หน้าแรก > อาชญากรรม

สืบนครบาลรวบ “มีนพระราม3” คาเตียงนอน ภัยร้ายวงการสาวกลางคืน รับเคยทำเหยื่อ 8 คน

วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 เวลา 13:24 น.


โดนรวบแล้ว "มีน พระราม 3" ก่อเหตุสุดแสบจนเหยื่อบางรายเกือบฆ่าตัวตาย ก่อเหตุมาจำนวนมาก ในพื้นที่นครบาล จนกระทั่งเหยื่อใจกล้าเข้าแจ้งเพจดัง และดำเนินคดีจนสามารถออกหมายจับคนร้ายรายนี้ได้ในที่สุด ล่าสุดผู้การจ๋อส่งสารวัตรแจ๊ะไปทลายแหล่งกบดาลคนร้ายย่านพระราม 3 แต่หลบหนีหัวซุกหัวซุนไปได้ฉิวเฉียด ส่งข้อความและโชว์ปืนเย้ยท้าทายระบบ จนสารวัตรแจ๊ะต้องเปิดโหมดหมาล่าเนื้อ ไล่ล่าเต็มรูปแบบ 48 ชั่วโมง จนคนร้ายไปจนมุมที่เพชรบูรณ์ โดยเจ้าตัวสารภาพกับผู้การจ๋อว่า “เคยทำแค่ 8 คน แต่ถ้าเปิดเผยใบหน้าจะมีคนมาแจ้งอีกเยอะ”

เจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว มีนพระราม3 อายุ 33 ปี ฐาน  “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม” พบประวัติเคยถูกจับกุมตัว เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 59 ในข้อหา “ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายฯ” รับโทษอยู่ในเรือนจำเกือบ 3 ปี พ้นโทษเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 62 โดยจับกุมได้ที่ ห้องพัก  อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์

ในชั้นจับกุม ให้การภาคเสธโดยให้การว่า “ตนเคยเป็นระดับหัวจ่าย เคยถูกดำเนินคดีในคดีจำหน่ายยาเสพติดฯ เมื่อปี พ.ศ. 2559 หลังจากพ้นโทษเมื่อปี พ.ศ. 2562 ตนได้หาเลี้ยงชีพด้วยการขับรถรับจ้างและเป็นไรเดอร์รับส่งอาหาร โดยใช้บัญชีเพื่อนสนิทของตนในการทำงาน ในระหว่างที่ตนทำงานรับจ้าง ตนได้มีโอกาสทำงานให้กับ นางเอ (นามสมมติ) โดยที่นางเอเป็นโมเดลลิ่งรับจัดหาเด็กเอ็นในช่วงนี้เองที่ตนได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานด้านโมเดลลิ่งและทำงานร่วมกับนางเอเป็นระยะเวลาหลายปี จนกระทั่งมีความรู้ความชำนาญในงานดังกล่าว ตนจึงได้ใช้อุบายโดยการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มไลน์เพื่อปลอมตัวเป็นโมเดลลิ่งรับจัดหาเด็กเอ็นเตอร์เทนเพื่อไปดูแลลูกค้าในงานต่างๆ และอ้างตัวว่าตนเป็นสาวประเภทสองที่ทำงานในด้านนี้มานาน และทำทีพูดคุยว่าจะพาไปหาลูกค้าทำให้เด็กเอ็นฯ หลงเชื่อ โดยภายหลังจากที่ตนติดต่อพูดคุยรายละเอียดงานกับเด็กเอ็นฯในฐานะโมเดลลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนก็จะใช้บัญชีไลน์อีกบัญชีหนึ่งแอบอ้างตัวเป็นลูกค้าเพื่อนัดเจอกับเด็กเอ็นฯเสียเอง โดยตนได้แฝงตัวเป็นโมเดลลิ่งและทำในลักษณะดังกล่าวกับเด็กเอ็นฯหลายรายโดยที่มีบางรายที่ตนเบี้ยวไม่ชำระค่าบริการให้ โดยทำเช่นนี้มาประมาณ 8 คน แต่ไม่ได้มีการขโมยเงิน หรือการข่มขืนตามที่เป็นข่าว และในวันที่ 5 พ.ค. 2567 ตนได้ทราบข่าวจากเพื่อนในกลุ่มว่าตนว่ามีภาพของตนออกรายการทีวีหลายรายการโดยรายละเอียดข่าวแจ้งว่าตนได้ลักทรัพย์ผู้เสียหายและหลอกผู้เสียหายไปข่มขืนเป็น 100 ราย ซึ่งหลังจากทราบข่าวตนอยู่ในอาการหวาดกลัวและตกใจเพราะตนไม่ได้กระทำดังเช่นข่าวกล่าวอ้าง จนวันที่ 7 พ.ค. 2567 ตนได้หอบเงินและหนีไปอาศัยอยู่กับญาติที่จังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อหาทางสู้คดี ต่อมาวันที่ 7 พ.ค. 2567 ช่วงเวลากลางคืน ตนได้รับทราบจากร้านน้ำกระท่อมว่าตำรวจจากสืบนครบาล ชื่อสารวัตรแจ๊ะ มาบุกที่ร้าน ตนได้โทรไลน์ไปหาคนในร้านกระท่อม 

ตนได้ส่งภาพอาวุธปืนไปให้หลังจากนั้นเพราะส่งผิด ส่วนที่บอกว่าตนท้าทายนั้น ไม่ได้เป็นการท้าทาย แค่เป็นการพูดตัดบท แล้วในเช้าวันต่อมาขณะที่ตนกำลังนอนพักอยู่ในห้องนอนของญาติที่เพชรบูรณ์ สารวัตรแจ๊ะก็มาปลุกตนถึงเตียง รู้สึกตกใจมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมตนในตอนเช้าตรู่ เนื่องจากเมื่อคืนกลางดึกยังโทรคุยกับสารวัตรแจ๊ะอยู่เลย ไม่คิดว่าตื่นมาจะเร็วขนาดนี้ ยอมรับจากใจว่าชุดสืบนครบาลชุดนี้เก่งมากที่หาตนเจอได้”

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “ในชั้นจับกุมเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหารายนี้ เพราะเบาะแสล่าสุดที่เรามี มีผู้เสียหายมาเข้าแจ้งความเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก และจากการตรวจสอบในโทรศัพท์ของคนร้ายก็พบว่ากำลังแชทสนทนาลวงเหยื่ออยู่ถึง 8 ราย เมื่อดูจากหลักฐานต่างๆแล้ววิเคราะห์ได้ว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมา “เยอะมาก” ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม