หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 05:38 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568


>> รถจักรยานยนต์คว่ำกลางทางโค้ง และมีผู้เสียชีวิต

06.36 น. รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัยอโสกเกษตรวิสัย มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนเส้นทาง เกษตรวิสัย - น้ำอ้อม ในพื้นที่ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีม่วง - ดำ ป้ายทะเบียน ร้อยเอ็ด ล้มคว่ำอยู่ช่วงทางโค้งกลางถนน ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 62 ปี เป็นชาวบ้านน้ำอ้อม ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกษตรวิสัย


>> นักร้องรำวงชื่อดัง ขับเก๋งเสียหลักชนขอบทาง ร่างกระเด็นเสียชีวิตกลางถนน

07.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธัญบุรี รับแจ้งเหตุรถนั่งส่วนบุคคลชนขอบทาง และมีผู้บาดเจ็บ ริมถนนรังสิต-นครนายก คลอง 12 ฝั่งขาเข้า กทม. ในพื้นที่ ม.3 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล นิสสัน มาร์ช สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. สภาพด้านหน้าพังยับเยิน และพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ นายชำนาญ อินทร์น้อย อายุ 56 ปี นักร้องรำวงชื่อดังจากวงศรสุพรรณโชว์ ร่างกระเด็นออกจากตัวรถ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธัญบุรี ได้เก็บหลักฐานและบันทึกภาพที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุ จากนั้นได้ประสานญาติของผู้เสียชีวิตให้มารับศพเพื่อดำเนินการตามพิธีทางศาสนาต่อไป


>> EOD ลงพื้นที่ เหตุคนร้ายกดชนวนระเบิด หน้าร้านสะดวกซื้อ สาขาบันนังสตา ตำรวจเจ็บ 7 นาย ชาวบ้านเจ็บนับสิบราย และมีผู้เสียชีวิต

08.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตำรวจภูธร จ.ยะลา พร้อมด้วย จนท.ชุดสืบสวนสวนสอบ สภ.บันนังสตา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธร จ.ยะลา ได้เข้าปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าร้านสะดวก สาขาบันนังสตา หลังเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เกิดเหตุระเบิดที่บริเวณดังกล่าว จนทำให้มี ตร.และชาวบ้าน บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยทาง จนท.ฝ่ายความมั่นคงได้ ปิดกั้นถนนสาย 410 บริเวณเส้นทางผ่านจุดเกิดเหตุ และให้ ปชช.ใช้เส้นทางเลี่ยง ระหว่าง บันนังสตา-เบตง

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุในเบื้องต้น พบว่าจุดเกิดเหตุระเบิดนั้น อยู่บริเวณหน้าร้าน ส่งผลให้มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ ได้รับความเสียหาย

จากการตรวจสอบในเบื้องต้น จนท.พบว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบบรรจุในถังดังเพลิง น้ำหนักประมาน 20 กิโลกรัม เนื่องจากพบเศษถังดับเพลิง และเศษเหล็ก ตัดเป็นท่อน พร้อมด้วย เศษชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคบางส่วน จึงได้ประสานชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหารายละเอียดเพิ่มเติม

ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุระเบิด ชุด ชป.ร้อยเวร 2-0 และชุดสายตรวจ ได้ปฏิบัติหน้าที่มาถึงบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน หลังจากนั้น ขณะที่กำลังจะออกจากจุดเกิดเหตุ ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บ 7 นาย และชาวบ้านบาดเจ็บ 10 ราย และเสียชีวิต 1 ราย


>> รวบชายวัย 47 ปี ลักลอบขนเงินจากปอยเปตเข้าไทย 15.7 ล้านบาท

09.00 น. เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานนำโดย พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และนายด่านศุลกากรอรัญประเทศ ได้ร่วมกันตรวจบุคคลและกระเป๋าสัมภาระที่นำติดตัวเข้าประเทศอย่างเข้มงวด ตามมาตรการป้องกันและสกัดกั้นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลักลอบเดินทางและลักลอบขนอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ตามนโยบายซีลบอเดอร์ สกัดกั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานปฏิบัติการจากประเทศเมียนมา มาประเทศกัมพูชา

โดยขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ตรวจพบชายต้องสงสัยลักษณะคล้ายชาวอินเดียสะพายกระเป๋าเป้สีฟ้าใบใหญ่ เดินเท้าข้ามด่านพรมแดน จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามา เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น สอบทราบว่าเป็นคนไทยเชื้อสายอินเดีย ชื่อนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ เมื่อตรวจค้นในกระเป๋าเป้ พบเงินสดสกุลบาท เป็นธนบัตร ฉบับละ 1,000 บาท มัดรวมกันมัดละ 100,000 บาท จำนวน 157 มัด รวมเป็นเงินทั้งหมดจำนวน 15.7 ล้านบาทซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋า

เบื้องต้น นายเอ อ้างว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการเล่นพนันในบ่อนกาสิโนแห่งหนึ่งในฝั่งปอยเปต แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากโดยพฤติการณ์แล้ว น่าจะเป็นการลักลอบขนเงินสดเข้าประเทศ โดยไม่สำแดงกับศุลกากร อาจจะเป็นเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องหรือเป็นเงินที่มีส่วนพัวพันกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมกับแจ้งขอกล่าวหา "ลักลอบนำเงินตราเข้าราชอาณาจักรโดยไม่แจ้งรายการเกี่ยวกับเงินตราต่อพนักงานศุลกากรฯ" จากนั้นจึงได้คุมตัวส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ด่านศุลกากรอรัญประเทศดำเนินคดี และให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จ.สระแก้ว สืบสวนขยายผลหาเส้นทางการเงินจำนวนนี้ต่อไป


>> หนุ่ม 36 ปีเกิดอาการคลั่งยา จุดไฟเผาบ้านเผารถ เสียหายวอด จ.ตาก

11.00 น. งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต. วังประจบ ได้รับแจ้งเหตุ เพลิงไหม้บ้าน และรถจักรยานยนต์ ในพื้นที่บ้านทรัพย์สมบูรณ์ หมู่ที่ 11 ตำบลวังประจบ อำเภอเมือง จังหวัดตาก จึงได้ส่งรถดับเพลิง 2 คัน และพนักงานดับเพลิงเข้าแล้วทำเหตุ 
ที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นลักษณะไฟไหม้ภายในบ้านพักอาศัยชั้นเดียว 1 หลัง และ รถจักรยานยนต์จำนวน 1 คัน ใช้เวลาในการระงับเหตุ 3 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ

จากการสอบถามเบื้องต้น พบว่าหนุ่มวัย 36 ปี มีอาการคลั่ง จึงทำการเผาบ้านและเผารถจนเพลิงไม่เสียหายดังกล่าว ประเมินมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้หลังเกิดเหตุ


>> เพลิงไหม้บ้านภายในชุมชน อ.กันทรวิชัย แล้วลุกลามหลังข้างเคียงเสียหายหลายหลัง

12.00 น. สมาคมกู้ภัยกันทรวิชัยการกุศล รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนพิกัดบ้านวังบัว หมู่ที่ 12 ต.ขามเฒ่าพัฒนา อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม

ที่เกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้าน 2 ชั้นอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยรถดับเพลิง ดำเนินการลากสายดับเพลิงเข้าระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง ใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง จึงจะสามารถควบคุมและเพลิงได้สงบลงในเวลาต่อมา

ตรวจสอบพบว่า มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบจากการถูกไฟไหม้ทั้งหมด 7 หลัง โดยเสียหายทั้งหมดจำนวน 3 หลัง และได้รับความเสียหายบางส่วนอีก 4 หลัง ขณะเกิดเหตุ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นชาย 1 ราย มีแผลฉีกขาดที่เข่าข้างซ้าย รู้สึกตัวดี อาสาสมัครช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนกู้ชีพในพื้นที่นำส่งเพื่อรักษาต่อที่โรงพยาบาลกันทรวิชัย

