วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 05:41 น.
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568
>> "ทนายตั้ม" กับพวกให้การปฏิเสธ คดีฉ้อโกง-ฟอกเงินเจ๊อ้อย พร้อมงัดหลักฐานสู้ 10 มี.ค. นี้
08.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเกษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" กับพวก จำเลยในคดีฉ้อโกง-ฟอกเงิน "เจ๊อ้อย" รวม 3 รายการ เป็นที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่า 71 ล้านบาท โดย "ทนายตั้ม" กับพวก ให้การปฏิเสธ
โดย นายเริงยศ ทรัพย์เงินทอง ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยทั้ง 7 ซึ่งลูกความของตนเอง คือ นางปทิตตา ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เช่นเดียวกับ ทนายตั้ม ก็ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ฟ้อง โดยศาลนัดตรวจพยานหลักในวันที่ 10 ม.ค. 68
ซึ่งหลังจากนี้แนวทางในการต่อสู้ ตนได้คุยกับทนายความของจำเลยที่เหลือ ทุกคนก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันที่จะต่อสู้คดี และวันที่ 10 มี.ค. เป็นการตรวจพยานหลักฐานฝั่งโจทก์ ก็แล้วแต่ฝั่งโจทก์ว่าจะนำอะไรมายื่นแต่ตัวของฝั่งจำเลยก็จะยืนยันความบริสุทธิ์ ส่วนการประกันหลังจากนี้ทีมทนายได้คุยกันว่าจะขอดูรายละเอียดทางคดีว่าจะขอยื่นประกันตัวในช่วงใด ซึ่งศาลก็ไม่ได้ตัดสิทธิ์อะไร และถ้ายื่นในศาลชั้นต้นแล้ว จะยื่นอุทธรณ์ขอปล่อยตัวชั่วคราวก็เป็นสิทธิ์ที่จำเลยทำได้ ทั้งนี้คดีนี้มี จำเลย 7 คน และมี 3 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว คือ ดาว พี่สาวเดือน และพนักงานขายเบนซ์ 2 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวไป
>> บุกรวบแก๊งชาวจีน ปล่อยเงินกู้ออนไลน์ หลังย้ายฐานจากดูไบเข้ามาประเทศไทย
10.00 น. พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี (ผบก.ภ.จว.ชลบุรี), พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้น ศาลจังหวัดพัทยา เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่า เป็นฐานที่ตั้งของแก๊งเงินกู้ออนไลน์ชาวต่างชาติ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพูลวิลล่าหรูเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ภายในแบ่งเป็นอาคารหลังใหญ่ขนาด 2 ชั้น 1 หลัง และหลังเล็กอีก 2 หลัง เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาชาวจีนจำนวน 12 ราย เป็นชาย 11 ราย และหญิง 1 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง คอมพิวเตอร์ 10 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 61 เครื่อง หนังสือเดินทาง (พาสสปอร์ต) บัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรกดเงิน) และเงินสดจำนวนหนึ่ง
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาส่วนใหญ่เดินทางมาในวีซ่านักท่องเที่ยวและนักเรียน ซึ่งเข้ามาตั้งแต่เดือน ส.ค. 67 และพบผู้ต้องหาอยู่เกินกำหนด จำนวน 2 ราย โดยหนึ่งในผู้ต้องหา เปิดเผยว่า พวกตนเป็นลูกจ้างเท่านั้น โดยไม่เคยพบหน้าผู้เป็นเจ้านายแต่อย่างใด ทราบเพียงว่า เจ้านายได้เช่าบ้านหลังนี้ กับเอเจนซีในราคา 150,000 บาท ต่อเดือน และเช่ามาตั้งแต่เดือน ส.ค. 67
สำหรับพฤติการณ์ ผู้ต้องหาจะปล่อยเงินกู้ออนไลน์ผ่าน Wechat ให้กับลูกค้าที่ประเทศจีน ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะสุ่มหาข้อมูลมาจากในระบบออนไลน์ โดยมีลูกค้าหลายร้อยรายต่อเดือน ซึ่งจะปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้ารายละ 2,000-3,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,000-15,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 30 ส่วนลูกจ้างจะได้รับเงินค่าจ้าง 15,000-20,000 บาทต่อเดือน ไม่รวมค่าคอมมิชชั่น ซึ่งก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้ประเทศดูไบเป็นฐานที่มั่นในการประกอบธุรกิจนานกว่า 5 ปี แต่เนื่องจากค่าครองชีพสูง จึงย้ายมาปฏิบัติการที่ประเทศไทย ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่บุกจับกุมได้ดังกล่าว
