจากน้ำแล้ว พบว่าไม่มีชีพจรไม่หายใจ ลูกข่ายทำการช่วย CPR ที่เกิดเหตุแต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 29 ปี

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองบุญมาก พร้อมแพทย์เวรร่วมตรวจสอบ ก่อนมอบให้อาสาสมัครนำร่างผู้เสียชีวิต ส่งชันสูตร รพ.หนองบุญมาก


>> คุณลุงวัย 59 ปีโดนแทงเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล มือมีดวัย 19 ดอดมอบตัว อ้างแค้นที่ผู้ตายเมาอาละวาดด่าทอพี่สาว

13.30 น. สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งมีเหตุคนโดนแทงนอนสลบมีบาดแผลบริเวณท้องเลือดออก อยู่บริเวณใกล้ร้านขายของชำภายในซอยโหนทรายทอง หมู่ที่ 3 ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบ สถานที่เกิดเหตุด้วย

ที่เกิดเหตุ พบว่า หน่วยกู้ชีพเทศบาลตำบลรัษฎา พร้อมด้วยหน่วย อีเอ็มเอสแอดวานซ์ ได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งรพ.อบจ.แล้ว หลังจาก จนท.ได้ช่วยเหลือ โดยการทำซีพีอาร์ และเนื่องจากอาการสาหัสไม่รู้สึกตัว โดนแทงเข้าที่ใต้ราวนมขวา และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวสอบเอกสร ทราบชื่อ นายจตุโชค อายุ 59 ปี ชาว จ.ภูเก็ต

ผู้สื่อข่าวสอบถาม ญาติคนเสียชีวิต เล่าว่าได้รับแจ้งจากน้องชายว่าน้าโชคโดนแทงอยู่ที่องค์การสะพานปลา ตนก็เลยวิ่งกลับมาเข้ามาในซอยโหนทรายทอง เห็นนอนอยู่บนพื้นอยู่แล้วไม่รู้สึกตัว มีเลือดออกเยอะตามร่างกาย โดนแทงบริเวณหน้าออกใต้ราวนมแผลเดียวแผลใหญ่ น้าโชคปกติถ้าไม่กินเหล้านิสัยดี ถ้ากินเหล้าก็กินคนเดียวไม่มั่วใครตามร้านค้าจะรู้จัก เท่าที่ทราบคุณลุงไปดองปลาที่แพที่องค์การสะพานปลาแล้วมาลงที่บ้านซึ่งอยู่ในซอยโหนทรายทองที่เกิดเหตุ ไม่มีศัตรูที่ไหนเขาไม่มั่วกับใครอยู่บ้านตามประสาของเขา

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเมืองภูเก็ตได้ตรวจยึดรถที่คนร้ายขับไปก่อเหตุเป็นรถจักรยานยนต์ สีขาว ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ได้ติดต่อเข้ามอบตัวแล้ว ส่วนสาเหตุทราบว่า ผู้เสียชีวิตเวลาเมาสุราชอบไปด่าที่ร้านขายน้ำของพี่สาวนายเอ โดยวันนี้พี่สาวนายเอ ได้โทรบอกว่า คนตายได้มาด่าอีกจึงโทรตามน้องชายมาหาที่ร้านหา ระหว่างที่ผู้ตายเดินริมถนนได้พบกับนายเอ ทำให้มีปากเสียงกันและได้ใช้แทงคนตาย 1 ครั้ง ก่อนขอเข้ามอบตัว


>> ทีมปฏิบัติการขุดเจาะ ตึก สตง. สามารถนำร่างผู้ประสบภัยที่สูญหายออกมาได้อีก 1 ราย

16.25 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย สุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. (สปภ.) เปิดเผยว่า ทีมกู้ภัย USAR สามารถกู้ร่างผู้ติดในซากตึก สตง.บริเวณโซน C ได้ 1ร่าง แต่ยังไม่ทราบเพศ ขณะนี้ได้นำร่างดังกล่าวส่งให้สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตังบุคคลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

โดยจุดที่พบร่างนี้ เป็นบริเวณบันไดหนีไฟของโถงลิฟต์ที่เชื่อมต่อกับบริเวณโซน B ซึ่งตรงกับการตรวจพบของทีมผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ การทำงานในคืนนี้จะเน้นขุดรื้อบริเวณนี้เพิ่มขึ้น พร้อมกับการขุดรื้อชั้นคอนกรีตในพื้นที่โซน A และ Dไปพร้อมกันทีละชั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีผู้ประสบภัยรายใดตกหล่นจากการค้นหา


>> นักธรณีเข้าตรวจสอบหลุมยุบ จ.กระบี่ คาดเป็นทางน้ำไหลผ่าน จนเกิดโพรงใต้ดินและยุบตัว

