วันที่ 29 สิงหาคม 2567 เวลา 13:52 น.
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) นายวี(นามสมมุติ) อายุ 39 ปี พร้อมตรวจยึดของกลาง 1. อาวุธปืนสั้น ชนิด ไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ( ไม่มีหมายเลขทะเบียนปืน )
2. ซองปืนแบบพกใน ชนิดหนัง สีดำ จำนวน 1 ซอง
3. เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 1 ลูก ( บรรจุอยู่ในรังเพลิง )
4. เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 3 ลูก
5. เครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 ลูก
โดยจับกุมได้ในเส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 3081 กม.4-5 ม.6 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่องบริเวณสระน้ำหน้าสุสานมูลนิธิตระกูลเล้าแห่งประเทศไทย ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
พฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ขับรถวิทยุตรวจการณ์คันหมายเลข 2613 ออกตรวจการณ์ในเขตรับผิดชอบ ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับขี่อยู่บริเวณทางหลวงหมายเลข 3081 กม.4-5 ม.6 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้สัญญาณจราจรเรียกเพื่อตรวจสอบ เมื่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว พบเห็นรถวิทยุตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ขับขี่จึงได้พยายามเร่งเครื่องยนต์ เพื่อหลบหนีการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขับขี่รถวิทยุตรวจการณ์ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด เมื่อถึงบริเวณหน้าทางเข้าสุสานมูลนิธิตระกูลเล้าแห่งประเทศไทย ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ได้จอดรถและวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วิ่งไล่ตามผู้ขับขี่ไปอย่างกระชั้นชิด เมื่อถึงบริเวณลานกว้างหน้าสุสานมูลนิธิตระกูลเล้าแห่งประเทศไทยฯ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่วิ่งหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้โยนสิ่งของทิ้งบริเวณสระน้ำหน้าสุสานมูลนิธิตระกูลเล้าแห่งประเทศไทยฯ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวที่วิ่งหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ได้ จึงแสดงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ แสดงเจตนาเพื่อขอทำการตรวจค้นตัว ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวที่วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจคือนายวิชาญฯ โดยนายวิชาญฯ รับทราบและยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น ก่อนการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้แสดงความบริสุทธิ์ให้ดูจนเป็นที่พอใจ ผลการตรวจค้นตัวนายวิชาญฯ ปรากฏว่าพบ เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 3 ลูก ( พบอยู่ภายในถุงผ้าสีขาว ) และเครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 ลูก ( พบอยู่ภายในถุงผ้าสีขาว ) เป็นของกลางลำดับที่ 4-5 ซุกซ่อนภายในกระเป๋าสะพายข้างสีดำ ที่นายวิชาญฯ สะพายอยู่ที่ตัว ขณะวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เดินตรวจสอบ/ตรวจค้น บริเวณสระน้ำหน้าสุสานมูลนิธิตระกูลเล้าแห่งประเทศไทย ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ผลการตรวจค้นบริเวณสระน้ำปรากฎว่าพบ อาวุธปืนสั้น ชนิด ไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก (ไม่มีหมายเลขทะเบียนปืน) , ซองปืนแบบพกใน ชนิดหนัง สีดำ จำนวน 1 ซองและเครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 1 ลูก ( บรรจุอยู่ในรังเพลิง ) เป็นของกลางลำดับที่ 1-3 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้สอบถามนายวิชาญฯ โดยนายวิชาญฯ รับว่าอาวุธปืนดังกล่าว พร้อมด้วยของกลางดังกล่าวทั้งหมดนั้น อยู่ในความครอบของตนเองจริง โดยนายวิชาญฯ ให้การว่า อาวุธปืนพร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวนั้น ตนใช้ไว้เพื่อเฝ้าไร่ ที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และมาถูกจับกุมที่ ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ( 28 สิงหาคม 2567 ) และนายวี ไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แบบ ป.4 แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แจ้งให้นายวี ทราบว่าจะต้องถูกจับกุมดำเนินคดี
จากนั้นนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ เพื่อดำเนินการ ตามกฎหมาย ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติ ผ่านระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบประวัติเคยถูกดำเนินคดีอาญา 4 คดี ในฐานความผิด “ตัวการในข้อหาเสพยาเสพติดฯ , ร่วมกันในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ , พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับสารระเหย , ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายฯ”และได้ตรวจสอบหมายจับ ปรากฎว่านายวิชาญฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ที่ จ.234/2565 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ” เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา ที่รับผิดชอบหมายจับดังกล่าว ทราบถึงการจับกุมตัวนายวี แล้ว เพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุม พร้อมด้วยของกลาง มาจัดทำบันทึกจับกุม จากนั้นนำตัวผู้ถูกจับกุม ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และรับว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว อยู่ในความครอบครอง ของผู้ต้องหาจริง

