หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 05:41 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568


>> รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนพระสงฆ์ขณะบิณฑบาต รถเก๋ง-กระบะวิ่งตามมาชนซ้ำ มรณภาพในที่เกิดเหตุ

06.31 น. สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนพระสงฆ์ขณะเดินออกบิณฑบาตมรณภาพ บริเวณถนนวารินชำราบ - เดชอุดม ฝั่งขาเข้าวารินชำราบ (ยูเทิร์นบ้านธาตุ) ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีน้ำเงินดำ ทะเบียน อุบลราชธานี อยู่ในที่เกิดเหตุ ผู้ขับขี่เป็นชาย อายุ 56 ปี ได้รับบาดเจ็บ กู้ชีพนำส่ง รพ.วารินชำราบ และใกล้กันพบร่าง พระภิกษุกลิ่น อายุ 64 ปี เป็นพระลูกวัดบ้านธาตุ นอนมรณภาพอยู่ในที่เกิดเหตุ โดนรถชนจนกระดูกหักไปทั้งตัว ศีรษะแตก

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ขณะพระเดินบิณฑบาตตรงจุดเกิดเหตุ นายอ่อนตาขี่รถจักรยานยนต์วิ่งมาด้วยความเร็วแล้วเฉี่ยวชนพระ จนรถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม นายอ่อนตาได้รับบาดเจ็บ จากนั้นมีรถเก๋งและรถกระบะที่วิ่งตามหลังมาชนพระซ้ำ ทำให้มรณภาพในที่เกิดเหตุ โดยรถเก๋งและรถกระบะที่ชนซ้ำได้ขับหลบหนีไป


>> รถกระบะชนกับรถรับ-ส่งนักเรียน บาดเจ็บ 20 ราย วัดแอลกอฮอล์คนขับพุ่ง

07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย รับแจ้งอุบัติเหตุ รถกระบะคอก ชนท้ายรถนักเรียนพลิกคว่ำ ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าวัดหนองหญ้าปล้อง ตำบลหนองหญ้าปล้อง อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย

ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก 6 ล้อ สีน้ำเงิน รับส่งนักเรียนลักษณะคล้ายรถคอกหมูสุโขทัย พลิกหงายท้องอยู่ข้างถนน และนักเรียนได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมด 20 กว่าราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยให้การช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบ้านด่านลานหอย เบื้องต้นมีเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และในบริเวณใกล้กันพบรถกระบะ สีขาว ทะเบียน พิษณุโลก ผู้ขับขี่ยืนรอตำรวจอยู่ที่ในเกิดเหตุ ลักษณะคล้ายมึนเมาเจ้าหน้าที่จึงให้คนขับรถกระบะคันดังกล่าว เป่าวัดแอลกอฮอล์ วัดได้ปริมาณ 133 มิลลิกรัม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ขับขี่ไปสอบสวน ที่ สภ.บ้านด่านลานหอย เพื่อสอบสวนถึงสาเหตุของการชนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> แค้นถูกด่าเรื่องยิงสุนัขเจ็บ บุกฟันเพื่อนบ้านเสียชีวิต

08.00 น. ร.ต.อ.มานพ เจริญภักดี รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.จตุรพักตรพิมาน ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกทำร้ายเสียชีวิตอยู่ในบริเวณบ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 4 บ้านดงเค็ง ต.ป่าสังข์ อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด

ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นบ้านกำลังก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ และบริเวณลานดินข้างบ้าน ซึ่งมีกองดินกองอยู่ พบร่างของ นายคำภา อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่กำลังก่อสร้าง สภาพศพเสียชีวิตในลักษณะนอนหงายสวมกางเกงขายาวและเสื้อแขนยาวสีเขียว รองเท้ายังสวมอยู่ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบบาดแผลมีรอยถูกฟันด้วยของมีคมที่คอด้านขวา 3 แผล ข้อมือขวา 1 แผล และลักษณะศีรษะถูกกระแทกด้วยของแข็งจนยุบ เลือดไหลนองพื้น

