หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2567

วันที่ 16 พฤษภาคม 2024 เวลา 05:42 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2567


>> ไฟไหม้บ้านแล้วลุกลามหลังข้างเคียง เสียหายวอดทั้ง 2 หลัง

07.30 น. เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหินตั้ง องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านลาน ตรวจสอบเหตุ เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านโคกก่อง หมู่ 11 ตำบลหินตั้ง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น

ที่เกิดเหตุ เป็นลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น จึงทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เพลิงโหมไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลากว่า 45 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่ามีบ้านเรือน เสียหายไปทั้งสิ้น 2 หลัง

จากการสอบสวนทราบว่า บ้านต้นเพลิงเป็นบ้านเลขที่ 26 ก่อนเกิดเหตุเจ้าของบ้านได้จุดธูปเทียนไหว้พระ เพราะเนื่องจากวันนี้เป็นวันพระ จากนั้นได้ออกจากบ้านไปร่วมงานบุญเบิกบ้านขณะที่กำลังทำพิธี ชาวบ้านก็ได้เห็นกลุ่มควันโพยพุ่งออกมาจากชั้นล่างของบ้าน จากนั้นไฟลุกโหมไหม้อย่างรุนแรง ก่อนที่จะรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยดับไฟ แต่ถือว่าโชคที่ช่วงเกิดเหตุเพลิงไหม้มีลูกสาวของบ้านที่อยู่ใกล้เคียง กำลังนอนอยู่ในบ้านและได้กลิ่นเหม็ควันไฟก่อนจะตื่นขึ้นมา แล้วรีบวิ่งหนีออกมาแล้วไปแจ้งกับชาวบ้าน ทำให้ไม่ได้รับอันตราย ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริงนั้น ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ และหน่วยพิสูจน์หลักฐาน จะเข้าตรวจสอบต่อไป


>> รถกระบะ ชนกับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างอย่างจัง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

08.30 น. รับแจ้งจาก กู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ มีอุบัติเหตุ รถยนต์กระบะ ชนกับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) และมีผู้เสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 4026 บริเวณสี่แยกการะโก ในพื้นที่ อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์

ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ โตโยต้า สีดำ ป้ายทะเบียน พิษณุโลก ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อ ฮอนด้า สีดำ ป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชาย 2 ราย รายแรก พบร่างเสียชีวิตอยู่ริมถนน และรายที่สอง พบร่างเสียชีวิตอยู่บนรถซาเล้ง สภาพท่อนขาติดอยู่กับโครงเหล็กไม่สามารถนำออกได้ อาสาสมัครดำเนินการใช้เครื่องมือตัดถ่าง เพื่อนำร่างออกมาให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แคนดง และแพทย์เวรร่วมตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนจะมอบให้อาสานำร่างส่งชันสูตรเพื่อหาสาเหตุที่โรงพยาบาลแคนดง


>> ป.ป.ส. ร่วมกับกระทรวงยุติธรรมไต้หวัน แถลงผลตรวจยืดเฮโรอีน 14.8 กก. เตรียมส่งออก

10.30 น. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดเฮโรอีนน้ำหนัก 14.8 กิโลกรัม (40 แท่ง) ซุกซ่อนในเครื่องทำเครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็ง 2 เครื่อง เตรียมจัดส่งไปปลายทางไต้หวัน ผ่านการขนส่งทางท่าอากาศยาน เหตุเกิดที่ บริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ กทม.

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 67 เจ้าหน้าที่สกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ท่าเรือ สามารถตรวจยึดเคตามีน 320 กิโลกรัม ซุกซ่อนในฐานรองหุ่นยนต์เหล็ก เตรียมส่ง ไต้หวันผ่านการขนส่งทางเรือ พร้อมขยายจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลการสืบสวน ร่วมกับ กระทรวงยุติธรรมไต้หวัน กระทั่งสืบทราบว่า มีบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดเตรียมจัดส่งยาเสพติดไปยังไต้หวัน จึงดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบพบพัสดุระหว่างประเทศต้องสงสัย จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเครื่องทำเครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็ง จำนวน 2 เครื่อง โดยภายในทำเป็นกล่องเหล็กขนาดกลางเพื่อใช้ซุกซ่อนเฮโรอีน เครื่องละ 20 แห่ง (น้ำหนัก 7.4 กิโลกรัม) รวม 2 เครื่อง ซุกซ่อนเฮโรอีนน้ำหนักรวม 14.8 กิโลกรัม

