24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 9 มกราคม 2568
>> ไฟไหม้โรงพยาบาลสัตว์ หมอ-พนักงาน-สัตว์ ติดภายใน กู้ภัยช่วยเหลือ พบแมวลักษณะสำลักควันดับ 2 ตัว
07.30 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ที่ โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บและติดอยู่ภายในอาคารหลายราย
ที่เกิดเหตุ เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ติดกัน 2 คูหา มีกลุ่มควันจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากตัวอาคาร บริเวณระเบียงชั้น 3 พบ ผู้พักอาศัยจำนวน 6 คน มีทั้งผู้ใหญ่ และเด็กยืนร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่จึงให้ผู้พักอาศัยทั้งหมดลงมารอที่ระเบียงชั้น 2 พร้อมนำกระเช้าขึ้นไปรับลงมาได้สำเร็จ เบื้องต้น ท้้งหมดมีอาการสำลักควันเล็กน้อย แต่โดยรวมปลอดภัยทุกคน
ส่วนต้นเพลิงนั้นอยู่บริเวณด้านหน้าชั้น 1 เจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีดน้ำสกัดจนแสงเพลิงสงบ เหลือเพียงกลุ่มคละคลุ้งไปทั่วอาคาร ตรวจสอบบริเวณต้นเพลิงนั้นพบว่า เป็นตู้ปลา และชั้นแขวนอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายบางส่วน ตรวจสอบบริเวณภายในอาคารชั้น1 ด้านหลัง และชั้นบริเวณชั้น 2 พบว่า เป็นกรงขังสำหรับดูอาการสัตว์เลี้ยงหลายกรง เรียงรายกันเป็นชั้น มีสุนัข 8 ตัวและแมว 7 ตัว อยู่ในกรง ส่วนใหญ่มีอาการตื่นกลัวและตกใจ พบมีแมวตาย 2 ตัวลักษณะคล้ายสำลักควัน เจ้าหน้าที่และพนักงานของโรงพยาบาลสัตว์จึงช่วยกันลำเลียงสัตว์ต่างๆ ออกไปด้านนอกอาคารอย่างทุลักทุเล
ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตาม ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะดำเนินการสอบสวนเพื่อหาสอบสาเหตุทึ่แท้จริงต่อไป
>> "ทนายวิฑูรย์" เตรียมพยาน กว่า 100 ปาก พร้อมหลักฐานสู้คดี "ดิไอคอน" เผยเป็นเรื่องดีอัยการสั่งไม่ฟ้องบอสมิน-บอสแซม
09.00 น. ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดี ที่ พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้อง นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป , นายกันต์ กันตถาวร หรือ บอสกัน กับพวก เป็นจำเลยรวม 17 คน ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงฯ
โดย นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เดินทางมายังศาลอาญา พร้อมกับเปิดเผยว่า ขั้นตอนวันนี้ศาลจะอ่านคำฟ้องให้จำเลยฟังว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธถ้ารับสารภาพคดีก็พิจารณาไป แต่ถ้าปฏิเสธก็จะมีนัดตรวจพยานหลักฐานต่อไปคาดว่า น่าจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายน 2568 นี้
ทั้งนี้ มีการคุยกับทีมทนายความ ว่าจะต้องยื่นประกันจำเลยช่วงไหนยังไง เนื่องจากเอกสารหลักฐานมีจำนวนมาก จำเลยมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้คดีนำเสนอข้อมูลหลักฐานเอกสาร ต่างๆ เพื่ออธิบายต่อศาลได้เข้าใจ ส่วนกรณีที่ อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง บอสมิน - บอสแซม ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า ดีมากที่อัยการ สั่งไม่ฟ้องเพราะจริงๆบริษัทก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย การที่อัยการสั่งไม่ฟ้องถือเป็นความกล้าหาญของอัยการที่กล้ายึดถือความยุติธรรมเป็นหลักที่ให้ความยุติธรรมกับพวกเรา
>> "มาดามอ้อย" หอบหลักฐานการโอนเงิน สำเนาแคชเชียร์เช็ค คดีทนายตั้มโกงเงิน 71 ล้านบาท เข้ายื่น ปปง.
09.30 น. ที่ สำนักงาน ปปง. น.ส.จตุพร หรือ มาดามอ้อย พร้อมด้วย ทนายสมชาติ พินิจอักษร เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ ปปง. เพื่อยื่นคำร้องและพยานเอกสาร ขอรับการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน โดยมีเหตุที่อันควรเชื่อได้ว่ามีการโอน ยักย้าย ปกปิดหรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด 3 รายการ เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 71 ล้านบาทนั้น โดยมี น.ส.สุปราณี สถิตชัยเจริญ ผอ.กองความร่วมมือและพัฒนามาตรฐาน ในฐานะรองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. เป็นตัวแทนรับเรื่อง
โดย ทนายสมชาติ กล่าวว่า วันนี้ น.ส.จตุพร มายื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย จำนวน 71 ล้านบาท ตามที่ได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาไปก่อนหน้านี้ ส่วนมีความกังวลเรื่องทรัพย์สินหรือไม่นั้น เพราะมีมูลค่ากว่า 71 ล้านบาท ตนก็ว่าเอาเท่าที่สำนักงาน ปปง. จะตรวจสอบทรัพย์สิน และได้ยึดอายัดไว้ เท่าไรก็เท่านั้น สำหรับวันนี้เราก็ต้องขอบคุณสำนักงาน ปปง. ในส่วนทางแพ่ง การดำเนินการมาตรการทรัพย์สินต่างๆ ส่วนคดีอาญาก็เป็นส่วนของตำรวจและอัยการที่ควบคู่ขนานกันไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตัวเลขอื่นอย่างจำนวน 39 ล้านบาท ก็คงจะตามมา ดังนั้น ทั้งหมดที่อยู่ในคดีมูลฐานความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องก็คงต้องให้ ปปง. ดำเนินการต่อไปในเรื่องทรัพย์สิน
>> ทนายอนันต์ชัย แจ้งความเอาผิด อ.เบียร์ คนตื่นธรรม หลังไลฟ์สดดูหมิ่นมหาเถรสมาคม
10.00 น. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมด้วยทีมงานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เข้าแจ้งความกับนายสัญชัย หรือ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม อินฟลูเอนเซอร์
นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ อาจารย์เบียร์ ได้มีการไลฟ์สดเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2567 ตอบคำถามคนดู โดยมีเนื้อหาใจความประมาณว่า "มึงไปโค่นล้มมหาเถรสมาคมไม่ได้หรอก เขาอยู่ยงคงกระพันด้วยตำแหน่งหน้าที่และอำนาจ ไม่ใช่ด้วยพระธรรม มีหลายครั้งที่มหาเถรสมาคมใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง มากกว่าการทำตามพระวินัย ส่งผิดจ้าหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า มันดูทุเรศทุรัง เอาอำนาจราชศักดิ์ของตัวเองมาเป็นใหญ่ซึ่งถือว่าใช้ไม่ได้"
ซึ่งคำพูดดังกล่าวตนยอมไม่ได้เนื่องจากเป็นการหมิ่นพระเกียรติคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ อาจารย์เบียร์ไม่ได้มีความรู้เรื่องพระไตรปิฎก แต่มากร่นด่ามาหมิ่นพระเกียรติ และอยากถามสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าพวกท่านทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้ฆราวาสอย่างตนออกมาเคลื่อนไหวเอง ตนจึงมาแจ้งความอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ใน 3 ข้อหา คือ หมิ่นประมาท พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง
นอกจากนี้ทนายอนันต์ชัย ยังบอกอีกว่า ก่อนที่จะมาแจ้งความในวันนี้อาจารย์เบียร์ได้มีการติดต่อผ่านคนกลางว่าจะขอเข้ามาขอโทษตน ซึ่งตนได้ตอบปฏิเสธไปพร้อมกับให้คำแนะนำไปว่าให้ไปขอโทษมหาเถรสมาคมจะดีเสียกว่า เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของตน
>> ไฟไหม้บ้านร้าง 2 ชั้นเสียหาย เจ้าหน้าที่ปีนบันไดขึ้นช่วยน้องหมา - แมวถูกไฟคลอก
10.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ได้รับแจ้งเพลิงไหม้ตึกร้างหลายคูหา ภายในซอยศรีด่าน 3/5 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุเป็นลักษณ์อาคารร้าง 2 ชั้น หลายคูหาที่มีผู้ลักลอบมาพักอาศัยและนำขยะมาทิ้งจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ พบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงบริเวณชั้นล่างที่อัดแน่นไปด้วยขยะจนเพลิงลุกลามไปหลายคูหา ส่วนผู้ที่ลักลอบเข้าไปพักอาศัยนั้น ทางญาติ ๆ ได้ช่วยกันอุ้มลงจากชั้น 2 แต่มีอาการสำลักควัน เป็นชาย 1 ราย เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ส่วนเจ้าหน้าที่อีกส่วนต้องรีบใช้บันไดปีนขึ้นไปช่วยแมวที่อยู่ในบ้านชั้น 2 ที่ไฟไหม้ และช่วยหมาไว้ได้อีก 1 ตัว โดยเจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำสกัดเพลิงที่ลุกไหม้ดังกล่าวกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที เพลิงจึงสงบ แต่ก็ต้องฉีดน้ำเลี้ยงไว้กันไฟประทุ เนื่องจากมีขยะอัดแน่นเป็นจำนวนมาก
จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า บริเวณตรงนี้เป็นตึกก่อสร้างไม่เสร็จ ได้มีคนไร้ที่พักเข้ามาจับจองพักอาศัยอยู่ ซึ่งจะเกิดเพลิงไหม้บ่อยครั้ง เมื่อ 2 ปีที่แล้วก็ไหม้อย่างนี้ไหม้หมดทุกคูหา ส่วนขยะนั้นส่วนหนึ่งก็มีคนนำมาทิ้ง และส่วนหนึ่งคนที่ลักลอบมาอาศัยอยู่เก็บมาไว้เพื่อขายเป็นของเก่า ทางเทศบาลเคยมากั้นรั้วแต่ก็มีคนมาตัดรั้วเข้าไปอยู่ และบริเวณดังกล่าวมักจะมีการทะเลาะวิวาทกันบ่อย
>> รถกระบะชนกับรถนั่งส่วนบุคคล มีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บหลายราย
12.20 น. ศูนย์วิทยุบรรเทาตรัง มูลนิธิกุศลสถานตรัง (บ้วนเต็กเซี่ยงตึ๊ง) รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถกระบะ ชนกับรถนั่งส่วนบุคคฃ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายและติดภายในรถ บนถนนสาย ตรัง - สตูล ช่วง บ้านทุ่งปาหนัน ม.2 ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง
ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะ โตโยต้า สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน สุราษฎร์ธานี จอดอยู่กลางถนนสภาพหน้ารถพังเสียหาย และห่างออกไปที่ร่องน้ำข้างทาง พบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีเทา ป้ายทะเบียน สตูล สภาพหน้ารถพังเสียหายเช่นกัน จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 15 ราย โดยมากับรถกระบะ 10 รายและรถเก๋ง 5 ราย ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ปะเหลียน และ รพ.ย่านตาขาว และพบว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 50 ปี และผู้ชาย อายุประมาณ 30 - 40 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะเหลียน
>> นายกฯ ตรวจติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ย้ำ เร่งดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็ว
14.20 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พร้อมพบปะทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับ และรับมอบดอกกุหลาบสีแดงเพื่อแสดงความรักและเป็นกำลังใจในการทำงานให้แก่นายกรัฐมนตรี
นายกฯ รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ซึ่งในปัจจุบันปริมาณน้ำจากอ่างเก็บน้ำฯ ไม่เพียงพอสำหรับการใช้น้ำในช่วงหน้าแล้งของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางจังหวัดได้เตรียมแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน โดยขุดลอกตะกอนดินอ่างเก็บน้ำฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกักน้ำ และจัดหาแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับผลิตประปาเพื่ออุปโภคบริโภค โดย นายกฯ เสนอให้จังหวัดเร่งหารือกับกรมชลประทาน หาวิธีขยายอ่างเก็บน้ำฯ โดยเร็ว เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน
>> บุกทลาย เหมืองบิตคอยน์พนัสนิคม ยึดอุปกรณ์ร่วม 1,000 เครื่อง
14.28 น. ตำรวจกองปราบปราม ร่วมเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้น บริษัทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.11 ต.นาวังหิน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี หลังสืบทราบพบว่าดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขโมยกระแสไฟฟ้านำมาใช้ในกิจการ จากการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ทราบว่า บริษัทดังกล่าวประกอบกิจการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่กลับมีพฤติกรรมดัดแปลงมิเตอร์หม้อไฟฟ้า เพื่อลักลอบต่อใช้กระแสไฟฟ้าหลวงเพื่อประกอบกิจการเหมืองขุดบิตคอยน์ขนาดใหญ่ เป็นการประหยัดต้นทุน เนื่องจากการทำเหมืองบิตคอยน์ ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก มีต้นทุนที่สูง
ภายหลังตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าว ติดตั้งหม้อมิเตอร์ไฟฟ้าที่มีการดัดแปลงเพื่อลักใช้ไฟหลวงจริง โดยติดตั้งแผงพลังงานโซลาร์เซลล์ เพื่ออำพรางให้ดูเชื่อว่ามีการใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์เข้ามาช่วย แต่ในความเป็นจริงกลับไม่มีการเชื่อมต่อสายไฟจากแผงโซลาร์เซลล์เข้ากับเครื่องขุดบิตคอยน์แต่อย่างใด และจากการสอบสวนพนักงานดูแลเหมืองขุดบิตคอยน์ดังกล่าวยังยอมรับว่า จะมีการลักลอบใช้ไฟหลวงเฉพาะช่วงเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันจะใช้ไฟฟ้าปกติ เพื่อไม้ให้เป็นที่ผิดสังเกต
เบื้องต้น พบว่าความเสียหายที่ประเมินไว้หลายร้อยล้านบาท จึงตรวจยึดเครื่องขุดบิตคอยน์ และ อุปกรณ์ต่างๆจำนวน 17 รายการ รวม 996 เครื่อง ไว้เป็นของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับเจ้าของบริษัทและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
>> โจรจีนก่อเหตุ "วิ่งราว" เพื่อนร่วมชาติ ย่านห้วยขวาง ได้เงินสด 5 ล้านบาท
15.55 น. ศูนย์วิทยุผ่านฟ้าตำรวจ 191 แจ้งว่า เกิดเหตุคนร้ายชาย 3 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย ย่านพระรามเก้า เบื้องต้นแจ้งว่าได้ทรัพย์สินเป็นเงินสด จำนวน 5 ล้านบาท อยู่ในกระเป๋าสีดำ หลังก่อเหตุคนร้ายทั้ง 3 คน ได้ใช้รถตู้ สีขาว หลบหนีโดยใช้เส้นทางถนนอโศก-ดินแดง ขึ้นทางด่วน ไม่ทราบเส้นทางหลบหนี
พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นภายในร้านรับส่งพัสดุ แห่งหนึ่งภายในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 12 โดยเป็นเหตุวิ่งราวทรัพย์ ที่ผู้เสียหายนำเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท มาแลกเป็นเหรียญคริปโต โดยระหว่างการเจรจา ฝั่งผู้ก่อเหตุแจ้งว่าได้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีผู้เสียหายแล้ว แต่ผู้เสียหายตรวจสอบกลับพบว่าไม่มีเงินคริปโตโอนเข้ามา จึงเกิดเหตุทะเลาะกัน จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุที่คิดว่าได้โอนเงินให้แล้วจึงนำเงินดังกล่าวไป
เบื้องต้นตำรวจ พบว่าภายในกระเป๋าเงินสดที่ผู้ก่อเหตุนำไปนั้น ผู้เสียหายใส่โทรศัพท์มือถือไว้ โดยระบุจีพีเอสล่าสุด พิกัดอยู่ที่ สวนสุขภาพแต้จิ๋ว เขตยานนาวา ซอยเจริญราษฎร์ 3
>> ธปท. สั่งธนาคาร-ผู้ให้บริการบัตรเครดิตชดเชยค่าเสียหายให้เหยื่อที่ถูกมิจฉาชีพหลอก
16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีมีผู้เสียหายจากการถูกมิจฉาชีพขโมยบัตรเครดิตไปชำระค่าสินค้าและบริการนั้น ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการบัตรเครดิตเร่งตรวจสอบ ดูแล และชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าทุกรายในกรณีดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายการบริหารจัดการภัยทุจริตจากการทำธุรกรรมทางการเงิน (ธปท. ออกประกาศเมื่อมีนาคม 2566)
โดยกรณีบัตรเครดิต ผู้ถือบัตรจะไม่ต้องชำระเงินและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีบัตรเดบิต ธนาคารจะคืนเงินให้ผู้ถือบัตรตามยอดที่ถูกตัดชำระภายใน 5 วัน นับแต่วันที่มีเหตุอันเชื่อได้ว่าไม่ได้เกิดจากความผิดของผู้ถือบัตรหรือผู้ถือบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการบัตรเครดิตจะต้องเข้มงวดในการปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว นอกจากนี้ ธปท. ได้กำชับให้ผู้ให้บริการติดตามร้านค้าที่มีความเสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใช้เป็นช่องทางรับชำระเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ให้บริการต้องมีกระบวนการรู้จักและพิสูจน์ตัวตน เพื่อคัดกรองร้านค้า ประเมินความเสี่ยง รวมทั้งติดตามความเสี่ยงและพฤติกรรมของร้านค้าอย่างต่อเนื่อง โดยต้องยุติการบริการทันทีเมื่อพบร้านค้าที่อาจเข้าข่ายให้บริการที่ไม่ถูกกฎหมาย รวมถึงพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามความเหมาะสมต่อไป
>> รถจักรยานยนต์ชนกันช่วงทางโค้ง บาดเจ็บ 1 และเสียชีวิต 1 ราย
17.35 น. รับแจ้งจากอาสากู้ภัย อ.ด่านขุนทด มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกัน บนถนนสายบ้านขุนทด - หนองแวง ช่วงทางโค้ง ก่อนถึงวัดบ้านเก่า ต.บ้านเก่า อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดง - ดำ ป้ายทะเบียน นครราชสีมา ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน - ขาว ป้ายทะเบียน นครราชสีมา ใกล้กันพบผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นชายไทย อายุประมาณ 40 - 50 ปี อาสาสมัครห้การช่วยเหลือและนำส่ง รพ.หลวงพ่อคูณ และพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร ทราบชื่อต่อมา นายเจษฎา อายุ 22 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ด่านขุนทด
>> ไฟไหม้บ้าน คุณยายวัย 70 กว่าหนีตายออกมาทัน ก่อนเพลิงลุกไหม้แล้วลามติดบ้านหลังข้างเคียงเสียหายอีก 2 หลัง
17.40 น. รับแจ้งว่า มีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน เหตุเกิดภายในซอยเทศบาลบางปู 87 ถนนสุขุมวิท ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นซอยแคบ และมีบ้านเรือนประชนปลูกติดกันหลายครั้ง ต้นเพลิง มาจากบริเวณบ้านเลขที่ 167 ซึ่งเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้บริเวณชั้น 2 ก่อนที่จะลามไปติดส่วนอื่นของบ้าน และ บ้านใกล้เคียง เลขที่ 27 ที่ปลูกติดกันอีก 1 หลัง
เจ้าหน้าที่ไปถึง เร่งลากสายดับเพลิงเข้าฉีดน้ำสกัดนานกว่า 1 ชม.จึงคุมเพลิงเอาไวได้ในวงจำกัด หลังเพลิงสงบ พบบ้านต้นเพลิงถูกเพลิงไหม้วอดทั้งหลัง และ บ้านเลขที่ 27 ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ที่อยู่ติดกันนั้นถูกไหม้เสียหายทั้งหลังเช่นกัน ในบ้านยังมีรถกระบะถูกเพลิงไหม้เสียหายไปอีก 1 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีบ้านที่อยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุ ถูกความร้อนของเปลงเพลิงไหม้บริเวณหลังคาเสียหายไปบางส่วน เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลตำบลแพรกษา บาดเจ็บจากสาเหตุสำลักควัน 1 ราย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปู
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