วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เวลา 04:47 น.
จับกุมหนุ่มลักตะแกรงเหล็กประตูระบายน้ำ ริมถ.พระราม 2 โทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับหลักแสน
กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) โดย พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกูล ผบก.ทล. , เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.(นครปฐม) ร่วมกับแขวงทางหลวงสมุทรสาคร , นายมนตรี วงศ์วิวัฒน์, นายชัยวัฒน์ ปานเพชร รอง ผอ.แขวงทางหลวงสมุทรสาคร , หมวดทางหลวงมหาชัย นายปภาวิน สายะศิลปี หัวหน้าหมวดทางหลวงมหาชัย และ นายสำราญ มิตยะ เจ้าหน้าที่ประจำโครงการก่อสร้าง
ร่วมกันจับกุม นายกร (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามลักทรัพย์ที่ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์” โดยจับกุมได้ขณะกำลังพยายามงัดตะแกรงเหล็กกั้นประตูระบายน้ำ บริเวณรมถนนพระราม 2 กม.29 ขาออก ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.(นครปฐม) ได้ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ และต่อมาได้รับแจ้งจาก นายสำราญฯ เจ้าหน้าที่ประจำโครงการก่อสร้าง ว่าพบเห็นผู้ชาย มีท่าทางพิรุธเดินวนเวียนอยู่บริเวณประตูระบายน้ำ ริมถ.พระราม 2 บริเวณ กม.29 ขาออก นายสำราญฯ พร้อมคนงานก่อสร้างจึงได้เฝ้าดูพฤติกรรมชายคนดังกล่าว ต่อมาไม่นานชายคนดังกล่าวได้ใช้แท่งไม้ที่นำติดตัวมางัดตะแกรงเหล็กที่กั้นประตูระบายน้ำ จนหลุดออกบางส่วน จึงได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเข้าจับกุมตัว
จากการตรวจสอบทราบว่าชายที่กำลังก่อเหตุลักทรัพย์ คือ นายกร (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี โดยจับกุมได้พร้อมกับของกลางคือไม้ลักษณะกลมยาว จำนวน 1 แท่ง และ ไม้ง่าม จำนวน 1 แท่ง จากการสอบถามทราบว่า นายกร (นามสมมุติ) ได้พยายามเอาแท่งไม้งัดตะแกรงเหล็กกั้นประตูระบายน้ำไม่ให้ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาตกลงไปซึ่งเป็นทรัพย์สินของกรมทางหลวง โดยขณะเกิดเหตุได้งัดรั้วเหล็กหลุดไปบางส่วนแต่ยังไม่สามารถเอารั้วเหล็กมาได้ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า นาย กร (นามสมมุติ) ได้กระทำความผิดฐาน “พยายามลักทรัพย์ที่ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์” โดยนายกร (นามสมมุติ) ให้การรับสารภาพตลอดข้ากล่าวหาว่า รับว่าตนเอาไม้ของกลางดังกล่าวงัดรั้วลวดเหล็กเพื่อต้องการเอารั้วลวดไปขาย เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดีต่อไป
สำหรับกรณีการลักทรัพย์สินของทางราชการ เช่น สายไฟฟ้า ฝาเหล็กรางระบายน้ำ น็อตเสา หรืออื่นๆ พฤติกรรมนี้อาจส่งผลเสียต่อส่วนรวมอย่างมาก การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (10) “ผู้ใดลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุก 1 - 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 - 100,000 บาท” และผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนทรัพย์สินที่เสียหายและสูญหายนั้นด้วย และสำหรับผู้รับซื้อทรัพย์สินของทางราชการต่างๆ อันได้มาโดยการลักทรัพย์ มีความผิดฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 - 200,000 บาท


