วันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 เวลา 22:38 น.
รวบบัญชีม้ามิจฉาชีพโพสต์ขายกล้องถ่ายรูป หลอกให้โอนเงินแล้วบล็อค สุดท้ายชิ่งหนี ติดต่อไม่ได้
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้จับกุมตัว น.ส.สุข (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ลงวันที่ 27 กันยายน 2567 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ช่วยเหลือสนับสนุนหรือร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต หรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาสิ่งใด” จับกุมที่ บริเวณภายในซอยพิษณุโลก 3 ถ.ริมทางรถไฟแปดริ้ว แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ ได้มีผู้เสียหายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแจ้งว่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ที่บ้านพัก ผู้เสียหาย เห็นมีการโพสต์ขายกล้องถ่ายรูปอยู่ในหน้าเฟสบุ๊คของผู้ใช้งานรายหนึ่งซึ่งเปิดเป็นสาธารณะ ซึ่งใช้ชื่อเฟสบุ๊คว่า Inbox Camera ซึ่งขายกล้องถ่ายรูปมือสอง ผู้เสียหาย มีความสนใจในสินค้าที่โฆษณาขายดังกล่าว ผู้เสียหายจึงได้กดเข้าไปดู และได้ส่งข้อความเข้าไปในช่องแชทกระดานสนทนาส่วนตัว ว่าสนใจซื้อกล้อง ยี่ห้อ ฟูจิ รุ่น xa2 สีชมพู ซึ่งโพสต์ขายเอาไว้ในราคา 5,290 บาท และได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และขอให้ถ่ายวีดีโอมาให้ดูด้วย ซึ่งจากนั้นปรากฏว่าทางผู้โพสต์ขายสินค้านั้นก็ได้ส่งภาพวีดีโอของตัวกล้องมาให้ดูและถ่ายภาพตัวกล้องพร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชน ระบุชื่อ น.ส.สุข (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี และส่งภาพข้อความสนทนากับบุคคลอื่นๆมาให้ดู ลักษณะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นผู้เสียหายจึงได้โอนเงินไปเข้าไปที่บัญชีธนาคาร เป็นเงินจำนวน 5,290 บาท พร้อมทั้งได้ส่งหลักฐานสลิป การโอนเงินให้ไป และผู้เสียหายก็ได้ส่งชื่อที่อยู่ในการจัดส่งสินค้าไปให้ จนกระทั่งต่อมา ผู้เสียหายได้ไปสอบถามเรื่องการส่งสินค้า แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้แล้ว โดยถูกบล็อคการติดต่อไปแล้ว จึงเชื่อว่าตนถูกหลอกลวงให้สั่งซื้อสินค้าในครั้งนี้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ โดยอ้างว่า เคยทำบัตรประชาชนหายแล้วอาจถูกมิจฉาชีพเอาไปเปิดบัญชีธนาคาร เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อแต่อย่างใด ซึ่งจากตรวจสอบประวัติพบเคยต้องคดียาเสพติดและคดีการพนัน จากนั้นจึงได้ทำบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากเตือนสำหรับประชานชนทั่วไป ถึงการหลอกขายของออนไลน์ที่พบว่ามีสถิติเป็นอันดับ1ของภัยอออนไลน์ ซึ่งขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่าเห็นแก่ของถูก มีสติ เพราะมิจฉาชีพที่เข้ามาหาทุกรูปแบบ ทุกช่องทาง กับสินค้าและการบริการที่นับวันมีความใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน ควรพิจารณาเลือกซื้อสินค้าและบริการจากแหล่ง ข้อมูลข่าวสารที่เชื่อถือและสามารถจับต้องสินค้าได้จริงเท่านั้น