>> ชุดสืบ สภ.บ้านฉาง ไล่ล่าก่อนจนมุม พร้อมของกลางยาบ้า 1 หมื่นเม็ด ไอซ์ 200 กรัมสารภาพเพิ่งพ้นโทษคดียากับมาค้าอีก
11.00 น. พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.สภ.บ้านฉาง และฝ่ายปกครอง อ.บ้านฉาง แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด พร้อมของกลาง เป็นยาบ้า 1,6080 เม็ด ยาไอซ์ 211.5 กรัม รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า 1 คัน รถจักรยานยนต์ 300 ซีซี. 1 คัน สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท 1 เส้น
เกี่ยวเนื่องจากการสืบทราบว่าผู้ต้องหาคือนายหรือโอ๊ต อายุ 36 ปี พ่อค้ารายใหญ่ในท้องที่ อ.บ้านฉาง จึงได้เฝ้าติดตามรอยเพื่อดูดูพฤติกรรมการจำหน่ายยาเสพติด ต่อมาเมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 6 ก.พ.จึงพบผู้ต้องหาขับรถยนต์กระบะของกลางตะเวนส่งยายังจุดนัดหมายในรีสอตร์แห่งหนึ่งท้องที่ ม.5 บ้านฉาง จึงแสดงตัวเข้าจับกุมต่อมาผู้ต้องหาพยายามขัดขืนหลบหนีจึงไล่ล่าอย่างกระชั้นชิดก่อนที่จะทิ้งรถวิ่งหลบหนีก่อนที่ชุดสืบจะรวบตัวได้ในที่สุดพบของกลางอยู่ในรถรยต์กระบะจำนวนหนึ่งก่อนขยายผลในเวลาต่อมา
ส่วน ผกก.สภ.บ้านฉางระบุว่า ภายใต้นโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามยาเสพในพื้นที่ สภ.บ้านฉางอย่างเข้มข้น ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.บ้านฉางเฝ้าติดตามหาข่าวยาเสพติดอย่างต่อเนื่องรวมทั้งที่ผ่านมาจับกุมตัวผู้เสพได้หลายรายจนกระทั้งได้ข้อมูลผู้ต้องหารายนี้จึงเปิดปฎิบัติการจับกุมเป้าหมายดังกล่าวนอกจากนี้แล้วของกลางบางส่วนผู้ต้องหาระบุว่าได้มาจากการค้ายาเสพติด และเพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติดไม่เข็ดหลาบออกมาเป็นพ่อค้ารายใหญ่ในท้องที่อีกด้วย
ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ให้ผู้ต้องหาทราบ และนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
>> ตำรวจไซเบอร์ ขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมืองคอน รวบลูกสาวอดีตรองนายก อบต. ผู้ร่วมขบวนการ
12.30 น. ตำรวจไซเบอร์ ร่วมแถลงข่าวขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมืองคอน รวบลูกสาวอดีตรองนายกเทศมนตรี ผู้ร่วมขบวนการสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 มี.ค.67 ตำรวจไซเบอร์ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ DSI ตำรวจสืบสวน ภ.8 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ กสทช. เข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ที่ลักลอบตั้งฐานในนครศรีธรรมราชเพื่อหลอกคนไทย ชาวจีน ชาวรัสเชีย และชาวญี่ปุ่น
โดยครั้งนั้นสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการชาวจีน 51 ราย และ ชาวไทย 12 ราย พร้อมยึดของกลาง คอมพิวเตอร์ จำนวน 192 เครื่อง, มือถือและซิมผี จำนวน 854 เครื่อง, Router กระจายสัญญาณ จำนวน 22 เครื่อง, และบัญชีม้า จำนวน 342 เล่ม จากการขยายผล ตำรวจไซเบอร์พบความเชื่อมโยงว่า ขบวนการดังกล่าวมีหญิงไทยอายุ 51 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มดังกล่าวมาใช้ปฎิบัติการ และรอรับผลประโยชน์จากการให้เช่าอาศัย จึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับหญิงคนดังกล่าว และผู้ร่วมขบวนการ
จากการสืบสวนพบว่าผู้ก่อเหตุทำหน้าที่ดูแลด้านการเงิน และเป็นบุตรสาวของอดีตรองนายกเทศมนตรีในพื้นที่นครศรีธรรมราช ย้ายออกจากพื้นที่ ต.จันดี จ.นครศรีธรรมราช มาเช่าอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อขายสินค้าออนไลน์ซึ่งเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีน หลังจับกุมตัวได้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงคนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมฯ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> “ภูมิธรรม” เตรียมลงพื้นที่สังขละบุรี เปิดปฏิบัติการตัดไฟ อินเทอร์เน็ตในหลายจุด
12.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีปฏิบัติการตัดไฟ สัญญาณเน็ต และน้ำมันตามชายแดนประเทศ ว่า ตนจะเตรียมเดินทางลงพื้นที่สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นพื้นที่ตรงข้ามกับ จ.พญาตองซู ประเทศเมียนมา เนื่องจากจะไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งหมด หลังพบว่าเมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) ทางตำรวจไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดปฏิบัติการตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ตในหลายจุด เพื่อป้องกันปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และลักลอบนำเข้ายาเสพติด รวมทั้งปัญหาแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยรัฐบาลเองก็มีมาตรการในการยกระดับแก้ปัญหาอาชญากรรมรอบประเทศ โดยจะประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน
ถึงแม้ว่าปฏิบัติการตัดไฟตัดอินเทอร์เน็ตนั้น อาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่จะมีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว โดยเฉพาะในเรื่องของที่จะมีการนำไฟฟ้าและน้ำมันจากประเทศลาวมาใช้ในเมียนมา แต่ทั้งหมดก็จะต้องมีการผ่านประเทศไทย ดังนั้นหากประเทศไทยปิดกั้นได้ ก็จะสามารถตัดตอนปัญหาดังกล่าวได้ อีกทั้งทางรัฐบาลก็จะเข้มงวดกับเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุน โดยจะดำเนินการไม่ละเว้น เพราะถือว่ามีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนผู้กระทำความผิด ส่วนการตัดไฟและอินเทอร์เน็ตในครั้งนี้ ถ้ามีผลสำเร็จไปในทิศทางที่ดีก็จะนำมาถอดบทเรียนว่าความสำเร็จอยู่ที่อะไรบ้าง และจะนำไปปรับใช้ต่อไป
>> รถจักรยานยนต์จมคูน้ำข้างทางและทับร่างผู้ขับขี่ เป็นชายนิรนาม รอยสักยันต์เต็มตัว ริมถนนทางเข้าหมู่บ้าน
14.30 น. สภ.เขลางค์นคร รับแจ้งว่า มีรถจักรยานยนต์จมอยู่ในคูน้ำ และพบร่างคนจมอยู่ในน้ำ บริเวณร่องน้ำถนนทางเข้าหมู่บ้านปงแสนทอง ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ดรีม สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน 604 ลำปาง สภาพรถพังเสียหายจมอยู่ในคูน้ำข้างทาง ซึ่งมีความลึกประมาณ 50 เซนติเมตร และใกล้กันพบร่างของคนขับขี่รถดังกล่าว สภาพถูกรถจักรยานยนต์ทับร่าง และส่วนศีรษะจมอยู่ในน้ำ
อาสาสมัครต้องนำเชือกดึงซากรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาด้วยความยากลำบาก และหลังจากนั้นค่อยๆ ลำเลียงศพขึ้นฝั่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรศพเบื้องต้น พบว่าเป็น ผู้ชาย อายุประมาณ 30 - 40 ปี ไม่พบเอกสารติดตัว มีรอยสักยันต์เต็มไปทั่วบริเวณร่างกาย สภาพศพเสียชีวิตได้ไม่นานเพราะสภาพศพเนื้อตัวนั้นยังไม่แข็ง
สอบถามชาวบ้านเบื้องต้นทราบว่า ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านคนหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนในหมู่บ้านปงแสนทอง และมองเห็นรถคันดังกล่าวจมในคูน้ำและพบร่างคนเสียชีวิต จึงไปแจ้งประธานชุมชนในหมู่บ้านให้รับทราบ หลังจากนั้นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเหตุดังกล่าว
ซึ่งอย่างไรก็ตามหลังก็เกิดเหตุแล้วเจ้าหน้าที่ก็ได้นำศพผู้เสียชีวิตไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลลำปาง เพื่อให้แพทย์ชันสูตรศพอีกครั้งหนึ่ง และจะได้ตามหาญาติของหนุ่มสักยันต์ทั่วตัวรายนี้เพื่อจะได้ทราบว่าเป็นใครจากไหน
>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดกระบี่
15.45 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.3 ความลึก 2 กม. บริเวณ ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ยังไม่มีรายงานผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน
>> พบสาวผมทอง ร่างเปลือย ถูกฆาตกรรมยัดกระเป๋าทิ้งสระน้ำ
17.00 น. สภ.บ้านฉาง ระยอง ได้รับแจ้งจาก ประชาชนคนหาปลาว่า พบร่างมนุษย์ถูกยัดกระเป๋าทิ้งภายในสระน้ำ ซอยสนามกอล์ฟ ม.2 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง
ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม พบกระเป๋าเดินทางสีดำมีล้อลาก ขนาดประมาณ 28 นิ้ว จมอยู่ครึ่งใบ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำกระเป๋ามีกลิ่นเหม็นเน่า ขึ้นมาตรวจสอบ เมื่อเปิดออกดูพบร่างผู้หญิงร่างเปลือยเปล่า สภาพเริ่มเน่า มีการย้อมผมสีทอง สภาพศพเริ่มเน่าจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ พบเพียงรอยแผลที่หน้าอก คาดว่าคงจะเป็นแผลจากการเสริมหน้าอก อายุประมาณ 30 ปี คาดเสียชีสิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน นอกจากนี้ ด้านหน้าของกระเป๋าพบมีบาร์เบล น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัมใส่อยู่ อาจจะเอาไว้ถ่วงน้ำหนักเพื่อให้จม เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งชันสูตร ที่ รพ.บ้านฉาง
จากการตรวจสอบพื้นที่รอบที่เกิดเหตุ พบมีรอยเลือดตรงสะพานปูนทางเข้าสระน้ำที่พบศพ
ด้าน พล.ต.ต. ภูมินทร์ สิงหสุต รร. ผบก.ภ.จ.ว ระยอง ได้กล่าวว่า เบื้องต้นเตรียมตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณเส้นทางที่เข้ามาในจุดพบศพ คาดว่าคงจะถูกฆาตกรรมมาจากพื้นที่อื่นแล้วนำมาทิ้ง ตรวจสอบตามโรงพักใกล้เคียงพบว่า มีการแจ้งคนหายไว้ในพื้นที่ ต.หนองขาม จ.ชลบุรี เตรียมประสานญาติมาตรวจสอบ พร้อมหาเบาะแสผู้เสียชีวิต และร่องรอยของคนร้ายต่อไป
>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ ผู้บาดเจ็บชาย 1 รายอาการสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
17.00 น. รับแจ้งจาก กู้ภัยสยามบุรีรัมย์ มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ชนกับรถกระบะ และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส กลางถนนสายนางรอง - ชำนิ ใกล้เคียงร้านอาหารช้อนเงิน สาขา 2 ในพื้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
ที่เกิดเหตุ พบพบรถจักรยานยนต์ สีขาว ป้ายทะเบียน บุรีรัมย์ ล้มคว่ำสภาพรถพังเสียหาย ใกล้กันพบรถกระบะ โตโยต้า สีเทา ป้ายทะเบียน บุรีรัมย์ จอดอยู่ในสภาพหน้ารถพังเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย อายุประมาณ 60 ปี ไม่มีชีพจร กู้ภัยสยามบุรีรัมย์ ทำ CPR ฟื้นคืนชีพในที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถกู้ชีพโรงพยาบาลนางรอง เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลนางรอง และรับแจ้งว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง
>> เพลิงไหม้ร้านรับซื้อของเก่า ซอยอนามัยงามเจริญ 41 เสียหายวอดทั้งโกดัง
17.04 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยอนามัยงามเจริญ 41 ถนนอนามัยงามเจริญ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นโกดังโครงสร้างเหล็กชั้นเดียว หลังคาเมทัลชีท ประกอบกิจการรับซื้อของเก่า ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในโกดัง เพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 225 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟติดผนัง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนเทียน
>> ในหลวง ทรงขับเครื่องบินพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง โดยมีพระราชินี เป็นนักบินผู้ช่วย เสด็จถึงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
17.08 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จถึงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาแล้ว จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถยนตร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และที่ว่าการศาลแขวง ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
สำหรับการเสด็จฯ ในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารวิจัยนวัตกรรม และถ่ายทอดเทคโนโลยีการแพทย์ ณ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ เปิดอาคารที่ทำการศาลแขวงสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
>> รวบอดีตอาสามูลนิธิฯ ขนยาบ้า 796,000 เม็ด
17.14 น. นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี, พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช รรท.ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าว
