หน้าแรก > อาชญากรรม

รวบนักเรียนช่างย่านปทุมวัน ขายปืนประดิษฐ์ ดัดแปลงลํากล้อง 1.8 หมื่น อ้างหาเงินเรียน

วันที่ 7 กันยายน 2567 เวลา 11:23 น.


วันที่ 7 ก.ย.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 4 และนักเรียนสืบสวน รุ่น 115

จับกุมตัว นายพิษณุ (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี นักเรียนช่างย่านปทุมวัน ข้อหา “จําหน่ายอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนไว้ในความครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธ ปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืน ( ประดิษฐ์ ดัดแปลงลํากล้อง ) ขนาด .380 จํานวน 1 กระบอก 2.ซองกระสุน 1 ซอง จับกุมบริเวณลานจอดรถในสถานีบริการน้ำมัน ถ.เพชรเกษม แขวงบางว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจาก กก.สส.2 บก.สส.บช.น. และสืบ 115ด้ออกติดตามสืบสวนหาข่าว เพื่อจับกุมผู้กระทําความผิดที่ลักลอบจําหน่ายอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางในการติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ตามคําสั่งของผู้บังคับบัญชา

จากการสืบสวนของเจ้าพนักงานตํารวจ กก.สส.2 บก. สส.บช.น. และได้รับแจ้งจากสายลับของ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ให้ข้อมูลว่า นายข้าวฟ่าง ใช้บัญชีเฟซบุ๊กในการ ขายอาวุธปืนฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงออกสืบสวนติดตามเรื่อยมา

ต่อมาวันที่ 6 ก.ย.ช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. พ.ต.ต.สมพร คําเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้มีสายลับเข้ามาพบและแจ้งว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ได้เสนอขาย อาวุธปืน ( ประดิษฐ์ ดัดแปลงลํากล้อง ) ขนาด .380 ในราคา 18,000 บาท โดยนัดหมายให้ มารับ บริเวณลานจอดรถภายในสถานีบริการน้้ำมัน ปตท. ถ.เพชรเกษม แขวงบางว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

พ.ต.ต.สมพรฯ จึงรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อขออนุมัติในการล่อซื้อ จับกุมผู้กระทําความผิด และได้มอบหมายให้ เจ้าพนักงานตํารวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ทําการล่อซื้อ

ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 น. เมื่อตํารวจเดินทางไปถึงจุดนัดหมาย ได้จอดรถรอในสถานีบริการน้ำมัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตํารวจที่นั่งรถมากับสายลับได้ลงจากรถมารอบริเวณข้างเคียง ต่อมา นายพิษณุ เดินมาที่รถยนต์ของสายลับ ซึ่งมีตํารวจมองดูอยู่บริเวณข้างเคียง เพื่อทําการซื้อขายอาวุธปืนของกลางดังกล่าว

เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอาวุธปืนของกลางดังกล่าว ตำรวจจึงมอบเงินที่ใช้ล่อซื้อให้แก่นายพิษณุ เป็นเงิน 6,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 12,000 บาท สายลับแจ้งว่าจะโอนให้ และนายพิษณุ รับเงินสดไปแล้ว โดยสายลับได้ส่งสัญญาณให้ตํารวจที่ร่วมปฏิบัติการล่อซื้อให้เข้าทําการจับกุม และ ควบคุมตัวนายพิษณุฯ มายัง กก.สส.2 บก.สส.บช.น. เพื่อสอบสวนขยายผลอาวุธปืน จากการ สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน

จากการสอบสวน นายพิษณุ ให้การว่า ได้เสนอขายอาวุธปืนดังกล่าวจริง ในราคา 18,000 บาท จากการสอบถามผู้ต้องหาอ้างว่า ซื้ออาวุธปืนมาจากตลาดจตุจักร เป็นปืน BB กัน ในราคา 1,900 บาท จากนั้นมาดัดแปลงลำกล้องที่บ้านพักของเพื่อนเมื่อประมาณ ปี 2566 และแจ้งว่าปลายปี 2566 เพื่อนได้ถูกจับกุมไปแล้ว และไม่สามารถระบุบ้านที่ไปดำเนินการได้ และมีเพียงกระบอกเดียว

ที่ตัดสินใจนำออกมาขายเพราะต้องการนำเงินไปใช้เป็นทุนการศึกษา และยังแจ้งว่าไม่เคยนำปืนไปยิงใคร เพราะหากระสุนไม่ได้ จากนั้นได้ทําบันทึกการจับกุม นําตัวส่ง พงส.สน.ภาษีเจริญ เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า อาวุธปืนนั้น เป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ ทั้งเหตุอุกฉกรรจ์ นักเรียนไล่ยิงกัน เป็นต้น โดยทางสืบนครบาลมุ่งเน้นที่จะปราบปรามจับกุมอย่างจริงจังตลอดเวลา และขอฝากเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ มีความผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต”

มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายมีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