24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 29 กันยายน 2567
>> ไฟไหม้ร้านอาหารอีสาน ย่านถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย
10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ร้านอาหาร บริเวณถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารชั้นเดียว เปิดเป็นร้านอาหารชื่อ “สถานีอีสาน” ไฟกำลังลุกไหม้ที่ด้านหน้า ซุ้มหลังคาที่สาม พร้อมเสียงระเบิด ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์เก็บเงินด้านใน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครนครนนทบุรี ระดมรถน้ำจำนวน 5 คัน เร่งฉีดน้ำดับไฟ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ขณะเกิดเหตุมีพนักงานที่พักอยู่ในห้องพัก ใต้ถุนอาคารประมาณ 7-8 คน วิ่งหนีตายออกมา พบมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นายยาว อายุ 50 ปี พ่อครัว มีแผลไฟลวกที่ข้ออศกแขนซ้าย จากนั้นได้เป็นลมล้มลงไปกับพื้น และนายพัฒน์ อายุ 52 ปี พนักงานร้านขายเครื่องดื่ม กระเบื้องบาดที่ข้อมือขวา เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลนครนนทบุรี นำตัวส่ง รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด
จากการตรวจสอบสภาพด้านในร้านพบเคาน์เตอร์เก็บเงิน โต๊ะเก้าอี้ อุปกรณ์ขายอาหาร และหลังคาร้าน ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นไม้ ส่วนร้านขนส่งพัสดุที่อยู่ติดกันได้รับความเสียหายเล็กน้อย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ พฐ.ให้เข้าตรวจสอบ โดยจากการสอบถามหนึ่งในหุ้นส่วนพบว่าร้านเพิ่งปรับปรุงใหม่ อยู่ระหว่างเชิญเจ้าของร้านและพนักงานทั้งหมดเข้าให้ปากคำ ส่วนสาเหตุคาดไฟฟ้าลัดวงจรและรอพฐ.ยืนยันผลตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง
>> ปภ.เผยยังมี "น้ำท่วม" ในพื้นที่ 17 จังหวัด
10.20 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย หนองคาย อุดรธานี ชัยภูมิ มหาสารคาม อุบลราชธานี ปราจีนบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวม 75 อำเภอ 295 ตำบล 1,466 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 39,879 ครัวเรือน ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ระบายน้ำออกจากพื้นที่พร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายให้กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างต่อเนื่องและเต็มกำลัง
ปภ. รายงานว่าในระหว่างวันที่ 16 ส.ค. – 29 ก.ย. 67 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 37 จังหวัด รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 219 อำเภอ 940 ตำบล 5,002 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 181,870 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 49 ราย และได้รับบาดเจ็บรวม 28 คน
>> รถโม่ปูนตกหลุมในไซต์งานก่อสร้าง คนขับดับคาซากรถต่อหน้าภรรยา
12.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า รถโม่ปูนพลิกคว่ำในไซด์งานก่อสร้าง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดเหตุภายในโครงการก่อสร้างคอนโดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
ที่เกิดเหตุ พบกับ รถโม่ปูน สีขาว-ฟ้า ทะเบียน 1792 ภูเก็ต จอดพลิกคว่ำอยู่ในหลุมก่อสร้างความลึกประมาณ 4 เมตร คนขับติดอยู่ใต้ตัวรถยังไม่สามารถช่วยคนขับออกมาได้ ทราบชื่อคนขับคือ นายกิ่ง อายุ 55 ปี เสียชีวิตอยู่ภายในรถ โดยไม่สามารถนำศพออกมาได้ ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯจึงได้ใช้เครื่องตัดถ่างเพื่อตัดตรงประตูแล้วนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้นำส่งโรงพยาบาลถลาง
จากการสอบถาม ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สามีของตนได้ขับรถมาเพื่อนำปูนจำนวน 5 คิว มาส่งในไซต์งานมาถึงประมาณ 11.00 น. ได้ขับผ่านหลุมบริเวณที่เกิดเหตุจนเกือบจะพ้น แล้วได้เกิดเหตุดินบริเวณปากหลุมสไลด์ลงไป จนรถพลิกคว่ำตกลงไปในหลุมดังกล่าว จนทำให้สามีเสียชีวิตในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้ถ่ายภาพที่เกิดเหตุและสอบปากคำคนเหตุการณ์อย่างละเอียด ก่อนมอบศพให้กับญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