16.51 น. ว่าที่ร้อยตรีนครชัย แสงมณี นายอำเภอเขาพนม พร้อมด้วยนายธนิต ศรีสมศักดิ์ นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 (สุราษฎร์ธานี) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กระบี่ พร้อมกำนันและ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ต.พรุเตียว เข้าตรวจสอบบริเวณหลังฟาร์มไก่เทพพิทักษ์ หมู่ที่ 10 ซึ่งเป็นจุดที่มีดินยุบตัวเป็นหลุมขนาดใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่ได้วัดความลึกของหลุมพบว่ามีความลึกถึง 10 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร และยาวร่วม 40 เมตร มีการยุบตัวของดินเป็นรอยแยกจำนวนมาก กินเนื้อที่กว่า 4 ไร่ และพบว่ายังคงมีการยุบตัวและเกิดดินถล่มลงไปในหลุมต่อเนื่อง

โดยนักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ในบริเวณนี้ไม่ได้เป็นหินปูน แต่เป็นดินปนทราย ซึ่งเชื่อว่าด้านล่างเป็นทางน้ำไหลผ่าน เนื่องจากห่างจากหลุมไปประมาณ 100 เมตร เป็นลำห้วย ซึ่งเมื่อน้ำไหลผ่านเป็นระยะเวลานานเข้า ทำให้เกิดการไหลของดิน จนเกิดเป็นโพรงใต้ดินขนาดใหญ่ และเกิดการยุบตัวขึ้น ซึ่งไม่ชัดเจนว่ากระทบมาจากแผ่นดินไหวหรือไม่ หรืออาจเกี่ยวข้องกันก็เป็นได้ เพราะระยะทางจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวห่างไปแค่ 20 กว่า กม. เท่านั้น ส่วนการแนะนำเบื้องต้นกับเจ้าของที่ดินนั้น ได้ขอให้รอให้ดินเซ็ตตัวทั้งหมดก่อน เพราะเชื่อว่าน่าจะมีการยุบตัวของดินเพิ่มในบริเวณรอบๆ หลุม

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะแจ้งไปยังกรมทรัพยากรธรณีให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องตรวจวัดธรณีฟิสิกส์ มาตรวจแต่ขึ้นอยู่กับคิวการตรวจ เพราะเครื่องมีจำนวนจำกัด ซึ่งหากมาตรวจก็จะทราบว่าใต้ดินเป็นโพรงขนาดไหนอย่างไร เพื่อให้เกิดความสบายใจต่อชาวบ้านในพื้นที่


>> “กกล.KNLA” เข้าเคลียร์ฐานมอพาซู ยึดอาวุธ กระสุน ลูกระเบิด ได้เป็นจำนวนมาก ด้านผู้หนีภัยชาวเมียนมา เริ่มทยอยกลับ

17.00 น. รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคง ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก เปิดเผยว่า หลังจากมีการสู้รบกันอย่างหนัก ระหว่างทหารเมียนมา และ กกล.KNLA กระทั่งช่วงบ่ายวันนี้ ทางกองกำลังปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (กกล.KNLA) เข้ายึดฐานทหารเมียนมาได้สำเร็จ และเข้าทำการตรวจสอบ ที่ตั้งของทหารเมียนมา ในฐานมอพาซู พร้อมยึดอาวุธ กระสุน ลูกระเบิดได้เป็นจำนวนมาก

สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ความสงบ ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา (ผภสม.) เริ่มทยอยกลับ โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ( ฉก.ราชมนู) และ หน่วยเฉพาะทหารพรานที่ 35 (ฉก.ทพ.35) กองกำลังนเรศวร (กกล.นเรศวร) ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอแม่ระมาด เจ้าหน้าที่ตำรวจ อำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับของผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา รวมทั้งสิ้นจำนวน 117 คน

โดยยอดผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาคงเหลือ อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว สำนักสงฆ์ห้วยปลากอง บ.ห้วยปลากอง ต.ขะเนจื้อ อ.แม่ระมาด จ.ตาก จำนวน 130 คน


>> ตร.ทล.รวบหนุ่มหนีหมายจับ หลังกุเรื่องตัวเองถูกลอบยิง

17.56 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นายมอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนราธิวาส ลงวันที่ 6 ธ.ค.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุอันควร

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากประมาณเดือน ธ.ค. 2566 นายมอ ได้เข้ามารักษาตัวที่ รพ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยขณะนั้นแจ้งต่อแพทย์เวรว่า ตนเองถูกลอบยิงได้รับบาดเจ็บ ต่อมาพยาบาลได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวน สภ.รือเสาะ และได้ทำการสอบปากคำ นายมอ ที่รพ.รือเสาะ ซึ่งเจ้าตัวให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนว่า ตนเองถูกลอบยิง

พนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน สภ.รือเสาะ จึงได้ลงพื้นที่หาพยานหลักฐาน กระทั่งผลปรากฏว่าแท้จริงแล้ว นายมอ ไม่ได้ถูกลอบยิงแต่อย่างใด แต่เป็นการทำปืนลั่นใส่ตัวเอง นั่นทำให้จากผู้บาดเจ็บกลายเป็น ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สืบสวนติดตามบุคคลตามหมายจับค้างเก่าในพื้นที่รับผิดชอบ และทราบจากสายลับ ว่าผู้ต้องหารายนี้ จะเดินทางด้วยขบวนรถไฟที่ 169 กรุงเทพอภิวัฒน์ มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงวางแผนติดตามจับกุม ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ตำรวจจึงได้แสดงหมายจับพร้อมแจ้งสิทธิให้ทราบ ก่อนควบคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.รือเสาะ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


>> ไฟไหม้ร้านซ่อมแอร์ กลางเมืองวังสะพุง เสียหายวอดทั้งหลัง จ.เลย

19.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ร้านซ่อมแอร์ ใกล้เคียงโรงเรียนบ้านวังสะพุง ถนนนภูมิวิถี ในเขตเทศบาลเมืองวังสะพุง ต.วังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลย

ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันฯเทศบาลเมืองวังสะพุง พร้อมด้วยเทศบาลตำบลศรีสงคราม อบต.วังสะพุง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง นำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ ไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านข้างเคียง จนสามารถควบคุมและเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา เบื้องต้นเสียหายทั้งหลัง ขณะเกิดเหตุไม่มีรายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตรวจ สภ.วังสะพุง และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย


>> โจรชักปืนจ่อลูกและขู่หญิงชาวรัสเชีย ชิงเงิน 3,000 บาท ตำรวจพัทยา ปิดเมืองไล่ล่าคนร้าย

20.55 น. ร.ต.อ.ปาณสาร ครองสิทธิ์ รองสวป.สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวถูกคนร้ายใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์ ที่บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ซอย 5 พระตำหนัก พัทยาใต้ จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังตำรวจสายตรวจ รีบไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบ นายธีรัช อายุ 59 ปี พลเมืองดี อาชีพขับวินจยย.รับจ้าง ยืนให้การช่วยเหลือหญิงสาวกลุ่มผู้เสียหายเป็น หญิงชาวรัสเชีย 2 คน ลูกอีก 1 คน และสาวชาวไทย อยู่ในอาการตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนคนร้ายพบว่าเป็นชายไทย มีอาวุธปืน สวมหมวกกันน็อคเต็มใบ แต่งกายสวมเสื้อกั๊กสีส้ม ใช้รถจยย. ไม่ทราบยี่ห้อ สี และทะเบียน ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางซอย 6 พระตำหนัก ได้เงินสดไปประมาณ 3,000 บาท ตำรวจจึงแจ้งวิทยุสกัดจับ ก่อนจะพาตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำ ที่ สภ.เมืองพัทยา

สอบถาม นายธีรัช พลเมืองดี เล่าว่า มีสาวผู้เสียหายชาวรัสเชีย ร้องไห้วิ่งหน้าตาตื่นมาขอความช่วยเหลือ โดยบอกว่าถูกคนร้ายขับรถจยย.ปาดหน้า ชักอาวุธปืนขึ้นมาข่มขู่ และกลัวคนร้ายจะทำร้ายลูกที่เดินจูงมือมาด้วยกัน จึงควักเงินจำนวน 3,000 บาทให้คนร้ายไป ก่อนจะขับไปซอยข้างๆ เอาปืนไปจี้หญิงไทยอีกราย แต่โชคดีที่เธอวิ่งหนีทัน ซึ่งจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน

เบื้องต้น ตำรวจวิทยุสกัดจับคนร้ายตามรูปพรรณสัณฐาน แต่ก็ยังไร้วี่แวว อย่างไรก็ดี ชุดสืบสวนจะเร่งสอบสวนกลุ่มผู้เสียหายในการปะติดปะต่อเรื่องราวว่าคนร้ายก่อเหตุใครก่อน และจากไหนไปไหน และลงพื้นที่ไปตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด และเส้นทางที่ใช้ในการหลบหนี เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นการก่อเหตุที่สุดอุกอาจ และทำภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเสียหาย


>> เหตุลอบวางระเบิดหลัง สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส ทำให้เด็กเยาวชน ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ

21.31 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน เกิดเหตุลอบวางระเบิดด้านหลังสถานีตำรวจภูธรโคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยบริเวณใกล้เคียงเป็นชุมชนเรียกว่าชุมชนบ้านทอน จุดเกิดเหตุเป็นถนนที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปมา ขณะเกิดเหตุมีเด็ก เยาวชน รวมกลุ่มกันไม่น้อยกว่า 7 คน กำลังเดินเท้าจากชุมชนมุ่งหน้าไปยังตลาดบ้านทอน ก่อนไปเรียนศาสนาในช่วง 20.00 น. แต่ระหว่างทางเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เด็กอย่างน้อย 3 คน ได้รับบาดเจ็บ เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาส

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ซึ่งระหว่างเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ป้อมปราการด้านหลังป้อมปราการตรงนั้นด้านหลังแฟลต สภ.โคกเคียน จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า เป็นระเบิดที่ติดตั้งในรถพ่วงข้าง จอดหลัง สภ.โคกเคียน 
ขณะเดียวกัน รับแจ้งเหตุยิงชาวบ้าน ขณะนั่งพูดคุยรับประทานอาหารที่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ม.7 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 7-8 คน เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลแว้ง

ล่าสุด เจ้าหน้าที่แจ้งเตือน-ยกระดับการป้องกันพื้นที่รับผิดชอบ ประสาน ทหาร อส.กำลังภาคประชาชนในพื้นที่ ระวังป้องกันเหตุซ้ำ รายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป 
รายงานข่าวล่าสุด เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 6 ราย นำส่งโรงพยาบาลแว้ง จำนวน 4 ราย นำส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จำนวน 2 ราย เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นจุดเกิดเหตุเพื่อทำการตรวจสอบเหตุดังกล่าว เพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป  


>> โจรชิงทรัพย์โชเฟอร์รถแท็กซี่ ได้ทรัพย์สินเป็นมือถือและเงินสด

00.30 น. ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า ตำรวจ 191 แจ้งเหตุ คนร้ายชาย 1 ราย ผมสั้นเกรียน สวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงขายาวสีดำ ใช้อาวุธมีดก่อเหตุชิงทรัพย์ เป็นโทรศัพท์มือถือ ออปโป้ 1 เครื่อง ของผู้เสียหาย บริเวณกลางซอยศรีนครินทร์ 38 หลังก่อเหตุวิ่งหลบหนีเข้าซอยย่อย มุ่งหน้าอ่อนนุชซอย 46 พื้นที่ สน.พระโขนง

พลเมืองดี เล่าเหตุการณ์ แทนผู้เสียหาย ซึ่งเป็นคุณลุง วัย 50 - 60 ปี คนขับรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง ป้ายทะเบียน กทม. คนร้ายชาย ผิวคล้ำ เป็นผู้โดยสาร เรียกรถ ปรีดีพนมยงค์ 31 ให้มาส่งที่ซอยอ่อนนุช 46 เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ เป็นซอยที่สามารถลัดออกซอยศรีนครินทร์ 38 ได้ เมื่อสบโอกาส คนร้ายชักอาวุธมีดขึ้นมาจ่อที่คอ แล้วขมขู่ชิงมือถือ ออปโป้ 1 เครื่องและเงินสด 100 บาท หลังก่อเหตุลงจากรถแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางซอยอ่อนนุช 46 ผู้เสียหายอยู่ระหว่างแจ้งความกับตำรวจ


>> รถทัวร์ชนกับรถเทรลเลอร์แล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ ถนนสาย 304 ช่วงเขาศาลปู่โทน มีทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย

01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังขอนแดง รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ ถนนหลายเลบ 304 ช่วงหลัก กม. 208+600 ฝั่งมุ่งหน้า อ.กบินทร์บุรี ในพื้นที่ ม.8 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถทัวร์ สายหนองคาย - ระยอง สีฟ้า-ขาว ลักษณะชนกับรถเทรลเลอร์ และรถเทรลเลอร์ ชนกับรถบรรทุก 10 ล้ออีกคัน แล้วเกิดเพลิงไหม้รถทัวร์

ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอีกหลายราย กู้ภัยกำลังทำการช่วยเหลือ ในส่วนของยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่แท้จริงนั้น ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ  


>> แผ่นดินไหวที่เมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน    

02.07 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.7 ความลึก 5 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ยังไม่มีรายงานผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน 

 

>> เพลิงไหม้บ้านร้าง ริมถนนรัชดา-ท่าพระ เสียหายวอดทั้งหลัง 

02.56 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ไม่มีเลขที่ ถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย (บ้านร้าง) ต้นเพลิงไม่สามารถตรวจสอบได้ เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 50 ตารางวา รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยธนบุรี 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