ในส่วนของสาเหตุนั้น คาดว่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรวิชัย จะสอบสวนเพื่อหาสาเหตุทีแท้จริงต่อไป


>> ปลัดจังหวัดนนท์ ตรวจหน่วยเลือกตั้ง พบ 65 แรงงานต่างด้าวเช่าบ้านพักอยู่รวมกันแออัด

12.00 น. นายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล ปลัดจังหวัดนนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม หน่วยเลือกตั้งซ่อม สจ.เขตอำเภอบางใหญ่ บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยในระหว่างเดินตรวจตราดูแลความเรียบร้อยหน้าหน่วยเลือกตั้งซ่อมดังกล่าว ซึ่งมีประชาชนเดินทางออกมาใช้สิทธิ์ ได้สังเกตเห็นกลุ่มคนประมาณ 10 คน ยืนจับกลุ่มกันอยู่ข้างๆ พื้นที่บริเวณใกล้หน่วยเลือกตั้ง จึงได้เข้าไปสอบถาม ก่อนจะทราบว่ากลุ่มคนที่ยืนจับกลุ่มกันทั้งหมดเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จึงได้สั่งการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางใหญ่ลงพื้นที่ตรวจสอบเพิ่มเติม จนพบว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักหลังหนึ่ง จึงประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. เข้าทำการตรวจสอบ

ซึ่งภายในบ้านพัก พบแรงงานต่างด้าวชาวเวียดนามจำนวน 65 คน เป็นชาย 26 คน หญิง 27 คน เด็ก 12 คน ในจำนวนนี้มีบัตรของ unhcr จำนวน 31 ใบ ตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางหรือหลักฐานการเข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฏหมายมาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่ได้ จึงควมคุมตัวมาตรวจสอบเพิ่มเติมที่อำเภอบางใหญ่เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ในเบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหากับแรงงานต่างด้าวทั้งหมดที่หลบหนีเข้าเมืองมาแย่งอาชีพคนไทย


>> รวบแก๊งขนแรงงานเถื่อน ซุก 10 เมียนมา อัดเต็มรถ พบปืนพร้อมกระสุน

12.25 น. ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาลักลอบขนแรงงานต่างด้าว จำนวน 1 ราย และผู้ต้องหาต่างด้าว 10 ราย แจ้งความผิดฐาน “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้น พ้นจากการจับกุม” และ “พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว”,“เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”โดยจับกุม ได้บริเวณถนน ทล.1 กม.571 หน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงสามเงา ต่อเนื่องถนน ตก.1003 กม.2 ต.วังจันทร์ อ.สามเงา จ.ตาก

โดยผู้ต้องหาต่างด้าวนั่งอัดแน่นมา เบื้องต้นไม่มีเอกสารการเดินทางใดๆ จึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมนายพีรพันฯ และผู้ต้องหาทั้งหมด นอกจากนี้ จากการตรวจค้นตัวคนขับ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. พร้อมเครื่องกระสุน 12 นัด บรรจุในกระเป๋าเป้สะพายข้าง และให้การรับสารภาพว่ารับคนต่างด้าวมาจาก อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เพื่อไปส่งยังรอยต่อ จ.กำแพงเพชร – นครสวรรค์ได้ค่าจ้าง 50,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามเงา จ.ตาก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> หนุ่มวัย 29 ปีขับขี่จักรยานยนต์ รถพลิกคว่ำร่างกระเด็นขึ้นทางเท้าริมถนนวิภาวดี เสียชีวิตในเวลาต่อมา

14.15 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำและมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนวิภาวดี - รังสิต ขาออก บริเวณใกล้เคียงแยกบางเขน ในช่องทางคู่ขนาน พื้นที่ เขตจตุจักร กทม.

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะล้มคว่ำอยู่ข้างทาง ห่างออกไปบนทางเท้า พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น


>> นายจิรายุ นำทีมเฉพาะกิจลุยจับร้านขาย 'บุหรี่ไฟฟ้า' ทั่วกรุง เผย ได้รับเอกสาร "ลับ" แฉข้าราชการมีเอี่ยวเพียบ

16.24 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ชุดเฉพาะกิจสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สคบ. ฝ่ายปราบปรามการยาสูบ ร่วมกันลงพื้นที่ จับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี หลายพื้นที่ใน กทม.

