เปิดสถิติการพบกันระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติติมอร์ เลสเต ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ก่อนจะเผชิญหน้ากันในรายการนี้ รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดแรก ซึ่งจะแข่งขันกันในคืนวันนี้ (8 ธันวาคม 2567) เวลา 20.00 น.

สถิติ พบกันมาทั้งหมด 3 ครั้ง 
ไทย ชนะ 3 : เสมอ 0 : ติมอร์ เลสเต ชนะ 0

สถิติการพบกันหลังสุด มีดังนี้
5 ธันวาคม 2021 ไทย ชนะ ติมอร์ เลสเต 2-0 ศึกชิงแชมป์อาเซียน
9 พฤศจิกายน 2018 ไทย ชนะ ติมอร์ เลสเต 7-0 ศึกชิงแชมป์อาเซียน
12 ธันวาคม 2004 ไทย ชนะ ติมอร์ เลสเต 8-0 ศึกชิงแชมป์อาเซียน

โดยเกมล่าสุดที่พบกัน ในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ ที่ สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ จบลงด้วยการไทยชนะ 2-0 โดย ได้ประตูจาก ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ และ สุภโชค สารชาติ

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทย มีดังนี้

นัดแรก  8 ธันวาคม 2567 
ติมอร์ เลสเต พบ ทีมชาติไทย เวลา 20.00 น. ที่ ฮัง เดย์ สเตเดียม (เวียดนาม)

นัดที่สอง 14 ธันวาคม 2567 ทีมชาติไทย พบ มาเลเซีย เวลา 20.00 น. ที่ ราชมังคลากีฬาสถาน

นัดที่สาม 17 ธันวาคม 2567 
สิงคโปร์ พบ ทีมชาติไทย เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์

นัดที่สี่ 20 ธันวาคม 2567 ทีมชาติไทย พบ กัมพูชา เวลา 20.00 น. ที่ ราชมังคลากีฬาสถาน

รอบรองชนะเลิศ  
เลกแรก : 26-27 ธันวาคม 2567 
เลกสอง : 29-30 ธันวาคม 2567

รอบชิงชนะเลิศ
เลกแรก : 2 มกราคม 2568  
เลกสอง : 5 มกราคม 2568

ถ่ายทอดสดผ่านทาง ไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32, AIS PLAY และ ยูทูป : BG SPORTS

AFF ยืนยัน เตรียมใช้ “VAR” ทุกนัด ในชิงแชมป์อาเซียน 2024

สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ยืนยันอย่างเป็นทางการ เตรียมนำเทคโนโลยี Video Assistant Referee หรือ VAR มาใช้ในการแข่งขันฟุตบอล ASEAN Mitsibishi Electric Cup 2024 หรือ ศึกชิงแชมป์อาเซียน 2024 ที่จะแข่งขันระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2567 - 5 มกราคม 2568

โดยการนำเทคโนโลยี VAR มาใช้ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของรายการชิงแชมป์อาเซียน ซึ่งจะนำมาใช้ทุกเกมตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม จนถึงรอบชิงชนะเลิศ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานการตัดสินของการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ซึ่งการแข่งขันรายการดังกล่าวในรอบแบ่งกลุ่ม จะมีการใช้กล้อง 10 ตัว โดยจะเพิ่มจำนวนกล้องอีก 2 ตัว เป็น 12 ตัว ตั้งแต่รอบรองชนะเลิศเป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน ในที่ประชุมยังยืนยันเรื่องการจัดอันดับตารางคะแนนจะดูที่ เฮด ทู เฮด ก่อน ประตูได้เสีย 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : FB ฟุตบอลทีมชาติไทย