เบื้องต้น สำนักงาน ป.ป.ส. อยู่ระหว่างขยายผลรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการทางกฎหมายต่อไป


>> สพฐ.พร้อมเปิดเทอม 16 พ.ค.นี้ กำชับผู้บริหารโรงเรียนปรับรูปแบบการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม

10.59 น. นายคารม พลกรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการเตรียมความพร้อมช่วงเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2567 ผ่านมาตรการต่าง ๆ รวมถึงได้แจ้งแนวปฏิบัติเวียนไปยังโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ทุกแห่งแล้ว เชื่อมั่นโรงเรียนจะสามารถบริหารจัดการดูแลนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาอย่างเป็นไปด้วยดี และเพื่อต้อนรับเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2567

สำหรับการเฝ้าระวังและป้องกันเหตุความไม่ปลอดภัยที่เกิดจากสภาพอากาศร้อนจัด เพื่อป้องกันเหตุความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดจากสภาพอากาศร้อนจัดแก่นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยในกรณีที่มีสภาพอากาศร้อนจนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของนักเรียน สพฐ. ให้ผู้บริหารโรงเรียนพิจารณาปิดเรียน และจัดการเรียนในรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมได้ เช่น Online On-hand On-Air หรือ On-Demand เป็นต้น ส่วนการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หากมีการแพร่ระบาดในโรงเรียนจนกระทบต่อสุขภาพของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหารโรงเรียนสามารถประกาศปิดเรียน และปรับมาเรียนในรูปแบบที่เหมาะสมได้ เช่น การเรียนออนไลน์ โดยได้เน้นย้ำให้ยึดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ตามแนวทางเดิม เช่น หมั่นล้างมือทำความสะอาด เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย


>> รถจักรยานยนต์ชนกันล้มคว่ำ หนุ่มเมียนมาไม่สวมหมวกกันน็อคหัวฟาดพื้นเสียชีวิต กลางถนนบางนา - ตราด

11.00 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ 2 คันชนกัน และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ถนนเทพรัตน (บางนาตราด) ฝั่งขาเข้า กทม. ในช่องทางคู่ขนาน ช่วงหลัก กม.ที่ 19 ในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ซูซุกิ เจลาโต้ สีฟ้า ป้ายทะเบียน 26 กรุงเทพฯ และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกูปปี้ สีแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน ล้มคว่ำอยู่กลางถนน ใกล้กันพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้ชาย อายุ 45 ปี อาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.จุฬารัตน์ 1 และพบผู้เสียชีวิต 1 ราย มีแผลเปิดที่ศีรษะ ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายชาวเมียนมา อายุ 31 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี


>> ขสมก. จัดรถเมล์ 1.7 หมื่นเที่ยว เฉลี่ยวันละ 2,393 คัน รับเปิดเทอม อำนวยความสะดวกประชาชน

12.41 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย กรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และประธานกรรมการด้านการสื่อสารองค์กรและการประชาสัมพันธ์ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 พ.ค.67 โรงเรียนและสถานศึกษาหลายแห่ง เริ่มทยอยเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ซึ่งจะมีผู้ปกครองและนักเรียนเดินทางไปโรงเรียนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรในภาพรวมติดขัด และมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า – เย็น

ทั้งนี้ ขสมก. จึงจัดเตรียมรถโดยสาร รองรับการเดินทางของประชาชน เฉลี่ยวันละ 2,393 คัน จำนวน 17,143 เที่ยว และมอบหมายให้ผู้บริหารเขตการเดินรถ เจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษ และนายตรวจ ยืนประจำจุด เพื่ออำนวยความสะดวก ปลอดภัย และประชาสัมพันธ์ข้อมูลการเดินรถโดยสารให้กับประชาชนบริเวณจุดที่มีประชาชนรอใช้บริการรถโดยสารเป็นจำนวนมาก เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หน้าห้างสรรพสินค้า และบริเวณหน้าโรงเรียนที่ตั้งอยู่ติดกับถนนสายสำคัญๆ เป็นต้น รวมทั้งจัดอบรมพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสาร เรื่องการให้บริการแบบ “Service Mind” เพื่อสร้างความมั่นใจและความประทับใจให้กับประชาชน ที่ใช้บริการรถโดยสารของ ขสมก.


>> จับมือปืนโหดยิงแม่ค้าแตงโม ดับต่อหน้าลูกวัย 9 ขวบ

13.00 น. นายชัย (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กรณี น.ส.ชวินญาน์ อายุ 37 ปี ลูกสาวซึ่งเป็นแม่ค้าขายฟักทองอยู่ที่ จ.กระบี่ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตบริเวณหลังร้านริมถนนเพชรเกษมอ่าวลึก เมื่อคืนวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา น.ส.ชวินญาน์ ได้พาลูกสาวซึ่งเป็นลูกติดจากสามีเก่าไปอยู่กินกับนายเอก (นามสมมุติ) สามีใหม่ ขณะนี้อยู่ในเรือนจำคดียาเสพติด

โดยที่ผ่านมา น.ส.ชวินญาน์ ลูกสาวต้องอยู่บ้านสามีกับลูกสาว 9 ขวบกัน 2 คน และทำอาชีพเปิดล้งขายส่งแตงโมและฟักทอง มีลูกค้าสั่งประมาณวันละ 3 ตัน รายได้วันหนึ่งนับแสนบาท และลูกสาวเคยเล่าให้ฟังว่า มีปัญหากับญาติทางสามีที่ชอบแอบมาเอาแตงโมกับฟักทองไปขาย และถูกทำร้ายร่างกาย นอกจากนี้วัวที่เลี้ยงไว้ 4 ตัว ยังถูกวางยาตายไป 1 ตัว แต่ลูกสาวไม่อยากเอาเรื่องเพราะตัวคนเดียวกับลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ วันเกิดเหตุกลางดึกวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา ลูกสาวถูกคนร้ายกระหน่ำยิงอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าลูกสาววัย 9 ขวบ ผ่านมาหลายวันแล้วแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ จึงอยากขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี เอาตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมาย

ล่าสุด ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.เจษฎา แสงสุรีย์ ผกก.สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ ว่า ตำรวจ สภ.อ่าวนาง ได้ทำการจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุสังหารโหด น.ส.ชวินญาน์ ได้แล้ว ผู้ต้องหาเป็นหลานชายของสามี น.ส.ชวินญาน์ เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ฆ่าคนตายโดยเจตนา และมีอาวุธปืนในครอบครอง ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย" ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากความขัดแย้งในครอบครัวระหว่างญาติพี่น้อง


>> หนุ่ม 18 ฝนเดือด โดนรุ่นพี่แอบตีท้ายครัว งัดปืนซัลโว 4 นัดดับคาเตียงนอน

14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี รับแจ้งเหตุยิงกัน ภายในห้องพักแห่งหนึ่ง ภายในซอยลิขิต 7 แยก 1 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นห้องเช่า 2 ชั้น ภายในห้องพัก พบผู้เสียชีวิตถูกยิง เป็นชายไทย อายุ 22 ปี นอนจมกองเลือดอยู่บนเตียง ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงเพียงตัวเดียว มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกกระหน่ำยิงที่บริเวณเบ้าตาฝั่งซ้าย 1 นัด ลำคอฝั่งขวา 1 นัดกระสุนทะลุอีกด้าน ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายเอ อายุ 18 ปี หลังเกิดเหตุนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปมอบตัวที่ สภ.บางพลี พร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ

สอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุให้การว่า ตนเองรู้จักกับผู้ตาย ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่เคยเรียนอยู่ที่เดียวกันมานานแล้ว ก่อนที่จะมาพาแฟนสาวเข้ามาทำความรู้จักกับผู้ตาย จนทำให้ทั้งคู่สนิทกัน ต่อมาระยะหลัง ตนเองเริ่มสงสัยว่าทั้งคู่สนิทสนมกันผิดปกติ จึงไปค้นข้อมูลในไอจีของแฟนสาว ไปพบแชทที่ทั้งคู่แอบคุยกันแบบชู้สาว ทำให้ตนเริ่มมันใจว่า สิ่งที่คิดไว้เป็นความจริง หลังคุยกับแฟนสาว ตนเองบอกว่าจะออกไปทานข้าวข้างนอก แต่ช่วงจังหวะที่เดินไปหยิบเอากระเป๋าสตางค์นั้น มองไปเห็นผู้ตายนอนหลับอยู่ด้วยความคับแค้นใจ จึงไปหยิบเอาปืนในลิ้นชัก ซึ่งเป็นของผู้ตายเอง เดินเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับสะกิดและอาศัยช่วงที่ผู้ตายกำลังสะลึมสะลือจึงลั่นไก

ด้าน พ.ต.อ. ไพโรจน์ เพชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี ได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐานคราบเขม่าดินปืนและสอบปากคำเบื้องต้นเพื่อทำบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวน ในเบื้องต้นแจ้งข้อหา เจตนาฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และข้อหาตาม พรบ. อาวุธปืน


>> ปอศ. ตามรวบสมาชิกเครือข่าย แชร์ลูกโซ่พันล้าน

16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 66 ปี ฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยจับกุมได้ ในพื้นที่ตำบลดอนเปา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่

จากการตรวจสอบ พบว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้มีการจดทะเบียนพาณิชย์ในประเทศไทย และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการจาก กลต. และ สคบ. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาล โดยศาลอนุมัติหมายจับให้จับกุมตัว ผู้ต้องหา รวม 32 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายกว่า 120 ล้านบาท มีเงินหมุนเวียนในบัญชีนับพันล้านบาท จากสมาชิกที่มีอยู่กว่า5แสนคน

จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นถึงระดับผู้บริหารในองค์กร ทำหน้าที่วางแผนและจัดสัมนาชักชวนคนมาร่วมลงทุน เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นถูกออกหมายจับ จึงหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปอยู่ชุมชน ในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามแกะรอย เป็นเวลาหลายปี จนสามารถจับกุมตัวได้ โดยหลบหนีเป็นเวลากว่า 5 ปี จากการสอบปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เผยเหตุส่ง "ตะวัน" รักษา รพ.ธรรมศาสตร์ เนื่องจากมีความเครียด หลังรู้ "บุ้ง" เสียชีวิต

16.38 น. นางอาจารี ศรีสุนาครัว ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังมีกระแสข่าวราชทัณฑ์ส่งตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมทางการเมือง จาก รพ.ราชทัณฑ์ มารักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ว่า ราชทัณฑ์ส่งตัว น.ส.ทานตะวัน จาก รพ.ราชทัณฑ์ มารักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์จริง ส่วนสาเหตุที่ส่งตัวมารักษา เพราะเป็นความเห็นแพทย์ เบื้องต้นทราบว่ามาจากความเครียด ส่วนสภาพร่างกายคาดว่าไม่ได้มีภาวะฉุกเฉินอะไร

“ทานตะวัน ทราบแล้วว่า น.ส.เนติพร หรือบุ้ง เสียชีวิต ซึ่งทราบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากทราบก็มีความเครียด ซึ่งมองว่าเป็นปกติที่เครียด เพราะทั้งสองอยู่ห้องเดียวกันใกล้ชิดกันตลอด น่าจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.รวงยุติธรรม เข้าเยี่ยมให้กำลังใจและสอบถามความเป็นอยู่กับ น.ส.ทานตะวัน ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี เจรจาและทำความเข้าใจกับ น.ส.ทานตะวัน ว่าหากมีภาวะเครียด รวมทั้งเพื่อความสบายใจให้ย้ายไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ดีกว่า” เมื่อถามย้ำว่าที่ส่งตัว น.ส.ทานตะวันมา รักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ เนื่องจากว่าหวั่นซ้ำรอยหรือไม่นั้น นางอาจารี ย้ำว่า น่าจะเพราะความเครียดจากเหตุการณ์ที่ทราบว่า น.ส.เนติพร เสียชีวิต มากกว่าซึ่งมองว่าเป็นปกติที่เราต้องดูแลเป็นพิเศษ จึงย้าย รพ.ในครั้งนี้


