หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 10 มีนาคม 2568

วันที่ 11 มีนาคม. 2568 เวลา 05:36 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 10 มีนาคม 2568


>> จับหนุ่มรัสเซีย ตระเวนเก็บค่าคุ้มครอง นทท.ต่างชาติ เกาะพะงัน อ้างมีแบ๊กใหญ่หนุนหลัง

09.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพงัน ได้รับร้องเรียนว่า มีชายชาวต่างชาติรายหนึ่ง ชอบถ่ายภาพสวมเสื้อกั๊กสะพายอาวุธปืน มีพฤติกรรมชอบข่มขู่และเก็บค่าคุ้มครองจากชาวรัสเซีย อ้างตัวว่าทำงานกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย สามารถช่วยเหลือในด้านคดีได้ เนื่องจากรู้จักกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง โดยชายคนดังกล่าวมักออกเก็บค่าคุ้มครองบริเวณ ม.4 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ สามารถจับกุม ผู้ชาย อายุ 27 ปี สัญชาติ รัสเซีย ขณะกำลังยืนขายผลิตภัณฑ์กัญชาให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการภายในร้านแห่งหนึ่ง ที่บริเวณ ม.4 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน แจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน)” ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถาม ชายชาวรัสเซีย ให้การยอมรับว่า ตนได้ทำงานเป็นพนักงานขายกัญชาให้กับร้าน โดยได้รับเงินเดือนหักจากยอดขายทั้งหมด 17% และได้ที่พักอาศัยฟรีภายในร้าน ตำรวจชุดจับกุมจึงได้สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีมีการร้องเรียน ชายคนดังกล่าว ให้การยอมรับว่า ตนได้กระทำพฤติกรรมดงกล่าวจริง และได้นำเสื้อกั๊ก ปืนอัดลม M4A1 และกุญแจมือ นำมาแสดงให้แก่ตำรวจ ยอมรับว่าตนได้ใช้อุปกรณ์ใช้ในการก่อเหตุ โดยได้สั่งซื้อชุดเสื้อกั๊กตำรวจ กุญแจมือ และปืน มาจากออนไลน์ และยอมรับว่าทำผิดจริง


>> ไฟไหม้ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า-เฟอร์นิเจอร์ ตลาดวังน้อย ตัวร้านเสียหายทั้งหลัง

11.00 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรค์ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ ภายในตลาดวังน้อยเมืองใหม่ หมู่ 7 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยที่เกิดเหตุเป็นร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ ทำด้วยโครงเหล็กชั้นเดียว มุงหลังคาดแผ่นเมทัลชีท เพลิงกำลังลุกไหม้โหมอย่างรุนแรง กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า และปกคลุมหอพักที่อยู่ใกล้กัน จึงประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองลำตาเสา รถดับเพลิงจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยบรรเทาสาธารณภัย กว่า 10 คัน เดินทางไประงับเหตุ เจ้าหน้าที่ต้อเร่งระดมฉีดน้ำสกัด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ พบว่าตัวร้านเสียหายทั้งหลัง

พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย ได้รับแจ้งเหตุว่ามีเพลิงไหม้ร้านเฟอร์นิเจอร์ จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ พบว่ามีกลุ่มมควันพวยพุ่งเข้าไปยังหอพักที่อยู่ติด จึงประสานให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ข้างในหอพัก จำนวน 5 คน ออกมาได้ทั้งหมด นำส่งโรงพยาบาลราชธานี ส่วนพนักงานภายในร้านที่เกิดเพลิงไหม้ ได้วิ่งหลบหนีออกมาได้ทั้งหมดเบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร อยู่ระหว่างการสอบสวนพยาน พนักงานของร้าน และรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานฯ เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง


>> นายกฯ กำชับทุกส่วนราชการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน ขับเคลื่อน GDP ประเทศ พร้อมสั่งเตรียมแผนระยะสั้น กลาง ยาว รับมือภัยพิบัติในอนาคต

11.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2568 โดยมอบนโยบายให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปีงบฯ 2568 จำนวน 1.46 ล้านล้านบาท ซึ่งจะสามารถผลักดัน GDP เติบโตขึ้น 3% เนื่องจากปัจจุบันอัตราการเบิกจ่ายอยู่ที่ 28.12% ต่ำกว่าเป้าหมาย จึงกำชับทุกหน่วยเร่งดำเนินการ พร้อมใช้ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนเป็น KPI ในการประเมินผลการทำงานของอธิบดีกรมและหัวหน้าหน่วยงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

นอกจากนี้ นายกฯ สั่งการทุกหน่วยงานเตรียมแผนบริหารจัดการรับมือภัยพิบัติ ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อป้องกันปัญหาล่วงหน้า ลดความเสียหายต่อประชาชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ฝุ่นควัน และดินถล่ม โดยเน้นการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด


>> รถบรรทุกชนกับรถอเนกประสงค์ ก่อนพุ่งชนศาลารอรถริมทาง มีผู้บาดเจ็บอาการหนัก

12.00 น. รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์ บางปะอิน มีอุบัติเหตุรถตู้ชนกับรถบรรทุก และมีผู้บาดเจ็บหลายราย บนถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้น ช่วงใต้สะพานลอยคนข้าม หน้าทางเข้าวัดขนอน ในพื้นที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

ที่เกิดเหตุ พบรถอเนกประสงค์ โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะพุ่งลงข้างทาง สภาพท้ายรถมีร่องรอยการชนพับเสียหาย ห่างออกไปพบรถบรรทุก 10 ล้อ ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน พระนครศรีอยุธยา สภาพหน้ารถพังเสียหาย และพบศาลารอรถถูกชนพังเสียหายเช่นกัน จากการตรวจสอบ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย โดยเป็นผู้หญิง อายุ 33 ปี, เด็กหญิง อายุ 6 ปี และชายไทย อายุ 34 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน


>> รฟท. แจง กรณีอุบัติเหตุรถไฟชนรถบรรทุก จุดเกิดเหตุเครื่องกั้น สัญญาณไฟ และเสียงเตือนทำงานเป็นปกติ

12.10 น. นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีรายงานข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถไฟขบวนรถธรรมดาที่ 279 (กรุงเทพ - ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก) ชนกับรถบรรทุก ระหว่างสถานีกบินทร์บุรี – หนองสัง พื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีการรายงานข้อมูลว่า บริเวณจุดเกิดเหตุไม่มีเครื่องกั้นถนนหรือสัญญาณเตือนนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบแล้ว ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในที่เกิดเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอรถไฟกับรถยนต์ดังกล่าว มีการติดตั้งเครื่องกั้นถนนอัตโนมัติอยู่ ซึ่งเป็นเครื่องกั้นแบบปิดครึ่งถนน ที่หลักกิโลเมตรที่ 163/1-2 ระหว่างสถานีกบินทร์บุรี – หนองสัง โดยเครื่องกั้นถนน สัญญาณไฟ และเสียงเตือนต่างๆ ยังทำงานตามปกติ ที่สำคัญขณะเกิดเหตุคานกั้นถนนได้ลงปิดกั้นการจราจรบนถนนแล้ว

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พนักงานขับรถไฟได้ชี้แจงว่า ขณะขบวนรถไฟกำลังวิ่งถึงจุดเกิดเหตุ ขบวนรถไฟได้ลดความเร็วลงก่อนถึงจุดตัดดังกล่าวตามมาตรฐานความปลอดภัย แต่กลับมีรถบรรทุกสิบล้อฝ่าสัญญาณไฟจราจร และฝ่าเครื่องกั้นอัตโนมัติ โดยขับรถวิ่งซิกแซกข้ามทางรถไฟจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น


>> สั่งย้าย ผู้คุม คู่กรณี "ผู้กำกับโจ้" ออกนอกแดน จนกว่าข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตจะปรากฏ

12.34 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีพบศพ น.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ใช้ผ้าขนหนูผูกคอเสียชีวิตในห้องขังเรือนจำคลองเปรม เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา 
ต่อมามีการเผยแพร่หนังสือร้องเรียน ที่เขียนโดย น.ส.จันทร อุทธนผล แม่ของอดีตผู้กำกับโจ้ ส่งถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2568 ใจความระบุว่า ผู้คุมกลั่นแกล้งและใช้ความรุนแรง ขอร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ควบคุมที่ชื่อว่า นายสิทธิพร (สงวนนามสกุล) ซึ่งมีการกระทำส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัย และสิทธิขั้นพื้นฐานของนักโทษอย่างร้ายแรง

จนล่าสุดวันนี้ (10 มี.ค.2568) มีรายงานว่า ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม มีคำสั่งให้ นายสิทธิพร พ้นจากการปฏิบัติรองหัวหน้างานควบคุมแดน 7 ไปประจำที่ส่วนบริหารทั่วไป โดยให้ย้ายจากในแดนออกนอกแดน จนกว่าจะข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของ “ผู้กำกับโจ้” จะปรากฏ