ทางภรรยา ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ปกติแล้วสามีเป็นคนพูดจาโผงผาง แต่ไม่เคยที่จะมีเรื่องโกรธเคืองบาดหมางใจกับใคร แต่เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่แล้ว เคยมีปากเสียงกับหนุ่มขี้ยาคนหนึ่งในหมู่บ้าน ซึ่งเอาปืนอัดลมมายิงขาสุนัขที่เลี้ยงไว้จนกระสุนฝังใน แต่ก็ไม่ได้เอาเรื่อง เพียงแต่พูดต่อว่ากันแล้วแยกย้ายกันไป จนกระทั่งวันนี้สามีมาถูกฆ่าตายก็ยังคิดไม่ออกว่าจะน่าจะเกิดจากสาเหตุใด

ต่อมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.จตุรพักตรพิมาน ได้ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งจับได้ภายในบ้านพักห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 200 เมตร ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายแก้ว อายุ 44 ปี พร้อมอาวุธมีดดาบยาวเปื้อนเลือด ยาวรวมด้ามประมาณ 94 ซม. ตรวจพบสารแอมเฟตามีนในร่างกาย โดยแจ้งข้อหา ข้อหากระทำผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พาอาวุธมืดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร


>> พบเหยื่อเพิ่ม ชาวเคนยาหนีตาย จากเมืองสแกมเมอร์ที่เมียนมา เผยหนีกันออกมาได้ราว 50 คน

14.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยราชมนู ร้อย 421 กองกำลังนเรศวร รับตัว ผู้ชาย อายุ 27 ปี ชาวเคนยา จากชาวบ้านหมู่ที่ 5 ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก ภายหลัง นายวิกเตอร์ หลบหนีออกมาจากแหล่งสแกมเมอร์ที่เดียวกับ นายโอพุนเด สัญชาติเดียวกัน ที่หนีนายออกมาเมื่อวานนี้ (9 ก.พ.)

โดย ชายชาวเคนยา เล่าว่า ตนเองเดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 67 ด้านสนามบินสุวรรณภูมิจากการชักชวนของคนในชาติเดียวกัน เพื่อมาทำงานเป็นพนักงานในโรงแรมในไทย โดยเสนอค่าจ้างสูง เมื่อมาถึงกลับถูกหลอกมายังพื้นที่พบพระ และถูกนำตัวข้ามไปยังฝั่งเมียนมา และต้องทำงานทำหน้าโทรศัพท์หลอกคนสัญชาติเดียวกัน มีการทำร้ายร่างกาย ซ้อมคนที่ขัดขืนจำนวนหลายสิบคน จนตนเองทนไม่ไหว ตัดสินใจร่วมกับเพื่อนร่วมชาติและต่างชาติอื่นๆ ราว 70 คน หลบหนีออกจากขุมนรกนี้ แต่หนีออกมาได้ประมาณ 50 คน และกระจัดกระจายไปทั่วชายแดนเมียนมา ในเขตเมียวดีตอนใต้

ด้าน พ.ต.อ.แมน รัตนประทิป รักษาราชการแทน ผกก.สภ.พบพระ เปิดเผยว่า จากการสอบถาม ชายคนดังกล่าว ทราบว่า รู้จักกับ ชายอีกคน และหนีมาพร้อมกันตั้งเเต่วันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ทั้งนี้จุดที่หนีออกมาคือ แหล่งสแกมเมอร์ที่เมืองใหม่ ตรงข้ามบ้านห้วยน้ำนัก ต.พบพระ อ.พบพระ เชื่อว่าน่าจะเพิ่งแยกออก ยังไม่คุ้นพื้นที่อาจต้องใช้เวลา ขณะนี้ตอนนี้ต้องเตรียมการรับมือ ซึ่งแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ลาดตระเวนชายแดนไทย หากมีเหยื่อหนีมาต้องรีบช่วยเหลือทันที

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่นำเหยื่อชาวเคนยา ทั้ง 2 รายไปสอบสวนยังด่านตรวจคนเข้าเมือง ก่อนเข้าสู่กระบวนการคัดแยกอีกครั้ง


>> นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับ ‘นาโอมิ แคมป์เบลล์’ ร่วมผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่เวทีโลก

15.00 น. นาโอมิ เอเลน แคมป์เบลล์ (Ms. Naomi Elaine Campbell) เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนประเทศไทย โดย นายกฯ ชื่นชมความสำเร็จของนางสาวแคมป์เบลล์ในวงการแฟชั่น ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทั่วโลก

นายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาย Soft Power ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และพร้อมร่วมมือแลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญกับนางสาวแคมป์เบลล์ เพื่อส่งเสริมคนไทยที่มีศักยภาพให้ไปสู่วงการแฟชั่นระดับสากลและผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย สู่วงการแฟชั่นระดับโลก


>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ ชายคนขับขี่ จยย.บาดเจ็บ ส่วนหญิงนั่งซ้อนท้าย ไปเสียชีวิตที่ รพ.

