24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 18 เมษายน 2568
>> “Maha Songkran World Water Festival 2025” นักท่องเที่ยวทะลุล้าน สะท้อนพลัง Soft Power
08.00 น. นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2025 นับเป็นความสำเร็จที่สร้างกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยความสำเร็จของงานนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศในการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึงการใช้ “ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)” ด้านวัฒนธรรมไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีงามต่อสายตาชาวโลก พร้อมทั้งส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและสนับสนุนผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
นายอนุกูล กล่าวต่อว่า ความสำเร็จของการจัดงาน “มหกรรมสงกรานต์ระดับโลก” ซึ่งจัดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 11 - 15 เมษายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงานรวม 1,106,999 คน แสดงให้เห็นถึงความสนใจและกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากจำนวนผู้ร่วมงานทั้งหมด พบว่าเป็นชาวไทยจำนวน 999,810 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีก 107,189 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงการดึงดูดความสนใจจากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างยอดเยี่ยม
>> 7 วัน สงกรานต์ 68 เกิดอุบัติเหตุรวม 1,538 ครั้ง บาดเจ็บ 1,495 คน เสียชีวิต 253 ราย
10.30 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 แถลงสรุปผลการดำเนินงานความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน 11 – 17 เม.ย. 68 พร้อมสั่งบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินการเชิงรุกร่วมกันอย่างใกล้ชิดและเข้มข้นเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนให้ครอบคลุมทุกมิติ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี มุ่งเน้นการลดปัจจัยเสี่ยงหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดและการไม่สวมใส่อุปกรณ์นิรภัย และให้ความสำคัญกับมาตรการดูแลความปลอดภัยรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 7 วันของการรณรงค์ (11 – 17 เมษายน 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,538 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,495 คน ผู้เสียชีวิต รวม 253 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 6 จังหวัด ได้แก่ นครนายก พิจิตร ภูเก็ต ระนอง สตูล และสิงห์บุรี จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พัทลุง (63 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ พัทลุง (61 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (19 ราย)
>> รวบ 2 จิ๊กโก๋ รัวปืนกลางงานวัด สรงน้ำพระที่เมืองนครสวรรค์
11.31 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองปราบปราม ร่วมกันจับชายอายุ 41 ปี และชายอายุ 29 ปี ฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนควรแก่พฤติการณ์” โดยจับกุม หน้าห้องพักซอยรามคำแหงใหม่ ซอย 16 กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากกลางเดือนเมษายน พ.ศ.2568 ในช่วงบ่าย ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุโกรกพระว่า มีเหตุคนทะเลาะวิวาทกันและมีผู้ถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ 3 ราย จึงได้เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุทราบว่ากลุ่มผู้เสียหายทั้ง 3 คน ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง2 ได้มีปากเสียงทะเลาะกันกับวัยรุ่นกลุ่มผู้เสียหาย ภายในงานสรงน้ำพระ บริเวณภายในวัดในอำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ หลังจากได้มีปากเสียงทะเลาะกัน และใช้ปืนยิงใส่กลุ่มผู้เสียหายที่มีปากเสียงกัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 3 ราย จากนั้นได้หลบหนีออกนอกพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์
จากการตรวจสอบชายอายุ 41 ปี ผู้ต้องหารายแรก มีประวัติกระทำความผิดหลายคดี ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น,เสพและจำหน่ายยาเสพติด และชายอายุ 29 ปี ผู้ต้องหารายที่สอง เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองให้การว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง
>> กรุงเทพฯ ครองแชมป์ “เมาขับ”สูงสุด กรมคุมประพฤติสรุป 7 วัน สงกรานต์ 6,405 คดี
11.56 น. พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึงสรุปยอดคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติในช่วง “7 วันควบคุมเข้มข้นสงกรานต์ 2568” (17 เมษายน 2568) โดยมีสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,177 คดี แบ่งเป็นขับรถขณะเมาสุรา 1,095 คดี ติดอุปกรณ์ EM จำนวน 12 ราย ขับรถประมาท 3 คดี และคดีขับเสพ 79 คดี ติดอุปกรณ์ EM จำนวน 3 ราย
ยอดสะสม 7 วัน (วันที่ 11 – 17 เมษายน 2568) มีจำนวนทั้งสิ้น 6,405 คดี ลดลงจากปี 2567 (7,388 คดี) คิดเป็น 12.63% แบ่งเป็น ขับรถขณะเมาสุรา 6,100 คดี คิดเป็นร้อยละ 95.27 ขับรถประมาท 6 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.09 ขับซิ่ง 2 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.03 และขับเสพ 297 คดี คิดเป็นร้อยละ 4.64
จังหวัดที่มีคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 406 คดี สมุทรปราการ จำนวน 351 คดี และเชียงใหม่ จำนวน 302 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมทั้ง 7 วันที่เข้าสู่ระบบงานคุมประพฤติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ. 2567 มีจำนวน 7,131 คดี กับ ปี พ.ศ. 2568 จำนวน 6,100 คดี พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา มีจำนวนลดลง 1,031 คดี คิดเป็นร้อยละ 14.46
ในส่วนของการติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวหรือกำไล EM ตามคำสั่งศาล ในวันสุดท้ายของการควบคุมเข้มข้นมีจำนวน 15 ราย ทำให้ยอดสะสม 7 วัน มีจำนวนทั้งสิ้น 52 ราย ซึ่งจังหวัดที่ศาลสั่งติดอุปกรณ์ EM สูงสุด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร
>> กรุงเทพฯ ครองแชมป์จุดหมายปลายทางยอดนิยม เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแข็งแกร่ง ขึ้นแท่นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
12.08 น. นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์ปี 2568 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ส่งผลให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลจากสายการบิน การจองที่พัก และการเดินทางของศิลปินชื่อดังที่มาพักผ่อนในประเทศไทย สะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท ส่งผลให้ประเทศไทยกลับมาครองอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในด้านเศรษฐกิจ คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะเติบโตถึง 4 % ตลอดทั้งปี โดยไตรมาสแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามากกว่า 6.15 ล้านคน และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวรวมทั้งปีไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน โดยคาดว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวตลอดปีจะสูงถึง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ Airbnb ระบุว่า การค้นหาที่พักในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพิ่มขึ้นกว่า 310 % โดยกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามด้วยพัทยา เชียงใหม่ กระบี่ และภูเก็ต สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย พัทยาเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งในการค้นหาที่พักบน Airbnb นอกจากนี้ Airbnb ยังได้เพิ่มการเข้าพักระยะยาวในประเทศไทยผ่านแคมเปญ “Live and Work Anywhere” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น
>> พายุถล่มแม่ริม จ.เชียงใหม่ ต้นไม้โค่นทับร้านอาหาร-รถเก๋ง บาดเจ็บหลายราย
15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มอย่างหนักในพื้นที่ อ.แม่ริม และ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ลมกระโชกอย่างรุนแรงนานกว่า 15 นาที ต้นไม้ใหญ่ไม่อาจต้านกระแสลมโค่นล้มลงมาหลายจุด โดยต้นฉำฉายักษ์ที่อยู่ริมถนน ฝั่งตรงข้ามกองพลทหารราบที่ 7 โค่นทับร้านอาอาหารพังเสียหาย รวมทั้งรถยนต์ในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหาย มีรายงานว่าคนในร้านอาหารได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กหญิง 2 ขวบ 6 เดือน ศีรษะแตก และหญิงอายุ 44 ปี อีกหนึ่งรายที่มีบาดแผลตามร่างกาย
นอกจากนี้ต้นไม้ยังล้มทับรถเก๋งคันหนึ่งที่ขับผ่านไปขณะเกิดพายุ ทำให้รถเสียหายและคนในรถได้รับบาดเจ็บเป็นชายอายุ 33 ปี และ หญิงอายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บ หน่วยกู้ภัยในพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือ อาการปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้บาดเจ็บภายในกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3 อ.แม่ริม ซึ่งถูกต้นไม้ล้มทับอีก 2 ราย เจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลือแล้ว
>> พายุฝนถล่ม ทำต้นไม้ใหญ่ล้มทับศาลาริมทางที่มีสองผัวเมียนั่งหลบฝนอยู่ เมียถูกทับเสียชีวิตส่วนผัววิ่งหนีทัน
15.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยอำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เข้าตรวจสอบศาลาริมทางในพื้นที่หมู่ 11 ตำบลโคกทราย อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง หลังได้รับแจ้งว่ามีต้นไม้ใหญ่ล้มทับ จนศาลาพังลงมา ทับคนได้รับบาดเจ็บ จึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบร่างของนางสาวกาญจนา อายุ 32 ปี ถูกศาลาทับร่าง เสียชีวิต เจ้าหน้าที่เร่งตัดกิ่งไม้และรื้อซากศาลานานร่วมร่วมชั่วโมงจึงสามารถนำร่างนางกาญจนา ฯออกมาได้ นอกจากนั้น รถ จยย ของผู้ตายถูกต้นไม้ทับเสียหายด้วย
นายจิรายุทธ อายุ 35 ปี สามีของนางกาญจนา ฯ ผู้เสียชีวิต บอกว่าขณะเกิดเหตุมีฝนตกตกลงมาอย่างหนักพร้อมด้วยภรรยา จึงเข้าไปหลบฝนที่ศาลาแห่งนี้ จู่ๆก็มีต้นไม้ที่อยู่ติดกับศาลาล้มลงมาทับ แบบไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ซึ่งตอนนั้นมีชาวบ้านอีกหนึ่งคนที่อยู่ภายในศาลาด้วย ต่างก็วิ่งกันออกมา แต่นางกาญจนา ฯ วิ่งออกมาไม่ทัน จึงถูกอาคารศาลาถล่มทับร่างจนเสียชีวิตดังกล่าว
>> ตำรวจทางหลวง แจ้งข้อหาทั้งคู่ บีเอ็ม-กระบะ ด้าน ลูกนักการเมือง โดนข้อหาเพิ่มไม่มีใบขับขี่
16.39 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.8 บก.ทล. ร่วมประชุมเพื่อติดตามคดีขับรถเบียดกันบนทางด่วนมอเตอร์เวย์ ระหว่าง ลูกนักการเมืองดังจังหวัดปทุมธานี กับ ลุงป้าขบรถกระบะ โดยตำรวจแบ่งการทำคดีเป็น 2 ส่วน
โดยตำรวจทางหลวง จะรับผิดชอบในส่วนแรก คือรถกระบะเบี่ยงเลนจากเลนซ้ายไปขวา โดยไม่เปิดสัญญาณไฟจราจร ส่วนรถ BMW อยู่ในเลนขวาไม่ได้มีการชะลอความเร็ว ทำให้เกิดเหตุปาดกันขึ้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเตรียมจะแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก กับทั้งสองฝ่าย มีโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท
นอกจากนี้ ในส่วนของลูกชายนักการเมือง ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มอีก คือ ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต เพราะตรวจสอบแล้วพบว่าใบขับขี่หมดอายุไปตั้งแต่ 27 มิ.ย. 2564 ส่วนกรณีทะเบียนป้ายแดงของเก๋ง BMW ได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่า มีตราปั๊มนูน แต่ตรวจสอบไม่พบในฐานข้อมูล จึงต้องส่งให้ทางกรมการขนส่งทางบกตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนด้านคดีอาญา ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการ สภ.ลำลูกกา จะรับไปดำเนินการ เบื้องต้น ผกก.สภ.ลำลูกกา ระบุ เตรียมแจ้งข้อหาหนักแล้ว
>> ไหม้ร้านทำเบาะย่านชุมชน ลมกระพือไฟลามไหม้บ้านวอด สูญหลายล้าน
16.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่ร้านสมชายการช่าง หรือ ร้านศรีเทวาการเบาะ ถนนศรีเทวา ซอย 4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด จึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัย
ที่เกิดเหตุพบเพลิงลุกไหม้ ร้านทำเบาะ ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว 5 ห้องอย่างรุนแรง ไฟลุกลามเผาเครื่องเย็บเบาะนับ 10 เครื่อง รถจักรยานยนต์ 2 คัน โดยมีรถยนต์ฮอนด้าที่จอดอยู่หน้ารถกำลังถูกไฟเผาบริเวณซุ้มล้อหน้า เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันเข็นออกมา ก่อนระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงซึ่งขยายวงกว้างลามไปติดบ้านพัก 2 ชั้นที่อยู่ติดกัน ใช้เวลาอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงไว้ได้
เบื้องต้นคาดค่าความเสียหายหลายล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสานพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้อย่างละเอียดต่อไป