นายจิรายุ เผยว่า ได้รับเอกสาร “ลับ” เรื่องธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าสีเทามูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทต่อปี รวมทั้งแผนผังผู้เกี่ยวข้องกับการนำเข้า ทั้งอุปกรณ์และน้ำยาจากต่างประเทศผ่านช่องทางต่างๆโดยระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ทั้งผู้ดูแลสินค้าน้ำเข้าที่ด่านพรมแดน ช่องทางธรรมชาติ 51 แห่ง เพราะบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ผลิตในไทย

มีเกือบทุกจังหวัดโดยเฉพาะใน กทม. พบเกือบทุกเขต ที่มีการเปิดร้านขายอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างโจ่งครึ่ม บางแห่งถึงขั้นลงโฆษณาในโซเชียลและบางแห่งทำหน้าร้านชนิดที่ไม่เกรงกลัวใด ๆ ทำให้สังคมเกิดข้อกังขาว่า เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่หน้าด่านที่ควบคุมสินค้าต่าง ๆ และตำรวจทุกหน่วยที่มีหน้าที่ปราบปรามจับกุม ทั้งหน้าร้านและในโซเชียลรู้เห็นเป็นใจและรับสินบนจากร้านค้าขายของผิดกฎหมายเหล่านี้หรือไม่ รายงานดังกล่าวระบุรายชื่อของร้าน จุดที่ตั้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ การจ่ายส่วยสถานีตำรวจที่รับผิดชอบทั่วประเทศ ที่กล่าวหาว่ามีการรับส่วยเดือนละ 5,000 -10,000 บาท/ร้านค้า ส่วนผู้นำเข้ารายละกว่า 200,000 ขึ้นอยู่กับขนาดของร้านและเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งตนจะดำเนินการตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับสินบน หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เพื่อเอาผิดทางวินัยและทางอาญาต่อไป


>> หนุ่มใหญ่เมาคลั่ง คว้ามีดแทงญาติ ขณะที่หลานเห็นวิ่งเข้าช่วยโดนไปด้วย

16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ ได้รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายกันมีผู้บาดเจ็บ เหตุเกิดในแคมป์พักคนงาน ถนนเลียบคลองแอน ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

ที่เกิดเหตุภายในแคมป์พักคนงานพบคนเจ็บ 2 คน นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี มีบาดแผลถูกแทงเข้าที่หน้าอกขวา และ นางสาวบี (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี ถูกแทงเข้าที่ชายโครงซ้าย ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล

ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายเก่ง (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี ผู้ก่อเหตุพร้อมของกลางเป็นมีดปลายแหลมยาวประมาณ 25 เซนติเมตรไว้ โดยนายเก่ง มีบาดแผลฟกช้ำที่ใบหน้าก่อนจะนำตัวไปที่โรงพักและส่งรักษาที่โรงพยาบาลเช่นกัน ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์เจ้าตัวให้การไม่รู้เรื่องเนื่องจากมีอาการเมาสุราอย่างหนัก 
นายเอ (นามสมมุติ) กล่าวว่าเขากินเหล้าแล้วก็เมาร้องโวยวาย ป้าของตนก็มาห้าม ตนจึงเดินมาดู แต่เขาไม่หยุดคว้ามีดมาแทงป้า ตนจึงเข้าไปห้ามพอจับเขาก็ใช้มีดจ้วงแทง ตนเลยจึงต้องต่อยเขา ส่วนป้าก็ได้รับบาดเจ็บถูกแทงเช่นกัน