>> ตำรวจไซเบอร์ ตามรวม 3 บัญชีม้า รับสแกนหน้า ถอนเงินเหยื่อจนหมดตัว
13.00 น. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผู้บังคับการ ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (ผบก.สอท.2) นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ซันมา อายุ 19 ปี, นายอุทัย อายุ 44 ปี และ นายมาณพ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี พบศพ น.ส.สุดารัตน์ อายุ 28 ปี อาชีพนวดแผนโบราณ หลังก่อเหตุกระโดดลงจากเรือข้ามฟากขณะเรือแล่นข้ามฟากจากด้านท่าน้ำนนทบุรี ไปยังท่าน้ำฝั่งบางศรีเมือง จมลงกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายเกิดความเครียดที่เข้าไปสมัครทำงานกดไลน์เพื่อหารายได้เสริม แล้วถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุน ก่อนใช้อุบายหลอกให้โอนเงินในช่วงวันที่ 5 -6 ก.ย. 67 รวม 8 ครั้ง จนหมดเกลี้ยงบัญชีกว่า 338,000 บาท โดยยอดเงินที่สูญเสียไปทั้งหมด เตรียมไว้ไปไถ่ถอนโฉนดที่ดินที่จำนองไว้ กระทั่งในช่วงเย็นของวันเดียวกันได้ตัดสินใจจบชีพตัวเอง
ต่อมาชุดสืบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการ สอท.2 ได้ทำการสืบสวนจนทราบผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 5 ราย และติดตามจับกุมได้แล้ว 3 ราย ทั้งนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวส่วนที่เหลืออีก 2 ราย
>> เพลิงไหม้บ้านเรือน ย่านซอยเคหะร่มเกล้า ชั้นดาดฟ้าเสียหายวอดทั้งหมด
13.15 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยเคหะร่มเกล้า 27 แยก 7-6 ถนนเคหะร่มเกล้า 27 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวคอนกรีต 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัยและประกอบกิจการผลิตจำหน่ายอาหารจากเนื้อสัตว์ ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นดาดฟ้า เพลิงลุกไหม้เสียหายชั้นดาดฟ้าทั้งหมด พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 16 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากการประกอบอาหารทิ้งไว้ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยร่มเกล้า
>> สองวัยรุ่นวิ่งราวเงินถังผ้าป่าในปั้มแก๊ส ย่านปากเกร็ด
13.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี พนักงานปั้มแก๊ส LPG แห่งหนึ่ง ริมถนนติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน อายุประมาณ 18-20 ปี ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้ามาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์เงินเสียบต้นผ้าป่าประมาณ 50 ก้าน ก่อนจะหลบหนีไปอย่างลอยนวล ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.45 น. ที่ผ่านมา โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ขณะที่คนร้ายทั้งสองรายลงมือได้อย่างชัดเจน
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 04.31 น. พบว่าคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 18 ปี สวมเสื้อยืดสีดำ สวมกางเกงขาสั้นสีกากี ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาภายในปั้ม พร้อมกับหญิงสาว อีก 2 คนอายุประมาณ 15-18 ปี ก่อนจะจอดยืนคุยกันอยู่หน้าห้องน้ำพักใหญ่ โดยในระหว่างนั้นกลุ่มคนร้ายมีการจ้องมองไปที่ด้านหน้าปั้ม ในจุดที่ถังผ้าป่าตั้งอยู่หลังโต๊ะเก็บเงินของทางปั้ม ก่อนที่ทั้งหมดจะออกจากปั้มไป
ถัดมาภาพจากกล้องวงจรปิดตัวเดิมบันทึกภาพชายวัยรุ่นคนเดิมขับขี่รถจักรยานยนต์กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับชายวัยรุ่นอีกคนนั่งซ้อนท้ายมา ตอนเวลา 06.43 น. โดยขับขี่รถเข้ามาจอดที่หน้าห้องน้ำ ก่อนจะขยับรถมาจอดที่บริเวณหน้าจุดรับล้างรถ จากนั้นชายวัยรุ่นหนึ่งในสองคนได้ตะโกนถามหาแก้วน้ำ เพื่อขอน้ำดื่ม จนกระทั่งได้จังหวะชายวัยรุ่นทั้ง 2 คน จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์พุ่งตรงไปที่ถังผ้าป่า โดยชายคนที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้สองมือรวบเอาก้านผ้าป่าซึ่งมีเงินทำบุญติดอยู่ประมาณ 50 ก้าน ไปได้เกือบหมดต้น เหลือทิ้งไว้แต่ถังให้ดูต่างหน้าเนื่องจากติดเชือกที่รัดถังไว้ โดยที่พนักงานในปั้มแก็สไม่สามารถไล่จับตัวได้ทัน
หลังเกิดเหตุทางพนักงานของปั้มแก๊สได้เดินทางไปเข้าแจ้งความ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า เนื่องจากถังผ้าป่าดังกล่าวเป็นของวัดสลักเหนือ จึงต้องให้ทางวัดซึ่งเป็นผู้เสียหายมาเข้าแจ้งความดำเนินคดีเอง
>> เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เปิด 7 บานประตูระบายน้ำ รองรับน้ำเหนือที่ยังไหลลงมาเพิ่มขึ้น
14.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การบริหารจัดการสถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี วันนี้ยังคงมีน้ำที่ไหลมาตามแม่น้ำป่าสัก จากจังหวัดเพชรบูรณ์ ไหลเข้าในตัวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 36.698 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งส่งผลทำให้ปริมาณน้ำที่เก็บกักในตัวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้มีปริมาณ 601.46 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 62.65 % เพิ่มจากเมื่อวานที่ผ่านมา ขณะที่ได้มีการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนฯ ผ่านทางประตูระบายน้ำที่เปิดทั้ง 7 บาน จำนวน 22.506 ล้านลูกบาสก์เมตร ทั้งนี้ ในการระบายน้ำไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ทางด้านท้ายเขื่อนฯ นอกจากนี้ยังได้มีการประสานงานกับการระบายของเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท หากมีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นก็ได้มีการประสานไปยังกลุ่มผู้ใช้น้ำและผู้นำท้องถิ่นที่ทางด้านท้ายน้ำ เพื่อจะได้มีการเตรียมการรับมือน้ำล้นตลิ่งเป็นการลดการสูญเสียในทรัพย์สินต่าง ๆ
สำหรับในการระบายน้ำเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เป็นการเตรียมการรองรับน้ำเหนือที่ยังคงมีปริมาณไหลลงมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำจากฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเลย ที่เป็นต้นน้ำของแม่น้ำป่าสัก และมีปริมาณฝนตกในพื้นที่ขังหวัดเพชรบูรณ์ด้วย
>> เพลิงไหม้โรงเก็บเทียน ภายในวัดแจ้ง เมืองอุบลราชธานี เสียหายวอดทั้งหลัง
15.50 น. ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุบลราชธานี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ภายในวัดแจ้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จึงประสานเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครและรถน้ำเข้าระงับเหตุ
ในที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นอาคารไม้ พบแสงเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก จากโรงทำเทียนของวัด นาย พิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้นำรถดับเพลิง และรถน้ำออกระงับเหตุเป็นการเร่งด่วน จนสามารถควบคุมและเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา ขณะเกิดเหตุไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากการสอบถามพระลูกวัด ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ทางวัดได้จ้างช่างมาทำการรื้อโครงต้นเทียนขนาดใหญ่ประเภทติดพิมพ์ ของทางวัดเพื่อเก็บรักษาไว้ใช้ในการส่งเข้าประกวดในงานแห่เทียนเข้าพรรษาในปีหน้า ซึ่งขณะที่ช่างกำลังทำการรื้อโดยใช้เครื่องเจียรไฟฟ้า เพื่อถอดอุปกรณ์ส่วนต่างๆ ของต้นเทียนจะนำลงมาเก็บ แต่ได้เกิดประกายไฟ ลุกไหม้ต้นเทียนอย่างรุนแรง ทำให้ต้นเทียนถูกไฟไหม้หลอมละลายจนหมด โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี
>> ประกาศกรมอุตุฯ ฉบับ 4 เตือนอากาศแปรปรวนถึง 3 ต.ค. อุณหภูมิลด 1-3 องศา
17.00 น. น.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 4 (216/2567) มีผลกระทบในช่วงวันที่ 29 กันยายน-3 ตุลาคม 2567 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 29 ก.ย.-3 ต.ค.67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ประกอบกับร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีลักษณะอากาศแปรปรวนเกิดขึ้นได้ โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีฝนตกหนักบางแห่งและมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย
>> รถไฟชนกับรถเก๋ง ที่ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี มีทั้งผู้บาดเจ็บ 2 และเสียชีวิต 2 ราย
19.00 น. ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุ รถไฟชนกับรถนั่งส่วนบุคคล และมีผู้บาดเจ็บหลายราย ในพื้นที่ ม.1 บ้านบางแหลม ตำบลท่าฉาง อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ป้ายทะเบียน สุราษฎร์ธานี ลักษณะถูกชนกระเด็นตกลงข้างทางในสภาพรถนพังส่วนหาย และห่างออกไปพบรถไฟ ขบวน 44 ต้นทางสุราษฎร์ธานี ปลายทางกรุงเทพฯ จอดอยู่บนราง ตรวจสอบภายในรถยนต์ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เป็นชาย 1 รายและหญิง 1 ราย ทางอาสาสมัครให้การช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ท่าฉาง และยังพบว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นหญิงไทย และเด็กหญิง ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉาง
>> รถเก๋งชนคนข้ามถนน มีผู้เสียชีวิตเป็นชายชาวจีน
19.40 น. รับแจ้งจาก สมาคมพุทธอุปถัมภ์แห่งประเทศไทย มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคล ชนคนข้ามถนน และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนทางหลวงหมายเลข 304 ใกล้เคียงปั๊มแก๊ส NGV บ้านลำมหาชัย ช่วงหลัก กม.ที่ 119 ในพื้นที่ ม.1 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า ซีวิค สีเทา ป้ายทะเบียน ปราจีนบุรี ลักษณะหน้ารถและกระจกรถฝั่งขวา มีร่องรอยการเฉี่ยวชนเสียหาย และห่างออกไปที่ร่องกลางถนน พบร่างผู้บาดเจ็บชาย 1 ราย มีอาการสาหัสและหมดสติ อาสาสมัครทำการปั๊มหัวใจ ก่อนประสานกู้ชีพ รพ.พนมสารคาม ร่วมสนับสนุนที่เกิดเหตุ ต่อมาทางทีมกู้ชีพยืนยันผู้ได้รับบาดเจ็บได้เสียชีวิตแล้ว ตรวจสอบเอกสาร เป็นชาย อายุ 48 ปี สัญชาติจีน ในส่วนของสาเหตุนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาหินซ้อน
>> เหตุคาร์บอม หน้าบ้านพักนายอำเภอตากใบ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
21.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุคาร์บอมส์บริเวณหน้าบ้านพัก ว่าที่ร้อยตรี จิรัสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยเบื้องต้น มีบ้านเรือนประชาชนบริเวณใกล้บ้านพักนายอำเภอตากใบ ได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากถูกไฟลวก จำนวน 2 ราย คือนายกันตยศ อายุ 22 ปี และนายอนุวัฒน์ อายุ 22 ปี ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ใกล้เคียง
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เข้าทำการปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมใช้แผนปิดพื้นที่เทศบาลเมืองตากใบ และเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โดยจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะที่เข้าออกพื้นที่ทุกช่องทาง ทั้งด่านตรวจ เส้นทางพื้นที่รอยต่ออำเภอ และตามแนวชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ดังนั้นประชาชนที่ต้องการเดินทางขอให้พกบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ รวมทั้งอาจต้องเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย หากไม่จำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางในห้วงนี้ไปก่อน
>> รถเก๋ง ชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต
22.00 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคล ชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนสายปทุมธานี-สามโคก-เสนา ใกล้เคียงทางเข้าวัดสะแก ในพื้นที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ปทุมธานี ลักษณะชนกับ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีลาโน่ สีแดง ไม่ติดทะเบียน ใกล้กันพบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 คน เป็นชายไทย อายุ 25 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามโคก
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