>> "เฮียเบี้ยว" พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ยืนยันไม่เจตนาหลบหนี
17.20 น. นายสมิทธิพัฒน์ หรือ พีช เดินทางมาที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมกับ นายกฤษฎา หรือ เฮียเบี้ยว เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรฯ
โดยทันทีที่มาถึง พีช ได้ลงจากรถและเดินเข้าทางประตูด้านข้างโรงพัก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในห้องเพื่อพบกับพนักงานสอบสวนทันที ไม่ได้ตอบคำถามอะไรกับสื่อมวลชน
ด้าน เฮียเบี้ยว เปิดเผยว่า ตนพาลูกชายมารับทราบข้อกล่าวหาก่อน ส่วนรถ BMW จะนำมาให้ตำรวจตรวจสอบวันพรุ่งนี้ แต่ยืนยันได้ว่าเป็นป้ายทะเบียนจริง ยอมรับว่า ตอนแรกได้โทรมาหาพนักงานสอบสวน ขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะเสร็จจากออกรายการก็เย็นแล้ว แต่พนักงานสอบสวนบอกว่า ผ่อนผันไม่ได้ ถ้าไม่มาภายในวันนี้ จะส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา ก็เลยเลี้ยวรถมา เจตนาตนไม่หลบหนีอยู่แล้ว เราสู้กับความเป็นจริง ลูกตนทำผิดก็ใช้กรรมไป ส่วนรถยังไม่ได้นำมาเพราะอยู่อีกที่
>> เพลิงไหม้ทาวน์โฮม ย่านเขตภาษีเจริญ เสียหายวอดหมดทั้งห้อง
20.19 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 3 ภายในห้องนอน เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งห้อง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 16 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่เครื่องสำรองไฟมือถือ ขณะที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค
>> หนุ่มวัย 19 ปีขี่รถจักรยานยนต์ ชนกับรถนั่งส่วนบุคคล เสียชีวิตกลางถนนวัดศรีวารีน้อย
22.30 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถนั่งส่วนบุคคล และมีผู้เสียชีวิต บรถนนวัดศรีวารีน้อย ฝั่งมุ่งหน้าถนนลาดกระบัง บริเวณใกล้เคียงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ - แดง ป้ายทะเบียน กทม. ชนกับรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า ซี-เอชอาร์ สีเขียว ป้ายทะเบียน กทม. และใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 คน ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 19 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง
>> รถเทรลเลอร์บรรทุกฝ้าเพดานเสียหลักตกข้างทาง คนขับถูกแผ่นฝ้าทับร่างเสียชีวิต จ.พัทลุง
22.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เขตอำเภอป่าบอน เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุ รถเทรลเลอร์เสียหลักพลิกลงข้างทาง ริมถนนเพชรเกษม ตรงหลักกิโลเมตรที่ 15 บ้านป่าบาก ในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งนารี อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง
ที่เกิดเหตุ พบรถเทรลเลอร์ หมายเลขทะเบียน 1997 จังหวัดสงขลา ซึ่งได้บรรทุกแผ่นฝ้าเพดาน มาเต็มคัน ลักษณะเสียหลักลงข้างทาง โดยในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบร่างของนายมานพ อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ขับมาเพียงคนเดียว ถูกแผ่นฝ้าที่ตัวเองบรรทุกมา ทับร่าง จนเสียชีวิต
จากการสอบถามทีมงานที่มาด้วยกันว่า ทราบว่า ผู้เสียชีวิต เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร ฯ เพื่อจะไปนำสินค้าไปส่งที่ด่านสะเดา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ นายมานพ ฯ ผู้เสียชีวิตได้บอกทีมงานว่า ให้ขับไปก่อนตนขับไม่ไหวแล้ว จะขอจอดนอนพักสักหน่อย ทีมงานจึงขับนำไป ก่อนจะมาทราบข่าวอีกครั้งก็ตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โทรไปแจ้งแล้ว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะหลับใน จนทำให้รถเสียหลักลงข้างทางดังกล่าว ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุงได้ประสานติดต่อญาติรับทราบก่อนจะนำศพกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อทำพิธีกุศลศพตามประเพณีศาสนาต่อไป
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
00.34 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.4 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของ ประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 163 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
27 กรกฎาคม 2568
27 กรกฎาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