ด้าน สามีของนางสาวบี (นามสมมุติ) กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านหลัง จู่ๆแฟนวิ่งไปบอกว่าโดนแทงให้หาสำลีมาทำแผลให้หน่อย จึงสอบถามว่าใครแทงพร้อมกับวิ่งมาด้านหน้าแคมป์พักก็พบว่าหลานนั้นกำลังชกต่อยกับผู้ก่อเหตุอยู่ ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าจะเกิดจากที่นายเก่ง (นามสมมุติ) เมาเพราะทุกวันนายเก่ง จะกินเหล้าคนเดียวทุกวันและพูดจาโวยวายระรานไปทั่วจนก่อนหน้านี้เคยถูกตำรวจจับไปที่โรงพักแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 2-3 เดือนก่อน นายเอ กล่าวต่ออีกว่าคนก่อเหตุและคนเจ็บเป็นเครือญาติกันทั้งนั้น ที่ชักชวนกันมาทำงานใน จ.นนทบุรี


>> สาวพนักงานร้านค้า เครียดถูกเรียกไปต่อว่า คว้ามีดฟันแทงผู้จัดการสาว ดับคาห้องเก็บของ จ.สมุทรสาคร

17.00 น. ศูนย์วิทยุนรสิงห์ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งมีเหตุมีผู้เสียชีวิต ภายในร้านค้าแห่งหนึ่ง ริมถนนสี่วาพาสวัสดิ์ - เอกชัย หมู่ 6 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

ที่เกิดเหตุ ทางพนักงานภายในร้านได้แจ้งว่า ผู้ก่อเหตุคือ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี เป็นพนักงานของร้าน ได้ใช้อาวุธมีดแทงทำร้าย น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ซึ่งผู้จัดการร้าน และได้เสียชีวิตอยู่ภายในห้องเก็บของด้านหลังร้าน และผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในห้องเดียวกัน แต่ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าเข้าไปเนื่องจาก น.ส.เอ มีอาวุธมีด

ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจหน่วยบริการประชาชนนาดี ได้แสดงตัว และแจ้งให้วางอาวุธมีดลง แต่ น.ส.เอ ไม่ยินยอม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการตามยุทธวิธี เข้าควบคุมตัว และแย่งอาวุธมีด ยาว 1 ฟุตมาได้สำเร็จ โดยไม่มีฝ่ายใดบาดเจ็บ

เบื้องต้น ทางพนักงานร้าน บอกว่า สาเหตุน่าจะมาจากความคับแค้นใจส่วนตัวของผู้ก่อเหตุ ที่ถูก นส.บี ที่เป็นผู้จัดการร้าน เรียกไปตำหนิตักเตือนเรื่องการทำงาน และการไม่ปฏิบัติตามระเบียบบางอย่าง จึงทำให้ น.ส.เอ โมโหคว้าอาวุธมีดฟันไปที่ใบหน้า และแขนของ น.ส.บี อย่างไม่ยั้ง จนเสียชีวิตอยู่ในห้องเก็บของ ตรงทางขึ้นบันไดชั้น 2

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐานฯ เข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมกันนี้ ก็ได้ควบคุมตัว น.ส.เอ ไปดำเนินคดีในฐานความผิด “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” โดยได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมของกลางเป็นอาวุธมีด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> บุกทลาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต ช่วยคนไทย-ต่างชาติ ได้ 227 คน เตรียมคัดกรอง

19.39 น. จากกรณีตำรวจฝั่งไทยได้ประสานงานขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นภัยอันใหญ่หลวงและระบาดหนักอยู่ตอนนี้ โดยหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ทางฝั่งไทยได้เดินทางไปร่วมประชุม ปรึกษาหารือกับทางตำรวจกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางตำรวจไทยได้รับการประสานงานมาจากเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทำงานอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์บนตึกดังกล่าว มีการแอบส่งข้อความและคลิปขอความช่วยเหลือมา จนสามารถสืบทราบถึงแหล่งกบดาน จึงนำไปสู่การทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งกัมพูชา 
โดยจุดดังกล่าวมีลักษณะเป็นตึกสีฟ้า สูง 4 ชั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่ปอยเปต ซึ่งการเข้าช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ มีทั้งหมด 227 คน แบ่งเป็นหญิง 60 ชาย 65 คน และชาวอินโดนีเซีย 3 คน ชาวอินเดีย ชาย 48 คน หญิง 3 คน ชาย 45 คน ปากีสถาน 51 คน หญิง 6 คน ชาย 45 คน