>> สาวขับกระบะพุ่งชนรถตกอาคาร เข้าให้ปากคำ อ้างคุมรถไม่อยู่-ใส่เกียร์ผิด

17.00 น. จากกรณีเกิดเหตุการณ์รถกระบะสีดำ ตกลงมาจากชั้น 3B ของอาคารจอดรถภายใน รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่งเบื้องต้น ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้แต่อย่างใด

ล่าสุด หญิงคนขับรถกระบะคันสีเทา ได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจแล้ว โดยอ้างว่า ไม่สามารถควบคุมรถได้ เพราะเนื่องจากขับขึ้นมาที่ชั้น 3B ประกอบกับใส่เกียร์ผิด จึงทำให้รถเสียหลักไปพุ่งชนกับรถกระบะคันสีดำที่จอดอยู่ที่ชั้น 3B จนรถกระบะสีดำพุ่งตกอาคารจอดรถลงไป แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ สำหรับหญิงคนที่ขับรถกระบะคันสีเทา ไม่พบว่ามีอาการเมาสุราแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าว ยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิดที่จะแจ้งความผิดทางอาญา เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นอาคารจอดรถ ซึ่งตามกฎหมายแล้วไม่ถือเป็นทางสาธารณะที่จะสามารถดำเนินคดีในเรื่องของการขับรถโดยประมาทได้ แต่อย่างไรก็ตาม หญิงคนขับรถกระบะคันสีเทาจะต้องรับผิดทางแพ่ง ซึ่งหลังจากนี้จะมีการพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหายระหว่างคนขับรถกระบะคันสีเทาและเจ้าของรถกระบะคันสีดำ เบื้องต้น เจ้าของกระบะคันสีดำยังไม่ได้เดินทางมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจ ส่วนทางโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ


>> ฝนถล่มเมืองถลาง ลมพัดต้นตาลล้มใส่รถเก๋ง ทำให้เสียหลักชนป้ายบอกทาง คนขับเป็นชาวฟิลิปปินส์ได้รับบาดเจ็บ

18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุต้นตาลหักทับใส่รถยนต์ และทำให้ผู้บาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดถนนสายเทพกระษัตรี ฝั่งขาออก ตรงข้ามการไฟฟ้า ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

ที่เกิดเหตุ บนฟุตบาทริมถนนเส้นดังกล่าว พบรถนั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ ซูซูกิ สีขาว ป้ายทะเบียน ภูเก็ต สภาพด้านหน้ารถพังยับ และหลังคารถยุบลงมามีรอยบุบได้รับความเสียหาย

ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพเทศบาลตำบลศรีสุนทร ตรวจสอบและพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ดำเนินการนำออกจากรถยนต์ เป็นผู้หญิง อายุ 47 ปี ชาวสัญชาติฟิลิปปินส์ อาการบาดเจ็บบริเวณคอ ทางเจ้าหน้าที่ฯ ได้ปฐมพยาบาลก่อนนำส่งโรงพยาบาลถลาง

จากการสอบเบื้องต้น ในช่วงขณะเกิดเหตุ ในพื้นที่ อ.ถลาง มีฝนตกฟ้าคะนอง ลมผัดแรง ต้นตาลโตนด ซึ่งอยู่ที่เกาะกลางถนนได้ถูกลมกระโชกแรงพัดหักล้มลงใส่รถยนต์คันดังกล่าว โดยมีหญิงชาวฟิลิปปินส์ เป็นผู้ขับขี่ จากนั้นรถได้เสียหลักไปพุ่งชนป้ายของแขวงทางหลวงชนบทจนได้รับความสียหาย ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริง ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบถามกับทางผู้บาดเจ็บอีกครั้ง


