หน้าแรก > อาชญากรรม

รวบ ‘อาร์มลายสัก’ ลวงสาว 16 เล่นน้ำสงกรานต์ ก่อนมอมเหล้าขืนใจ

วันที่ 14 เมษายน 2567 เวลา 16:18 น.


เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่สืบนครบาล ร่วมกันจับกุมตัว นายสมภพ (สงวนนามสกุล) หรืออาร์ม อายุ 40 ปี ชาวแขวงคลองบางพราน เขตบางบอน จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.268/2566 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 66 ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร, พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย เพื่อการอนาจาร” ตรวจสอบประวัตินายสมภพ พบประวัติการต้องโทษ จำนวน 3 คดี โดยเจ้าหน้าที่ได้ตามไปจับกุมได้ที่บ้านพัก ในหมู่บ้านคีรีรัฐยา ต.ธงชัย อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา

โดยมีพฤติการณ์ดังนี้ โดยแม่ของน้องบีเด็กหญิงวัย 16 กล่าวว่า ตนรับโทรศัพท์จากลูกสาวได้ยินเสียงปลายสายเพียงว่า “มันจะปล้ำหนู” ก่อนโทรศัพท์จะถูกตัดสายไป หลังจากวางสายตนจึงตัดสินใจเดินทางไปยังหอพักที่ลูกสาวอยู่ทันที เมื่อไปถึงได้ยินเสียงลูกสาวตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ พร้อมพบภาพนายสมภพกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ พร้อมครางเรียกชื่อลูกสาวให้ออกมาจากห้องน้ำ ตนจึงปรี่เข้าไปผลักร่างของนายสมภพ ก่อนเข้าไปปลอบลูกสาวที่หลบอยู่ในห้องน้ำ ส่วนนายสมภพฉวยโอกาสหนีออกจากห้องไป

น้องบี (นามสมมุติ) ลูกสาว กล่าวว่า ตนมาอาศัยอยู่กับญาติ ที่หอพักย่านหนองแขม เพื่อจะได้มาเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์ แต่คืนวันเกิดเหตุนายสมภพ ผู้ที่น้องบีนับถือเป็นลุง ได้ส่งข้อความมาทางเฟซบุ๊ก ชักชวนตนไปเล่นน้ำสงกรานต์ ด้วยความที่นายสมภพเป็นเพื่อนรักของพ่อ ทำให้น้องบีเชื่อใจและยอมไปด้วย แต่แทนที่จะพาน้องบีไปเล่นน้ำนายสมภพกลับพาน้องบีไปยังบ้านย่านบางบอนก่อน ชักชวนให้ดื่มเบียร์ก่อน เสร็จแล้วจึงจะพาน้องบีไปเล่นน้ำ จนน้องบีเมาไม่ได้สติ จึงถูกนายสมภพนำตัวขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ก่อนลงมือข่มขืนน้องบีจนสลบ

จากนั้นผู้เป็นแม่ได้พาน้องบีเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน แจ้งความดำเนินคดีกับนายสมภพ หรืออาร์ม นำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับ

ล่าสุด พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” นำทีมชุดสืบสวนพิเศษของสืบนครบาล ลงพื้นที่ไล่ล่าติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ผู้ต้องหารายนี้เป็นอดีตนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่ช่ำชองวิธีการหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เป็นอย่างดี จึงสามารถหลบหนีการติดตามของชุดสืบสวนได้ทุกครั้งไป จนกระทั่งวันที่ 13 เมษายน 67 พล.ต.ต.ธีรเดช สืบทราบว่าคนร้ายไปกบดานอยู่ในบ้านพักในตัวเมืองเพชรบุรี จึงนำกำลังบุกไปที่บ้านหลังผู้ต้องหากลับมาจากเล่นน้ำสงกรานต์ดังกล่าว โดยเมื่อชุดสืบสวนไปถึงคนร้ายยังไม่ยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ กระทั่งเจ้าหน้าที่ทำการทุบกระจกประตู คนร้ายได้แง้มผ้าม่านมาดูก็รู้ชะตากรรมว่าหากไม่เปิดต้องถูกพังประตูแน่นอน จึงให้แฟนสาวเดินมาเปิดประตูแต่โดยดี และชุดสืบสวนก็สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้ในที่สุด 

ในชั้นจับกุม นายสมภพให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเองดั้งเดิมเป็นคนเติบโตมาในย่านบางบอน จบการศึกษาชั้น ปวช. เมื่อจบการศึกษาได้ประมาณ 1 ปี ได้เริ่มหันเข้าสู่วงการค้ายาเสพติด และได้ขายเรื่อยมา จนขณะที่อายุได้ 19 ปี เมื่อปี พ.ศ.2547 ได้ถูกจับกุมในคดีจำหน่ายยาเสพติด และวนเวียนอยู่ในวงการค้ายาเสพติด เข้า-ออกคุก เป็นประจำเหมือนบ้านหลังที่ 2 ยอมรับว่าเคยได้ร่วมกันกับพวกชาวไทยและชาวมาเลเซีย ที่รู้จักกันจากในคุก โดยจะไปรับยาเสพติดที่ลักลอบขนมาจากประเทศมาเลเซีย มาตระเวนขายในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่หลังจากพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2563 ได้หันมาประกอบอาชีพสุจริต ตั้งแต่ขายอาหาร และพนักงานขนส่งพัสดุ เรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน

นายสมภพกล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเมื่อวันที่เกิดเหตุ ตนได้ไปรับผู้เสียหายมาเพื่อจะพาไปเล่นน้ำสงกรานต์จริง แต่เนื่องจากก่อนหน้านั้นตนเองได้ดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าบ้านพักกับญาติ จึงได้พาน้องไปที่บ้านเพื่อจะดื่มเหล้าต่อ และได้พากันดื่มกินกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อเห็นว่าน้องผู้เสียหายดื่มจนเมาไม่ได้สติแล้ว จึงบอกให้ขึ้นไปนอนก่อนที่ห้องพักของตนเอง ซึ่งเมื่อน้องผู้เสียหายได้ขึ้นไปนอนด้านบนห้องชั้น 2 แล้ว ยอมรับว่าตนเองก็ได้เข้าไปนอนในห้องเดียวกันและนอนด้วยกันจริง แต่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากตนเองดื่มสุราและเสพยาเค จนเมาไม่ได้สติ และที่มากบดานอยู่ใน จ.เพชรบุรีนี้เพราะรู้ตัวว่ามีหมายจับจึงหนีมากบดานที่นี่ โดยใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ออกไปไหน รับประทานอาหารจาก 7-11 อยู่แต่ในบ้าน โดยเหตุการณ์จับกุมในวันนี้ตนเองแง้มหน้าต่างมาเห็นว่าเป็นชุดของสารวัตรแจ๊ะ ก็รู้ว่าถ้าแอบต่อไปยังไงเจ้าหน้าที่ก็พังประตูเข้ามาแน่ๆ เพราะติดตามเพจสืบนครบาลอยู่ตลอด จึงยอมให้แฟนสาวไปเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่แต่โดยดี หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยงทำให้ศาลอนุมัติหมายจับจากพฤติการณ์ในคดีนี้ นับได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจและสะเทือนใจ ผู้ต้องหารายนี้ใช้ความสนิทสนมกับผู้ปกครองของเหยื่อ ออกกลอุบายหลอกล่อ ใช้เทศกาลสงกรานต์เป็นข้ออ้างให้หลงเชื่อโดยสนิทใจ ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหาย มีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต ในวันข้างหน้าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด

“จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครองทั้งหลาย โปรดเพิ่มความใส่ใจในตัวบุตรหลานของท่าน อย่าไว้วางใจและคลาดสายตา แม้แต่กระทั่งคนใกล้ชิด ยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ขอให้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”  

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม