ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ​เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ​ร่วมกันจับกุม นาย มอ (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.237/2565 ลง 29 ก.ย.65 ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์นายจ้าง ในเวลากลางคืน”

​สถานที่จับกุม บริเวณหน้าห้อง ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในรูปแบบต่างๆ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไปและบุคคลตามหมายจับ เนื่องในช่วงงานประเพณีลอยกระทง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้จับกุมผู้ต้องหาที่มีพฤติการณ์เกี่ยวกับการลักทรัพย์นายจ้าง โดยได้รับแจ้งจากสายลับ พบว่านาย มอ ที่หลบหนีมาอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. จึงได้เข้าจับกุม  ซึ่งระหว่างการแสดงตัวเข้าจับกุม นายมอ ได้มีการปฏิเสธว่าไม่ใช่บุคคลตามหมายจับ พร้อมแสดงสำเนาบัตรประชาชนบุคคลอื่น โดยแอบอ้างว่าเป็นบุคคลในสำเนาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการเชิญตัว ไปยัง สภ.เมืองพัทยา พร้อมกับเชิญบุคคลที่ถูกแอบอ้างมายืนยันตนที่ สภ.เมืองพัทยา จึงทำให้ผู้ต้องหายอมรับว่าตนได้ปลอมแปลงเป็นบุคคลอื่น โดยใช้สำเนาบัตรประชาชนของผู้เป็นเพื่อนมาอ้างกับเจ้าหน้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม 

จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหาเป็นอดีตผู้ช่วยผู้จัดการร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โดยมีการแอบขโมยสินค้าและมีการโอนเงินจากร้านค้าเข้าบัญชีของตนเองจำนวนหลายครั้ง จนกระทั่งถูกทางร้านสะดวกซื้อจับได้ รวมเป็นมูลค่าเกือบแสนบาท ​สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบี้องต้น ผู้ต้องหาให้การยอมรับตามข้อกล่าวหา

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย การทำธุรกรรมการต่างๆ ที่มีการใช้สำเนาเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรประจำตัวประชาชน หรือทะเบียนบ้าน และเอกสารทางราชการต่างๆ รวมถึงการลงนามหรือเซ็นชื่อในเอกสารต่างๆ ควรดำเนินการด้วยความรอบคอบ มีการขีดกำกับในการใช้งานทุกครั้ง ว่าใช้งานในเรื่องอะไร มีการลงวันที่ ที่ทำธุรกรรมต่างๆ และหากมีการปลอมแปลงเอกสาร หรือลายเซ็นบุคคลอื่น อาจมีโทษตามกฎหมายตาม มาตรา 137 “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”