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เข้าช่วยเหยื่อทั้งหมดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะต้องนำไปคัดกรอง โดยจะใช้ช่องทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก บนพื้นที่สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา อีกไม่เกิน 1-2 วันนี้ โดยจะมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝั่งไทย นำโดย พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เข้ารับตัวเหยื่อทั้งหมด จากนั้นทางตำรวจไทยจะนำตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดส่งไปที่ศูนย์คัดกรอง จ.สระแก้ว เพื่อคัดกรองว่าถูกหลอกมาเป็นเหยื่อหรือสมัครใจทำงาน หากสมัครใจก็จะส่งดำเนินคดี ส่วนคนที่ถูกหลอกมาก็จะส่งกลับภูมิลำเนาต่อไป


>> หนุ่มเซลล์แทงหัวหน้าดับคาร้านนวด ในอาคารแห่งหนึ่ง ย่านปทุมวัน

22.15 น. ร.ต.ท.นนทชา แสงโสม รอง สว.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธมีดแทงเสียชีวิต ภายในอาคารแห่งหนึ่ง ย่านปทุมวัน ถ. พระรามที่ 1 แขวง และ เขตปทุมวัน กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน. และ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ อยู่ภายในร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ ชั้นที่ 5 ของอาคาร พบร่างชายไทย อายุ 40 ปี เป็นชาวจังหวัดนครพนม อยู่ในสภาพนอนหงายจมกองเลือด หายใจโรยริน พบบาดแผลถูกแทงจำนวน 6 แผล บริเวณหน้าอกซ้าย 3 แผล ไหล่ขวาด้านหลัง 1 แผล ท้ายทอย 1 แผล ต้นคอด้านซ้าย 1 แผล เจ้าหน้าที่กู้ชีพพยายามปฐมพยาบาล ทำ CPR อยู่ประมาณ 30 นาที แต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ ตำรวจควบคุมตัวคนแทงได้ คือ ชายไทย อายุ 27 ปีได้ เบื้องต้นทราบว่าตัวผู้ตายเป็นหัวหน้างาน ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นเซลล์ของร้านดังกล่าว

จากการสอบถามคนในร้าน ได้ให้การว่า ทั้ง 2 ฝ่ายนั้นได้มีปากมีเสียงกันเรื่องเงินกัน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะโมโหลงมือใช้มีดปอกผลไม้แทงผู้ตายล้มลงกับพื้น

อย่างไรก็ตาม จนท.ตำรวจ ต้องคุมตัวชายคนก่อเหตุ ไปสอบสวนหาสาเหตุที่แน่จริงอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนร่างผู้เสียชีวิตจะนำส่งนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อชันสูตร และประสานญาติมาติดต่อรับร่างไปดำเนินพิธีทางศาสนาต่อไป


>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิตกลางถนน จ.ระยอง

22.30 น. รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคล ชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนหมายเลข 36 ก่อนขึ้นทางต่างระดับแยกทับมา ใกล้เคียงเต้นท์ขายรถ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ระยอง

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า ซิตี้ สีเทา ป้ายทะเบียน กทม. จอดอยู่ในสภาพหน้ารถและกระจกหน้าพังเสียหาย ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ ป้ายทะเบียน ชลบุรี ล้มคว่ำสภาพท้ายรถพังเสียหาย ห่างออกไป 50 เมตรพบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นผู้ชาย 1 ราย ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง


>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ กลางถนนเทพรัตน และมีผู้เสียชีวิตหญิง 1 ราย

00.01 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู เบื้องต้น มีอุบัติเหตุ รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต ริมถนนเทพรัตน ขาเข้า ช่วง กม.ที่ 24 ในพื้นที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีดำ ป้ายทะเบียน สระแก้ว ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน สมุทรปราการ และใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 34 ปี และมีผู้บาดเจ็บอีก 1 รายอาสาสมัครนำส่ง รพ.บางนา 2 ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง  


>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

03.25 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.7 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 452 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย 
 

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