15.15 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู จ.ลพบุรี มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ถนนหมาเลข 136 ใกล้เคียงวัดพัฒนาธรรมาราม ตำบลพัฒนานิคม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถจจักรยานยนต์ ฮอนดา เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดป้ายทะเบียน ลักษณะชนกับ รถกระบะ โตโยต้า สีทอง ป้ายทะเบียน ลพบุรี ใกล้กันพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายมีอาการสาหัส ทางอาสาสมัครเร่งให้การช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลพัฒนานิคม โดยเป็นชายไทย 1 รายผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ มีแผลฉีกขาดที่ศีรษะ มีแผลถลอกตามร่างกาย รู้สึกตัว ส่วนอีก 1 รายนั้นเป็นผู้หญิง ผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ มีแผลบริเวณขาข้างซ้ายมีอาการทางกระดูกผิดรูป มีแผลถลอกตามร่างกาย หมดสติไม่รู้สึกตัว ชีพจรอ่อน อาการสาหัส ทางเจ้าหน้าที่ต้องทำ CPR และรับแจ้งว่า ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พัฒนานิคม


>> ตรวจบ้านเศรษฐีชาวศรีลังกาเลี้ยงสิงโต พบขึ้นทะเบียนแจ้งไว้ถูกต้อง เจ้าของยืนยันเคลื่อนย้ายภายใน 1 สัปดาห์

15.30 น. นายสดุดี พันธุ์ภักดี ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่า และพืชป่าตามอนุสัญญา พร้อมด้วย สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ตร.ท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังชลบุรี ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบสิงโต 2 ตัว เพื่อตรวจเลขไมโครชิพว่าตรงกับที่แจ้งไว้หรือไม่ โดยมี ชาย อายุ 54 ปี สัญชาติศรีลังกา เจ้าของสิงโต เปิดบ้านให้การตรวจสอบ

นายสดุดี กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยใช้เครื่องสแกนไมโครชิพที่ตัวสิงโตทั้งสอง พบว่าได้มีการขึ้นทะเบียนแจ้งไว้ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ในเรื่องของผลกระทบที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการชี้แจงให้กับทางเจ้าของทราบ โดยทางเจ้าของยืนยันว่าจะเคลื่อนย้ายสิงโตทั้งสองตัวไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ ภายในหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งก่อนจะมีการย้ายทางเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบว่าเข้าข่ายความปลอดภัย และห่างจากชุมชนหรือไม่ หากพบว่ายังไม่เข้าข่าย ก็จะนำสิงโตไปเก็บรักษาไว้ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) แต่เจ้าของก็เข้าไปเยี่ยมได้ตามปกติ


>> ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สั่ง 50 เขต จับตาการเผา ใช้อำนาจปรับคนเผา - เจ้าของที่เข้มข้น

16.11 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงมาตรการควบคุมการเผาว่า กรุงเทพมหานครได้ให้สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ลงไปสำรวจและเฝ้าระวังพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและจุดเสี่ยงที่อาจมีโอกาสเกิดเหตุเพลิงไหม้ต่าง ๆ พร้อมแจ้งเจ้าของพื้นที่ให้ปรับปรุงดูแล โดยจากนี้จะมีการใช้อำนาจที่เกี่ยวข้องให้มีบทปรับที่เข้มข้นยิ่งขึ้น อาทิ พ.ร.บ. การสาธารณสุข เพื่อเอาผิดคนจุดไฟเผาและรวมถึงเจ้าของพื้นที่ด้วย เนื่องจากการเผาทำให้เกิดเหตุรำคาญ ทั้งนี้ เพื่อให้เจ้าของที่หันมาใส่ใจดูแลพื้นที่ตนเองมากขึ้น

ส่วนเรื่องการเสนอขอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศให้กรุงเทพมหานครเป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อดำเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษในพื้นที่ได้อย่างสอดคล้องกับบริบทเมือง ได้มีการทำหนังสือส่งไปที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ซึ่งหลังจากนี้น่าจะต้องใช้เวลาในการหารือรายละเอียดและกระบวนการ ตลอดจนพิจารณาความเหมาะสมต่อไป

ด้าน 11 มาตรการที่จะเสนอรัฐบาล คาดว่าจะยุบรวมเหลือ 10 มาตรการ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดประกอบ และจะเสนอผ่านมหาดไทยไป ซึ่งคิดว่าหลาย ๆ เรื่องรัฐบาลอาจจะเริ่มทำไปแล้ว รวมถึงอยู่ในแผนแม่บทด้วย แต่การที่เราส่งไปอีกครั้งก็เพื่อขอความอนุเคราะห์ควบคู่กันไป


>> รถเก๋งจอดติดไฟแดง เกิดเพลิงลุกไหม้ที่ห้องเครื่อง คนขับหนีตายแจ้งเจ้าหน้าที่ ประสานรถน้ำดับทัน เกือบเสียหายทั้งคัน

16.39 น. ทีมดับเพลิงกู้ภัยนเรศวร ร่วมกับทีมดับเพลิง รถน้ำ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู ระงับเหตุเพลิงไหม้รถนั่งส่วนบุคคล กลางถนนสายหนองบัวลำพู - ศรีบุญเรือง บริเวณแยก ปตท.กิจเจริญ ขาเข้าเมือง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล นิสสัน สีเขียว ขณะขับขี่มาจอดติดไฟแดงตามปกติ ได้มีประกายไฟและควันไหม้ออกจากห้องเครื่องยนต์ และลุกไหม้อย่างรุนแรง คนจับจึงรีบออกจากรถปลอดภัยดี และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ ทีมดับเพลิงและกู้ภัย จึงเข้าระงับเหตุใช้เวลาประมาณ15 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้และดับลง ห้องเครื่องยนต์ไหม้เสียหายทั่งหมด และไหม้ภายในรถเล็กน้อย เจ้าของรถคาดว่าน่าจะเกิดจากขั่วแบตเตอร์รี่ที่หลวมทำให้ไฟช๊อตและเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองบัวลำภู


>> จเรตำรวจ เผยเตรียมตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างประเทศขึ้นมาช่วยเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ติดตามส่วนที่หนีมา

18.10 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะเดินทางไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ทั้งนี้ เพื่อติดตามเกี่ยวกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการค้ามนุษย์ หรืออาชญากรระหว่างประเทศ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการฝ่ายปกครอง ตำรวจในพื้นที่ ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด ให้การต้อนรับ และเข้าร่วมการประชุมที่ชั้น 5 ที่อาคารตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตากชั้น 5 
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รายงานสถานการณ์ความคืบหน้าหลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการตัดกระแสไฟฟ้า และห้ามนำน้ำมันเข้าประเทศเมียนมา โดยในเบื้องต้นได้ผลในระดับหนึ่ง เนื่องจากในพื้นที่จีนเทามีการใช้ไฟฟ้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด

พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวถึงเรื่องการตั้ง “ศูนย์ประสานงานระหว่างประเทศ” ตามที่ทางผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและสาธารณะของจีนเคยคุยกับฝ่ายไทยไว้ โดยทางผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเปิดศูนย์ประสานงานระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ การทำงานของศูนย์จะเป็นไปในรูปแบบการรับแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับคนที่หายไป หรือหาไม่พบ หรือน่าจะไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรืออย่างอื่นใด รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างตำรวจไทย กับตำรวจประเทศต่างๆ ที่มีบุคคลหายไป เนื่องจากทางไทยยังไม่มีข้อมูลหรือประวัติของบุคคลที่หายไป ซึ่งจะเป็นการรวมทุกประเทศที่มีคนของชาติตนเองหายไปฝั่งเมียนมา

พล.ต.อ.ธัชชัย ในเบื้องต้นมีประเทศบังกลาเทศและฟิลิปปินส์ รวมกว่า 100 คน เนื่องจากทางญาติขอความช่วยเหลือมา เพื่อให้ช่วยตรวจสอบบุคคลที่หายไปได้อยู่ในฝั่งเมียนมาหรือไม่ มีสถานะเป็นอย่างไร ส่วนกรณีชาวเคนยา 2 คน ที่หลบหนีมาจากทางฝั่งเมียนมา ขณะนี้อยู่ในความดูแลของตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก


>> เครื่องโบอิ้งรัสเซีย บินวนเหนือนทะเลอันดามันนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนขอลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ

21.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณี เครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER เที่ยวบิน SU277 ของ Aeroflot สายการบินรัสเซีย ซึ่งมีกำหนดการเดินทางจากท่าอากาศยานภูเก็ต(HKT) ไปยังท่าอากาศยานเชเรเมียตเตวา (SVO) กรุงมอสโก แต่เที่ยวบินนี้ออกเดินทางล่าช้า โดยขึ้นจากสนามบินภูเก็ต ในเวลา 16.35 น. ที่ผ่านมา

หลังจากเครื่องบินขึ้นจากสนามบินภูเก็ต เครื่องบินมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเครื่องบินไต่ระดับไปที่ความสูง ที่สุดประมาณ 22,000 ฟุต จากนั้นเครื่องบินกลับ ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังกรุงมอสโก แต่กลับบินวนเหนือทะเลอันดามัน อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของภูเก็ต เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงเศษ โดยลดระดับความสูงมาอยู่ที่ ที่ประมาณ 18,000 ฟุต และ 12,000 ฟุต หลังจากนั้นทางกัปตันได้ขอลงฉุกเฉินที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากเครื่องบินขัดข้อง ไม่สามารถที่จะนำเครื่องเดินทางไปยังจุดหมายได้

อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีมีคำชี้แจงออกมาจากสายการบิน แต่ในเบื้องต้นมีข้อมูลระบุว่า สาเหตุที่เครื่องบินบินวนเป็นเวลานาน เพื่อให้น้ำมันมีปริมาณลดลง ส่วนสาเหตุ และ มีรายงานเบื้องต้นว่าเครื่องบินมีปัญหาที่ฝาปิดล้อลงจอด โดยสามารถเก็บล้อได้ แต่ไม่สามารถปิดฝาครอบได้ หรือ การพับประตูห้องเก็บล้อ (Landing gear doors) จึงทำการบินวนตามกฏการบิน สุดท้ายได้ทำการขอเปลี่ยนเส้นทางไปลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทน โดยเที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสาร 311 คน ลูกเรือ 15 คน


>> รถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักตกข้างทางแล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ หญิงคนขับบาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

21.30 น. รับแจ้งจาก สภ.พนา มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักลงข้างทางแล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ ริมถนนเส้นทาง พนา - บ้านปทุมแก้ว ในพื้นที่ อ.พนา จ.อำนาจเจริญ

ที่เกิดเหตุ พบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้รถยนต์อยู่ข้างทาง เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยพร้อมด้วยรถดับเพลิง ระดมใช้หัวฉีดน้ำ จนสามารถควบคุมและเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา ตรวสอบ เป็นรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า ป้ายทะเบียน อำนาจเจริญ เพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งคัน และพบว่ามีผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 25 - 30 ปี มีอาการหมดสติ ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยช่วยเหลือทำ CPR ก่อนนำส่งโรงพยาบาลพนา และได้รับแจ้งว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่าการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนา  


>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศอินเดีย

22.10 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.3 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่หมู่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 468 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย


>> แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย มีรายงานรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน

23.24 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.4 ความลึก 3 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว จ.เชียงราย 
มีรายงานว่า สามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ "บ้านห้วยส้านดอนจั่น บ้านเดี่ยว 1 ชั้น รู้สึกบ้านสั่น เขย่า"

 

>> ไฟไหม้ร้านขายของเก่า โชคดีประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับทันไม่ลุกลาม

01.47 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยเอกชัย 99 ถนนเอกชัย แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียว ประกอบกิจการค้าของเก่า ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในห้อง เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งห้อง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 16 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากปลั๊กไฟฟ้าต่อพ่วงเทียนไฟฟ้าบูชาศาลเจ้า ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นเพศชาย อายุประมาณ 16 ปี มีอาการสำลักควัน อาสาสมัครปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ ไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางบอน

 

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