>> ตรวจยึดตุ๊กตาลาบูบู้ ไม่มี มอก. กว่า 100 ตัวกลางห้างสรรพสินค้า มูลค่ากว่าแสนบาท

18.42 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ลงพื้นที่ตรวจยึดของกลาง ตุ๊กตาลาบูบู้ และตุ๊กตา Art toy ของกลางกว่า 100 ตัว บริเวณ ร้านค้าเช่าภายในห้างสรรพสินค้า จ.นนทบุรี จำนวน 11 ร้าน

ผลการตรวจค้น ตุ๊กตาลาบูบู้ ที่ไม่มี มอก. ประมาณ 100 ตัว รวมมูลค่าของกลางประมาณ 1 แสนบาท จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.3.บก.ปคบ. ดำเนินคดีพร้อมขยายผลหาตัวเจ้าของ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในข้อหา ทำหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานโดยไม่ได้รับอนุญาต เข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำหรือนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับต่อไป


>> รถกระบะ ชนคนกลางถนน เสียชีวิตเป็นชายนิรนาม ไม่พบเอกสารติดตัว

22.00 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม มีอุบัติเหตุ รถกระบะ ชนคนข้ามถนน และมีผู้เสียชีวิต บนถนนพลดำหริ บริเวณใกล้เคียงปั้มพีที บ่อน้ำจืด ในพื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ อีซูซุ สีทอง จอดอยู่ในสภาพกันชนและกระโปรงหน้ารถฝั่งซ้ายมีรอยการชนเสียหาย และกระจกหน้าซ้ายแตก และใกล้กันพบผู้บาดเจ็บอาการสาหัส อาสาสมัครเร่งช่วยเหลือทำการปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเป็นผู้ชาย 1 ราย ยังไม่พบเอกสารติดตัว ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กำแพงแสน  


>> อาม่าหอบหลาน 3 คนหนีไฟ หลังเครื่องดูดควันในครัวช็อต ทำไฟลุกไหม้บ้านหรู หวิดวอดทั้งหลัง

23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านหรู ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนนหอการค้า ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านหรูขนาดใหญ่ทรงยุโรปเนืัอที่กว่า 200 ตารางวา พบมีกลุ่มควันจำนวนมากพุ่งออกมาจากฝ้าเพดานและหลังคาบ้าน จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่าต้นเพลิงเกิดจากเครื่องดูดควันภายในห้องครัว จึงได้ใช้น้ำฉีดใช้เวลาเพียง 5 นาที จึงสงบเหลือเพียงกลุ่มควันที่สะสมอยู่ในตัวบ้านเป็นจำนวนมากเท่านั้น  

เบื้องต้นจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงจากการที่เข้าไปตรวจสอบภายในทราบว่าไฟได้ไหม้เครื่องดูดควันภายในห้องครัวซึ่งความเสียหายมีเพียงเครื่องดูดควันและฝ้าเพดานที่ถูกความร้อน เท่านั้น

สอบถามกับ แม่บ้าน กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนนอนอยู่ในห้องชั้นล่างติดกับห้องครัว ได้กลิ่นควันจึงออกมาดูพบว่าเพลิงไหม้เครื่องดูดควันภายในห้องครัว จึงได้เรียกอาม่า คือแม่ของเจ้าของบ้าน และเด็กเล็กๆ ลูกเจ้าของบ้านอีก 3 คน ซึ่งเป็นชาวจีน โดยทั้งหมดนอนอยู่ชั้นล่างแต่เป็นอีกมุมหนึ่งของบ้าน รวมทั้งหมด 5 คน จึงได้พากันหนีออกจากบ้านได้ปลอดภัยทุกคน ส่วนเจ้าของบ้านผู้ชายและผู้หญิงได้เดินทางไปประเทศจีน

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเก็บรวบรวมหลักฐาน โดยสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจากเครื่องดูดควัน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง 
 

ข่าวยอดนิยม