>> ปปส.ตรวจยึดสารเคมีต้องสงสัยริมน้ำโขงกว่า 1,500 กก. หวั่นเป็นสารตั้งต้นยาเสพติด

13.00 น. เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับตำรวจ สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ทหารเรือหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ทหารกองกำลังผาเมือง และด่านศุลกากรเชียงแสน ตรวจค้นที่โกดังเก็บสินค้าเพื่อการส่งออกของเอกชน ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ติดกับแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว

หลังจากได้สืบทราบว่าได้มีบริษัทเอกชนชาวจีนฝากส่งวัตถุต้องสงสัยบรรจุในถุงกระสอบสีขาวขนาดใหญ่ 2 ใบ อ้างว่าเป็นเครื่องจักรจะนำไปส่งที่โรงโม่หินแห่งหนึ่งในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา แต่ดูแล้วมีลักณะต้องสงสัยจากการตรวจสอบไม่พบว่าเป็นเครื่องจักรแต่ในถังสีน้ำเงินถุงละ 3 ถัง รวมเป็น 6 ถัง แต่ละถังบรรจุผงสีขาวมีสีขุ่นและมีกลิ่นฉุน ซึ่งไม่ตรงกับที่แจ้งส่งออก

จากการใช้น้ำยาตรวจทดสอบเบื้องต้นผลเปลี่ยนเป็นสีดำและสีฟ้าอ่อน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นสารเคมีชนิดใด จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างวัตถุดังกล่าวใส่ขวดพลาติกจำนวน 7 ขวด ส่งไปตรวจที่สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส.เพื่อยืนยันว่าเป็นสารเคมีหรือเป็นยาเสพติดให้โทษหรือไม่อย่างไรต่อไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการตรวจยึด ไว้เพื่อตรวจสอบก่อน พบว่าเป็นสารที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดก็จะได้ทำการตรวจยึดและขยายผลจับกุมต่อไป


>> กรมศุลกากร ยึดบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแดน กว่า 2 แสนชิ้น มูลค่า 33.07 ล้านบาท

15.00 น. กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และกองสืบสวนและปราบปราบปรามกรมสอบ สวนคดีพิเศษ สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี สถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง และตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับกันตรวจ สอบตู้สินค้าผ่านแดน จำนวน 1 ผู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเรือ LCMT (A0) สำนักงานศุลกากากรท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศต้นทางจาก CHINA ส่งไปยังประเทศ Myannar นำเข้าสินค้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และจะไปทำการตรวจปล่อยที่ด่านศุลกากรแม่สอด สำนักงานศุลกากรภาคที่ 3 โดยสำแดงสินค้าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ส่วนประกอบรถยนต์ เครื่องจักรและอื่น ๆ จำนวน 1,173 กล่อง

ผลการตรวจสอบพบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง 6,000 ชิ้น มูลค่า 1,200,000 บาท น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 6,000 ชิ้น มูลค่า 900,000 บาท หัว พ็อดบุหรี่ไฟฟ้าที่ภายในบรรจุน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า190,100 ชิ้น มูลค่า 28,515,00 บาท และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 8,200 ชิ้น มูลค่า 2,460,000 บาท รวมทั้งหมด 210,300 ชิ้น มูลค่ารวม 33,075,000 บาท ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง สินค้าต้องห้ามนำผ่านราขอาณาจักร พ.ศ. 2559 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากูไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้าในราชอาณาจักร พ.ศ.2557

สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ดังกล่าวกรมศุลกากรจะได้ประเมินราคาเพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อดำเนินคดี โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้เร่งทำการสืบสวนสอบสวนและขยายผลไปยังตัวการ ผู้ใช้และผู้สนับสนุน ภายได้การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องและมาตรการพิเศษอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนต่อไป


>> เคลื่อนร่าง อดีต ผกก.โจ้ ถึงวัดพระศรีฯ ทำพิธีรดน้ำศพ

15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ในเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทางญาติยังติดใจการเสียชีวิต โดยไม่เชื่อว่าเป็นการทำร้ายตัวเอง จึงได้มีการส่งร่างไปชันสูตรซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ที่นิติเวช รพ.จุฬาฯ ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น

ล่าสุด เจ้ากน้าที่ได้นำร่างของ ผกก.โจ้ เดินทางมาที่ศาลาจีรวัสส์ รัชนิบูล วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งญาติขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้สังเกตการณ์และบันทึกภาพอยู่ภายนอกเท่านั้น ส่วนแม่และแฟนสาวของ ผกก.โจ้ เดินทางตามมาที่วัด หลังจากรอพูดคุยกับแพทย์ที่ผ่าชันสูตรพลิกศพรอบที่ 2