หลังจับกุมตัวผู้ต้องหา 33 ปี ชาว ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พร้อมของกลางยาบ้า 796,000 เม็ด รถยนต์ติดสติกเกิอร์มูลนิธิและรหัสประจำตัว 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตรวจบริเวณถนนสาธารณระหว่าง บ้านดอนภู่-บ้านสามพร้าว แล้วพบรถเก๋งต้องสงสัยลักษณะดัดแปลงสภาพรถติดสัญญาณไฟฉุกเฉิน ติดสติ๊กเกอร์หน่วยงานกู้ภัยมูลนิธิหนึ่ง จึงแจ้งให้หยุดรถ แต่ไม่หยุดรถและได้เร่งความเร็วเพื่อหลบหนี ก่อนเจ้าหน้าที่ไล่ติดตาม และสามารถควบคุมตัวไว้ได้
จากการสอบถาม พูดจาวกวน และตรวจพบห่อถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 3 ห่อ ภายในเป็นยาบ้า ซึ่งผู้ต้องหา ซึ่งเคยเป็นอาสามูลนิธิแห่งหนึ่ง ได้ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา บอกว่าตนเองได้รับการติดต่อให้มาขนยาบ้าผ่านทางเฟซบุ๊ค ตำรวจ จึงนำของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินการกฎหมาย
>> นักท่องเที่ยวระทึก เพลิงไหม้บนโรงแรม พื้นที่กะรน ภูเก็ต
18.00 น. พ.ต.ต.จรัส เหล็มปาน สว.(สอบสวน) สภ.กะรน ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรแรงแรมแห่งหนึ่ง ถ.แหลมทราย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นอาคาร 4 ชั้น เปิดกิจการเป็นโรงแรมขนาด 79 ห้อง จุดเกิดเหตุเป็นห้องเก็บของสำหรับแม่บ้าน อยู่ชั้นที่ 4 ของอาคาร เพลิงไหม้ทำให้ห้องได้รับความเสียหายแต่ไม่ลุกลามเนื่องจาก พนง.โรงแรม ได้ใช้ถังดับเพลิงฉีดดับ ขณะเกิดเหตุ เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
>> รถกระบะชนคนข้ามถนน เสียชีวิต 2 รายเป็นชาย, หญิงชาวเมียนมา
19.30 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดสระบุรี มีอุบัติเหตุรถกระบะเฉี่ยวชนคนข้ามถนน และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย ถนนสุวรรณศร เส้นทางหินกอง - วิหารแดง ช่วง กม.ที่ 88 - 89 ในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ นิสสัน สีเทา ป้ายทะเบียน สระบุรี จอดอยู่ข้างทางสภาพหน้ารถพังเสียหาย และห่างออกไปพบร่างของผู้บาดเจ็บ 2 ราย มีอาการสาหัสและหมดสติ ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยร่วมตรวจสอบ พบว่าได้เสียชีวิตแล้วทั้งคู่ ตรวจสอบเอกสาร เป็นผู้ชาย อายุ 43 ปี และผู้หญิง อายุ 55 ปีซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติเมียนมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองแค สาขาย่อยหินกอง
>> 'เมียนมา' นัดร่วมตัวชุมนุม สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา(ฝั่งเมียนมา) กดดันทางการเจรจาไทย กรณีหยุดจ่ายไฟฟ้า-น้ำมัน พรุ่งนี้
21.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ถึงความเคลื่อนไหวบริเวณชายแดนไทยเมียนมา พื้นที่จังหวัดตาก ว่า หลังจากที่รัฐบาลไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้หยุดส่งกระแสไฟฟ้าให้กับประเทศเมียนมา ตามมติของ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันมี่ 5 ก.พ. ทำให้มีประชาชนชาวเมียนมา เริ่มได้รับผลกระทบ
โดย ในวันพรุ่งนี้ (8 ก.พ.68) เวลาประมาณ 08.30 จะมีกลุ่มประชาชนชาวเมียนมา และผู้ได้รับผลกระทบจากการตัดกระแสไฟฟ้าและการงดส่งน้ำมัน จะรวมตัวกันที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 และ แห่งที่ 2 (ฝั่งเมียนมา) โดยจะเริ่มทำการรวมตัวกันที่หน้าโรงพยาบาลเมียวดี สหภาเมียนมา จากนั้นจะเดินทางมาชุมนุมกันที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา แห่งที่ 1 และจากนั้นจะเดินทางไปที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมาแห่งที่ 2 เพื่อเรียกร้องให้ทางการเมียนมา ประสานงานกับรัฐบาลไทย ในการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนชาวเมียนมาโดยเร่งด่วน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 3,000 คน เริ่มเคลื่อนกระบวน ในเวลา 08.30 น. สิ้นสุดการชุมนุมเดินขบวน 12.00 น.
สำหรับจุดเริ่มต้นเคลื่อนขบวน - เริ่มตรงสวนสารณะเมียะสั่นที่ หมู่ 4 เมืองเมียวดี เส้นทางการเคลื่อนขบวน ไปเชิงสะพาน 1 เริ่มจากถนนโรงพยาบาล, ถนนบะหยินหน่อง จากนั้นไปยังเชิงสะพาน 2 ใช่ถนนเมียะยะตะหน่า, ถนนโบ๋โช๊ก, ถนนชิ้ดจีเย, แยกทางเหย่ปู่ ถนนไปสะพาน 2
>> โจรซ้อน 3 ซิ่งจยย. กระชากกระเป๋าสะพาย แหม่มรัสเซีย ก่อนหลบหนีลอยนวล จ.ชลบุรี
21.41 น. สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่าเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบจี้ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยงชาวต่างชาติ ที่บริเวณหน้าอังเกต คอนโดมิเนียม ซอย 7 เทพประสิทธิ์ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
เมื่อไปถึงพบ ผู้หญิง อายุ 53 ปี นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย อยู่ในอาการตื่นตระหนก โดยให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ระหว่างที่เธอกับเพื่อนรวมกัน 3 คน กำลังเดินอยู่บริเวณดังกล่าว เพื่อกลับที่พัก จู่ๆ ได้มีวัยรุ่นจำนวน 3 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบรุ่นและยี่ห้อ นั่งอัดสามซ้อนท้ายกันมา จากนั้นหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นใช้มือเอื้อมเข้ามาประชิดตัว ก่อนลงมือกระชากกระเป๋าสะพาย
ภายในมีทรัพย์สิน เงินสด 4,500 บาท, ไอโฟน 2 เครื่อง, แว่นตากันแดด, ผ้าคลุมไหล่, และหนังสือเดินทาง ก่อนคนขับจะพาเพื่อนเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตกให้กับตัวเธอและเพื่อนเป็นอย่างมาก ทางตำรวจจึงพาตัวไปแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา สาขาย่อยโค้งดงตาล
เบื้องต้น ตำรวจได้ภาพกล้องวงจรปิด เป็นรูปพรรณสัณฐานพบว่าเป็นวัยรุ่นจำนวน 3 คน อายุไม่เกิน 20 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีทึบ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จุดเด่นคือซ้อนซ้อนท้ายใส่เสื้อสีแดง สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า โดยตำรวจได้วิทยุสกัดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีแต่ก็ยังไร้วี่แวว อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนจะเร่งแกะรอยคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ กลางถนนฉลองกรุง หนุ่มบาดเจ็บสาหัส ส่วนเพื่อนสาวเสียชีวิต
02.00 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย บนถนนฉลองกรุง ใกล้เคียงซอยฉลองกรุง 1 ในพื้นที่ เขตลาดกระบัง กทม.
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า สีเทา ป้ายทะเบียน กทม. สภาพหน้ารถและกระจกหน้ามีร่องรอยการชนได้รับความเสียหาย ห่างออกไปพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีแดง - ดำ ป้ายทะเบียน กทม. สภาพหน้ารถพังเสียหาย ใกล้กันพบร่างของผู้บาดเจ็บ 2 รายมีอาการสาหัส ทางอาสาสมัครช่วยเหลือเบื้องต้นและมอบให้รถกู้ชีพ รพ.ลาดกระบัง ดำเนินการนำส่ง รพ.ใกล้เคียง เป็นชาย 1 ราย ส่วนอีก 1 รายนั้นพบว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เป็นผู้หญิงไทย อายุประมาณ 23 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.จรเข้น้อย
>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดน่าน
03.54 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 1.4 ความลึก 1 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