วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 17:24 น.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ร่วมกันทำการตรวจยึด ได้แก่ 1.ธนบัตร ฉบับละ หนึ่งพันบาท จำนวน 5,500 ฉบับ รวมเป็นเงินจำนวน 5,500,000 บาท บรรจุอยู่ในกระเป๋าผ้าสีดำ จำนวน 1 ใบ ,2.ธนบัตร ฉบับละ หนึ่งพันบาท จำนวน 1,000 ฉบับ รวมเป็นเงิน 1,000,000 บาท บรรจุอยู่ในซองกระดาษสีน้ำตาล โดยตรวจยึดได้ที่ภายในรถยนต์ สีน้ำตาล ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ส่วนชื่อเจ้าของเป็นของ นส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 17.00 น. นส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.อลงกรณ์ อินเรือง รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ แจ้งความว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.10 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักข้าราชการกรมชลประทานปากเกร็ด เพื่อนบ้านและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจังหวัดนนทบุรี ได้ช่วยกันระงับเหตุ หลังเกิดเหตุ นส.เอ (นามสมมุติ) ได้ตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่ห้องนอนชั้น 1 พบว่าไฟไหม้บริเวณเตียงนอน ซึ่งเป็นจุดเก็บเงินสด จำนวนประมาณ 10,000,000 บาท หลังตรวจสอบพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวได้หายไป
จากการสอบสวนผู้เสียหายถึงเงินสดที่หายทำให้ทราบว่ายังมีเงินสดที่เก็บไว้ภายในรถยนต์ อีก จำนวน 1,000,000 บาท ผู้เสียหายจึงได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบเงินสดดังกล่าว หลังตรวจสอบพบว่ามีเงินสดธนบัตร ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 6,500,000 บาท
นส.เอ (นามสมมุติ) ให้ปากคำว่า เงินสดดังกล่าวตนได้รับการติดต่อจาก หญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง ได้ขอยืมบัญชีคนในครอบครัวตนเอง คือ นส.เอ, สามีของ นส.เอ , บิดาของสามี , มารดาของสามี และน้องสาวของสามี เพื่อฝากเงินทั้งหมดจำนวน 20.5 ล้านบาท จากนั้นจะให้กดเงินสดไปให้หญิงสาวรายนี้ ซึ่งตนได้ค่าจ้างครั้งละ 10,000 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง บริเวณจุดที่ไฟไหม้ไม่พบเศษธนบัตรถูกเผา จึงคาดว่าเงินสดที่พบภายในรถยนต์ ที่ผู้เสียหายแจ้งว่าหายไป จึงทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ
จากการสอบสวน นส.เอ (นามสมมุติ) เพิ่มเติมทราบว่า เงินจำนวน 20.5 ล้านบาท เป็นของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ได้ให้ หญิงสาวรายนี้ ว่าจ้างโอนเงินจำนวนประมาณ 20 ล้านบาท เข้าบัญชีคนในครอบครัวตนทั้งหมด จากนั้นให้ตนทยอยกดเงินสดออกจากบัญชีวันละ 3 ล้านบาท บัญชีละ 5 แสน จำนวน 6 บัญชี โดยจะขับรถตระเวนกดเงินสด หลังจากกดเงินสดออกมาตนได้นำมาเก็บไว้ที่บ้านที่ไฟไหม้ 10 ล้านบาท เก็บในรถยนต์ 6.5 ล้านบาท และยังคงเหลือเงินในบัญชีอีก 1.5 ล้านบาท นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจสอบพบว่า นส.เอ (นามสมมุติ) มีการนำเงินไปเล่นการพนันออนไลน์สูญเงินไปจำนวน 6 ล้านบาท
พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า วันแรกได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า เกิดเหตุไฟไหม้ห้องนอนภายในบ้านพัก ทำให้เงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่วางไว้บนหัวเตียงนอนไหม้สูญหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจและพบว่ามีประเด็นที่น่าสงสัยหลายประเด็น ตำรวจได้ไปตรวจสอบภายในรถของผู้แจ้งที่จอดอยู่ใกล้กันและพบเงินอยู่ในรถ จำนวน 6,500,000 ล้าน ตำรวจได้ยึดเงินทั้งหมดไว้ทำการตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าวว่าใครเป็นเจ้าของ
จากการสอบถามเบื้องต้นผู้แจ้ง ได้บอกว่า เป็นคนรับเงินผ่านบัญชีมา มีนักธุรกิจนักลงทุนนำเงินมาผ่านบัญชี และเบิกเงินกลับไปคืนเจ้าของ จากเหตุการณ์ทำให้มีประเด็นน่าสงสัยอยู่หลานประเด็น ตอนนี้จากการสอบถามผู้แจ้งเงินที่อ้างว่าถูกไปไหม้สูญหายไปว่าจะถูกไหม้จริงหรือไม่
พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก. ยังกล่าวอีกว่า ตำรวจกำลังตรวจสอบทุกบัญชีและเส้นทางการเงิน ตำรวจยังไม่สามารถระบุได้ว่าเงินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับธุรกิจอะไร ต้องขอเวลาตรวจสอบ ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบประเด็นเรื่องไฟไหม้ ได้ประสานให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า สาเหตุไฟไหม้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่ หรือเป็นการจงใจทำให้เกิดเพลิงไหม้หรือเปล่า หรือว่ามีเหตุอื่นและยังมีประเด็นเรื่องเงินที่ถูกไฟไหม้ ส่วนประเด็นที่ตำรวจพบเงินอยู่ในรถอีก 6.5 ล้านบาท ตอนนี้ตำรวจคงต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นผิดกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นเงินถูกต้อง ต้องรอความชัดเจน ขอให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนให้แน่ชัด ถึงจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้
เบืัองต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างประสาน พฐ.ตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลใด เป็นเงินถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