>> รถทัวร์ชนกับรถพ่วง กลางถนนมิตรภาพ คนขับเจ็บหนัก ส่วนผู้โดยสารหลายรายบาดเจ็บโชคดีอาการไม่สาหัส

16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สีคิ้ว ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถบัสโดยสารชนกับรถพ่วง และมีผู้บาดเจ็บ บนถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้า บริเวณมอจะบก ในพื้นที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

ที่เกิดเหตุ พบรถพ่วง ป้ายทะเบียน ร้อยเอ็ด จอดอยู่กลางถนนสภาพท้ายรถพังเสียหาย และห่างออกไป พบรถทัวร์ สีฟ้า-ขาว สายกรุงเทพฯ-ยโสธร ป้ายทะเบียน ร้อยเอ็ด จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าบริเวณคนขับพังยับ มีคนขับรถติดอยู่ภายใน อาการสาหัส ขณะที่ผู้โดยสาร จำนวน 11 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 6 คน ถูกนำออกมาจากตัวรถเพื่อให้เจ้าหน้าที่พยาบาลทำการปฐมพยาบาล

ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฮุก 31 ใช้เครื่องมือตัดถ่างช่วยเหลือคนขับ เป็น ผู้ชาย อายุประมาณ 35-40 ปี ออกมาจากตัวรถ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลสีคิ้วเป็นการเร่งด่วน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวคนขับรถพ่วง ไปทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุต่อไป


>> ไฟไหม้อาคารร้าง ซอยลาดพร้าว 122 เสียหายวอดเกือบทั้งหลัง

16.38 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ไม่มีเลขที่ ซอยลาดพร้าว 122 แยก 13 ถนนลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นโกดังโครงสร้างเหล็ก 2 ชั้น เป็นโกดังร้างไม่มีผู้พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง เพลิงลุกไหม้เศษวัสดุ จำพวกกระดาษ และพลาสติก พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 40 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากขณะเกิดเหตุไม่มีผู้พักอาศัย ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหัวหมาก ส่วนสาเหตุและค่าเสียหายอยู่ระหว่างการสอบสวนของ สน.วังทองหลาง


>> รวบเจ้าหน้าที่อาวุโสธนาคาร ถอนเงินลูกค้า 8 ล้าน อ้างครอบครัวแตกแยก ภาระค่าใช้จ่ายสูง

17.00 น. พ.ต.อ.ธวัชชัย สังฆมิตกล ผกก.สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เชิญตัว นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี เจ้าหน้าที่อาวุโสธนาคารแห่งหนึ่ง เข้าสอบปากคำ ในฐานะผู้ต้องสงสัยฐานความผิดลักทรัพย์นายจ้าง ซึ่งเป็นธนาคารต้นสังกัด โดยมี นางบี (นามสมมุติ) ผู้จัดการธนาคาร ในฐานะผู้รับมอบอำนาจ ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางเอ ในฐานความผิดลักทรัพย์

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบปากคำผู้แจ้งได้ความว่า วันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้ตรวจพบบัญชีลูกค้ารายหนึ่งมีการเบิกถอนเงินออกไป 2 ครั้ง ครั้งละ 4,002,212.33 บาท รวมเป็นเงิน 8,004,424.66 บาท เข้าบัญชีชื่อ นายภรภัทร ต่อมามีการเบิกถอนเงินออกมาอีกครั้ง เพื่อซื้อแคชเชียร์เช็ก 2 ฉบับ ฉบับแรก 10 ล้านบาท ฉบับที่ 2 จำนวน 54,424.66 บาท เมื่อพบพิรุธ จึงมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเจ้าของบัญชีไม่ได้มาเบิกถอนเงิน จากนั้นจึงเรียก นางเอ มาสอบถาม ก่อนเจ้าตัวยอมรับว่า ขโมยการ์ดอนุมัติประจำตัวของเพื่อนร่วมงานออกมาเพื่อถอนเงิน

โดย นางเอ รับสารภาพว่า ครอบครัวอยู่ในสถานะแตกแยก มีภาระค่าใช้จ่ายสูง เงินที่ได้มาครั้งนี้ นำไปซื้อบ้านและรถ รวมถึงส่งเสียให้ลูกเรียนที่ต่างประเทศ โดยลูกไม่รู้ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรก และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 


>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา    

04.37 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.1 ความลึก 1 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา (21.19°N,99.96°E) ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 84 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย 
 

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